Rechercher dans ce blog

Friday, April 30, 2021

Samsung Galaxy M42 5G รุ่นแรกในซีรี่ย์ที่รองรับ 5G หน้าตาคุ้นๆ ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 750G - Siamphone

ถึงคราว Sasmung Galaxy M Series ได้สัมผัสสัญญาณ 5G กันบ้าง โดยเป็น Samsung Galaxy M42 5G ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในซีรี่ย์นี้ที่รองรับสัญญาณ 5G ส่วนหน้าตา และสเปคต่างๆ จะเป็นการรีแบรนด์จาก Samsung Galaxy A42 5G ที่วางขายในประเทศไทยไปแล้ว ซึ่งมีชิปเซ็ต Snapdragon 750G หน้าจอ AMOLED กว้าง 6.6 นิ้ว และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh ตามจุดขายของ Galaxy M Series

Samsung Galaxy M42 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.6 นิ้ว ความละเอียด HD+ (1600x7200 พิกเซล) ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบ Infinity-U ในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 8MP ในขณะที่กล้องหลังติดตั้งมา 4 เลนส์ มีเลนส์หลัก ความละเอียด 48MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP, เลนส์ Depth ความละเอียด 2MP, และเลนส์ Macro ความละเอียด 2MP

สเปคภายในขับเคลื่อนด้วย Qualcomm Snapdragon 750G ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวกลาง แต่ความแรงเอาเรื่องเหมือนกัน แถมยังรองรับสัญญาณ 5G ในขณะที่ RAM กับ ROM สูงสุด 8GB + 128GB สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ถึง 1TB รันบนระบบปฏิบัติการ Android 10 ส่วนแบตเตอรี่มีขนาด 5,000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 15W ผ่านพอร์ต USB Type-C

Samsung Galaxy M42 5G มีให้เลือก 2 สีคือ Prism Dot Black และ Prism Dot Grey ในราคาเริ่มต้น 21,999 รูปี หรือประมาณ 9,300 บาท ซึ่งจะตัวจะวางขายในประเทศอินเดียวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ส่วนในไทยใครที่สนใจก็สามารถมองไปที่ Samsung Galaxy A42 5G ได้เหมือนกัน

  • RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 21,999 รูปี (ประมาณ 9,300 บาท)
  • RAM 8GB + ROM 128GB ราคา 23,999 รูปี (ประมาณ 11,000 บาท)

Let's block ads! (Why?)


Samsung Galaxy M42 5G รุ่นแรกในซีรี่ย์ที่รองรับ 5G หน้าตาคุ้นๆ ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 750G - Siamphone
Read More

เทียบสเปคมือถือเล่นเกม Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2 - SP : SPECPHONE

Redmi K40

หลังจากที่ Redmi ได้ทำการเปิดตัวมือถือเกมมิ่งของตัวเองอย่าง Redmi K40 Gaming Edition ไปแล้ว ทีนี้เราจึงสงสัยว่าแล้วมันจะต่างกับ ROG Phone 5 และ Legion Duel 2 ยังไง แต่ที่แน่ ๆ คือเป็นไปได้ว่า Redmi K40 Gaming Edition นี้คงไม่เข้ามาขายในไทย (เว้นแต่ถูกร้านหิ้วเข้ามา) ซึ่งทั้ง 3 ตัวนี้ก็เป็นมือถือเพื่อการเล่นเกมที่มีปุ่ม L/R เหมือน ๆ กัน ซึ่งหลังจากที่ทีมงาน Specphone ได้ไปตรวจสอบมาก็ได้เห็นจุดแตกต่างหลายจุด ซึ่งวันนี้เราจะมาอธิบายกันว่าทั้ง 3 เครื่องนี้มีจุดไหนที่แตกต่างกันบ้าง ไปรับชมกันได้เลย

เทียบสเปค Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2

Xiaomi Redmi K40 Gaming Edition ASUS ROG Phone 5 Lenovo Legion Duel 2
ขนาด 161.9 x 76.9 x 8.3 มม. 172.8 x 77.3 x 10.3 มม. 176 x 78.5 x 9.9 มม.
น้ำหนัก 205 กรัม 238 กรัม 259 กรัม
หน้าจอ OLED
ขนาด 6.67 นิ้ว
2400 x 1080 พิกเซล
Refresh Rate 120Hz
Touch Sampling 480Hz
10-bits, HDR10+
Gorilla Glass 5
AMOLED
ขนาด 6.78 นิ้ว
2400 x 1080 พิกเซล
Refresh Rate 144Hz
Touch Sampling 300Hz
10-bits, HDR10+
Gorilla Glass Victus
AMOLED
ขนาด 6.92 นิ้ว
2460 x 1080 พิกเซล
Refresh Rate 144Hz
Touch Sampling 720Hz
8-bits, HDR10+
Gorilla Glass 5
ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 1200 (6nm) Qualcomm Snapdragon 888 (5nm) Qualcomm Snapdragon 888 (5nm)
แรม 6GB / 8GB / 12GB 8GB / 12GB / 16GB 12GB / 16GB
หน่วยความจำ 128GB / 256GB 128GB / 256GB 256GB / 512GB
กล้องหลัง 64 MP f/1.7 (wide)
8 MP f/2.2 (ultrawide)
2 MP f/2.4 (macro)
64 MP f/1.8 (wide)
13 MP f/2.4 (ultrawide)
5 MP f/2.0 (macro)
64 MP f/1.9 (wide)
16 MP f/2.2 (ultrawide)
กล้องหน้า 16 MP 24 MP f/2.5 44 MP f/2.0 (pop-up)
แบตเตอรี่ 5,065 mAh
ชาร์จเร็ว 67W
6,000 mAh
ชาร์จเร็ว 65W
5,500 mAh
ชาร์จเร็ว 65W
(ชาร์จด้วยพอร์ตเดียว)
ชาร์จเร็ว 90W
(ชาร์จด้วย 2 พอร์ต)

ความแตกต่างเมื่อทำการเทียบสเปค Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2

เทียบสเปค Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2 : หน้าจอ

มาเริ่มกันที่จุดแรกกันก่อนเลย นั่นก็คือหน้าจอนั่นเอง โดยในเรื่องขนาดของหน้าจอนั้นจะไม่ขอพูดถึง เพราะมันคือรสนิยมส่วนตัวของเพื่อน ๆ แต่ทว่าสิิ่งที่จะใช้ชี้ขาดในการเลือกซื้อเลยก็คือการแสดงผล ไม่ว่าจะเป็นชนิดจอที่เลือกใช้, การแสดงผลสีที่สามารถทำได้, ค่า Refresh Rate และค่า Touch Sampling Rate ซึ่งพวกนี้จะส่งผลต่อการใช้งานอยู่พอสมควร

โดย Redmi K40 Gaming Edition นั้นใช้หน้าจอพาแนล OLED ส่วน ROG Phone 5 และ Legion Duel 2 นั้นใช้หน้าจอพาแนล AMOLED หรือจะให้สรุปง่าย ๆ ก็คือทั้ง 3 เครื่องนั้นใช้หน้าจอแบบ OLED เหมือน ๆ กัน แต่ทว่าในเรื่องการแสดงสีนั้นดันมีความแตกต่างกันพอสมควรเลย เนื่องจากใน Redmi K40 Gaming Edition และ ROG Phone 5 นั้นสามารถแสดงผลได้ถึงพันล้านสีเลย ในขณะที่ Legion Duel 2 นั้นแสดงผลได้ที่ 16 ล้านสี ซึ่งการที่สามารถแสดงผลสีได้เยอะนั้นช่วยให้ได้อรรถรสมากขึ้นในระหว่างการเล่นเกมและดูหนัง ถ้าให้พูดถึงแค่เรื่องความน่าใช้แล้วหน้าจอ AMOLED ที่สามารถแสดงผลได้ถึงพันล้านสีอาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดก็ได้ แต่ทว่ามันก็ยังมีอีกปัจจัยที่ใช้ตัดสินได้อีกนั่นก็คือค่า Refresh rate และค่า Touch Sampling Rate

สำหรับค่า Refresh Rate และค่า Touch Sampling Rate ของทั้ง 3 เครื่องนั้นมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร ซึ่งแน่นอนว่ามันส่งผลต่อการเล่นเกมด้วยอย่างแรง ซึ่งค่า Refresh Rate ของ Redmi K40 Gaming นั้นจะอยู่ที่ 120Hz ส่วน ROG Phone 5 และ Legion Duel 2 นั้นจะอยู่ที่ 144Hz และค่า Touch Sampling Rate นั้นจะอยู่ที่ 480Hz (Redmi), 300Hz(ROG) และ 720Hz (Legion) ซึ่งRefresh Rate นั้นในปัจจุบันนั้นทั้ง 120Hz และ 144Hz นั้นไม่ค่อยส่งผลอะไรที่แตกต่างกันมากนัก เพราะทุกวันนี้แต่ละเกมทำได้อย่างมากสุดก็แค่ 90Hz (PUBG ใน OnePlus) ทำให้ส่วนต่างนี้ไม่ค่อยเห็นผลที่ชัดเจนเท่าไร แต่ทว่าค่า Touch Sampling Rate นี่แหละที่จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง เพราะมันแสดงถึงความเร้วในการตอบสนองต่อการสัมผัสของเรา ยิ่งมีเยอะเท่าไรก็ยิ่งตอนสนองได้ไวเท่านั้น ทำให้การเล่นเกมนั้นทำได้ง่ายขึ้นด้วย

หากให้สรุปว่าหน้าจอของเครื่องไหนในทั้ง 3 เครื่องนี้ที่ดีที่สุด หากมองแค่ที่ค่า Refresh Rate และค่า Touch Sampling Rate แล้ว Legion Duel 2 นั้นจะเหมาะสมที่สุด แต่โดยส่วนตัวของผู้เขียนแล้วมองว่าหน้าจอของ ROG Phone 5 นั้นน่าสนใจกว่า เนื่องจากได้หน้าจอที่เป็น AMOLED แถมยังแสดงสีได้ถึงพันล้านสี ถึงแม้จะมีค่า Touch Sampling Rate น้อยที่สุดก็ตาม แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว 300Hz นี่ก็ถือว่าเยอะมาก ๆ แล้ว


เทียบสเปค Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2 : ชิปประมวลผล

ROG5 CPU 1

มาต่อการที่เรื่องชิปประมวลผลกัน ซึ่งใน 3 เครื่องนี้จะมีชิปประมวลผลอยู่ 2 แบบคือ Qualcomm Snapdragon 888 และ MediaTek Dimensity 1200 ซึ่งว่ากันตามตรงแล้วทั้งคู่เป็นชิปประมวลผลระดับเรือธงทั้งคู่ ในเรื่องการประมวลผลต่าง ๆ นั้นเรียกได้ว่าลื่นในทุกการกระทำ แต่ทว่าในด้านการเล่นเกมแล้วจะมีข้อแตกต่างกันอยู่ในเรื่องของ GPU ที่ใช้ประมวลผลกราฟิกต่าง ๆ เนื่องจากชิปประมวลผล Snapdragon นั้นใช้ GPU เป็น Adreno ส่วน Dimensity นั้นใช้ GPU เป็น Mali-G77 MC9

ซึ่งชิป Snapdragon 888 นั้นเป็นชิปที่ถูกทำขึ้นมาโดยได้นับการปรับแต่งให้สามารถเล่นเกมได้ดีแถมยังใช้สถาปัตยกรรมที่ดีกว่าในการผลิตด้วย (Snap 888 มีขนาด 5nm ส่วน Dimensity 1200 มีขนาด 6nm) ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างทำให้ชิป Snapdragon 888 นั้นดูดีกว่า Dimensity 1200 แต่ทว่า MediaTek ก็ได้ทดแทนส่วนต่างนั้นด้วยการเพิ่ม CPU Clock ให้สูงกว่าแทน ทำให้การประมวลผลต่าง ๆ มีความสูสีขึ้นมาบ้าง

ซึ่งถ้าจะให้พูดแล้วหล่ะก็ ในเรื่องของชิปประมวลผลนี้ความแตกต่างกันนั้นมีเล็กน้อยมาก ๆ แต่ถ้าจะให้ฟันธงลงไปจริง ๆ แล้วชิป Snapdragon 888 นั้นทางผู้เขียนก็ยังมองว่ามันดีกว่าอยู่ดีถึงจะทำให้เครื่องแพงสุด ๆ เลยก็ตาม แต่ถ้ามีงบจำกัดจริง ๆ Dimensity 1200 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วเพราะในความรู้สึกคนเรามันก็ไม่ได้แตกต่างกันจนรู้สึกได้


เทียบสเปค Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2 : กล้องถ่ายรูป

Redmi K40 Gaming Camera 1

ในด้านการถ่ายภาพนั้นจะไม่ขอพูดอะไรให้มาก เนื่องจากภาพถ่ายนั้นเป็นเรื่องความชอบส่วนตัว แถมซอร์ฟแวร์ของกล้องในแต่ละยี่ห้อก็ไม่เหมือนกัน ทำให้ได้ภาพที่แตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ ซึ่งตรงนี้ถ้าไม่ได้ตัวเครื่องมาลองจริง ๆ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกแบบฟันธงว่าใครดีกว่ากัน ที่พอทำได้ก็มีเพียงแค่พูดถึงสเปคกล้องเท่านั้น ซึ่งมองกันที่สเปคกล้องแล้วก็เรียกไ้ดว่าน่าจะแตกต่างกันไม่มาเนื่องจากกล้องหลักของทั้ง 3 เครื่องนั้นมีความละเอียดที่ 64MP เท่ากันหมด ถึงจะต่างกันที่ค่ารูรับแสงก็ตาม ทว่าส่วนต่างนั้นก็มีน้อยมากจนแทบจะไม่ส่งผลเท่าไร (สำหรับมือถือนะ)

ส่วนที่แตกต่างกันจริง ๆ ก็คือกล้องตัวอื่น ๆ โดยเฉพาะกล้อง Ultrawide ที่มีความละเอียดไม่เท่ากันสักเครื่อง โดย Redmi นั้นมีความละเอียดที่ 8MP ส่วน ROG นั้นมีความละเอียดที่ 13MP และ Legion มีความละเอียดที่ 16MP ซึ่งถ้ามองกันที่ความละเอียดแล้ว Legion Duel 2จะได้ภาพที่มีความคมมากว่า นอกจากนี้ Redmi และ ROG ยังมีกล้อง Macro ด้วย แต่ Legion ไม่มี ทำให้การถ่าย Macro ต้องไปใช้กล้อง Ultrawide แทน

สำหรับการถ่ายวีดีโอแล้วก็เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ เนื่องจาก Redmi นั้นสามารถถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30fps ในขณะที่ ROG Phone 5 นั้นสามารถถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดถึง 8K 30fps เลย ส่วน Legion Duel 2 นั้นสามารถถ่ายได้สูงสุดที่ 8K 24fps ซึ่งถ้าให้พูดกันจริง ๆ ในเรื่องการอัดวีดีโอนั้น ROG Phone 5 น่าสนใจกว่าเยอะเลย

สำหรับกล้องหน้านั้นก้เป็นอีกจุดที่น่าสนใจเนื่องจากมีความแตกต่างกันเอาเรื่องอยู่ โดย Redmi นั้นมีกล้องความละเอียด 16MP ส่วน ROG นั้นมีความละเอียดอยู่ที่ 24MP ซึ่งทั้งคู่สามารถอัดวีดีโอได้สูงสุดที่ 1080p 30fps เท่านั้น ในขณะที่ Legion นั้นมีความละเอียดมากถึง 44MP แถมยังอัดวีดีโอได้สูงสุดถึง 4K 60fps เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นกล้องแบบป๊อปอัพอีกด้วย ทำให้หน้าจอไม่เสียพื้นที่ให้กับรูกล้องอีก ทำให้เรื่องกล้องหน้านี้ Legion Duel 2 นั้นมีความน่าสนใจกว่าเยอะ


เทียบสเปค Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2 : แบตเตอรี่

Legion Duel 2 battery 1

ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นทั้ง 3 เครื่องนั้นต่างกันหมดเลยทั้งขนาดและระบบชาร์จเร็ว ซึ่งที่จะเห็นผลต่างแบบชัดเจนที่สุดก็คือระบบชาร์จ ในที่นี่จะขอละเรื่องขนาดแบตเตอรี่ไปเลยเนื่องจากขนาดแบตเตอรี่นั้นต่างกันไม่เยอะ และก็มีกลายปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาในการใช้งานด้วย แต่สำหรับเรื่องระบบชาร์จแล้วจะมีปัจจัยที่ส่งผลเพียงแค่ 2 อย่างคือขนาดและกำลังไฟ ซึ่งขนาดต่างกันไม่มากขนาดทำให้เกิดความต่างของเวลามากนัก แต่ด้วยกำลังไฟสูงสุดที่เครื่องรองรับได้นั้นต่างกัน ทำให้ส่งผลต่อระยะเวลาในการชาร์จพอสมควร ซึ่ง Redmi นั้นมีกำลังไฟขนาด 67W ที่ใช้เวลาชาร์จตั้งแต่ 0 – 100% ใน 42 นาที ส่วน ROG นั้นมีกำลังไฟขนาด 65W ที่ใช้เวลาชาร์จตั้งแต่ 0 – 100% ใน 52 นาที ส่วน Legion นั้นมีกำลังไฟสุงสุดถึง 90W (เมื่อชาร์จด้วย Type-C ทั้ง 2 พอร์ต) ที่ใช้เวลาชาร์จตั้งแต่ 0 – 100% ใน 30 นาที จากส่วนต่างด้านเวลาชาร์จนี้ทำให้ Legion Duel 2 นั้นน่าสนใจกว่าด้วยเรื่องการใช้งานที่ต่อเนื่องกว่านั่นเอง


เทียบสเปค Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2 : อื่น ๆ

นอกจากสเปคหลัก ๆ แล้วก็ยังมีบางจุดที่แตกต่างกันแถมเป็นสิ่งที่ไม่พูดก็ไม่ได้ด้วยนั่นก็คือระบบเสียง, ปุ่ม Trigger, Bluetooth และ Wi-Fi 6 ซึ่งรายละเอียดจะมีดังนี้

ระบบเสียง

ROG5 Sound 1

ในเรื่องของระบบเสียงนั้นแน่นอนว่าทั้ง 3 เครื่องมีลำโพงคู่เหมือน ๆ กัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือเสียงที่ออกมา เนื่องจาก Redmi K40 Gaming Edition นั้นตัวลำโพงได้รับการจูนโดย JBL แถมยังรองรับเสียงระดับ Hi-Res อีกด้วย ส่วน ROG Phone 5 นั้นมีระบบเสียงแบบ DIRAC นอกจากนี้ยังมี DAC ระดับไฮเอนด์อีกด้วย สำหรับ Legion Duel 2 นั้นมาพร้อมลำโพงแบบแม่เหล็ก 7 ชิ้นที่ให้ระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ซึ่งในที่นี่ทางผู้เขียนยังคงฟันธงไม่ได้ว่าเครื่องไหนที่มีระบบเสียงดีกว่า แต่ทว่า Redmi K40 Gaming และ ROG Phone 5 ดูแล้วน่าสนใจกว่าเยอะเลย ทั้งลำโพงที่ได้ JBL จูนเสียงให้ ไหนจะระบบเสียง DIRAC แถมยังมี DAC ในตัวอีก

ปุ่ม Trigger

Legion Duel 2 trigger 1

สำหรับปุ่ม Trigger นั้นทั้ง 3 เครื่องมีเหมือน ๆ กันหมด เพียงแต่ว่าก็จะแตกต่างกันไปตามการออกแบบ ซึ่งทางฝั่ง Redmi นั้นเป็นปุ่มแบบ Physical ที่สามารถเก็บได้ ส่วนทาง ROG และ Legion นั้นเป็นปุ่มแบบ Ultrasonic (สัมผัส) ซึ่งของ Legion นั้นมีความน่าสนใจกว่าเนื่องจากมีถึง 4 ปุ่มเลยทีเดียว คือ L1/R1, L2/R2 นอกจากนี้ยังมีปุ่มแบบสัมผัสที่หลักเครื่องอีก รวม ๆ ก็ 6 ปุ่มเลยทีเดียว ซึ่งทำให้สามารถเซ็ตค่าได้หลากหลายมากขึ้น แถมยังให้ความรุ้สึกคล้ายจอยเกมมากขึ้นอีกด้วย

Bluetooth

cropped bluetooth large

ในเรื่องของ Bluetooth นั้นทั้ง 3 เครื่องใส่ Bluetooth 5.2 มาให้เหมือน ๆ กันแต่ทว่ากลับมีขุดแตกต่างกันเล็กน้อย เนื่องจาก ROG Phone 5 นั้นมี Bluetooth ที่สามารถรองรับ Codec aptX HD, aptX Adaptive ได้ ซึ่งแค่ตรงจุดนี้ก็ทำให้น่าสนใจมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะคนที่ใช้หูฟังแบบไร้สายฟังเพลง เนื่องจากมันให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่านั่นเอง

Wi-Fi 6

thumbnail qualcomm wifi 6e

สำหรับเรื่อง Wi-Fi 6 นั้นเป็นเรื่องที่จะต้องเอามาพูดหน่อย ถึงแม้ในไทยจะยังไม่แพร่หลายมากนั่น เนื่องจาก Redmi และ Legion นั้นรองรับ Wi-Fi 6 แต่ทว่า ROG นั้นรองรับ Wi-Fi 6E ที่เป็นเทคโนโลยีตัวอัพเกรดของ Wi-Fi 6 ซึ่งจุดที่ทำให้ Wi-Fi 6E แตกต่างก็คือการที่สามารถรับย่านความถี่ 6GHz ได้ ทำให้ได้ช่องที่มีย่านความถี่มหาศาลเพิ่มขึ้นมาให้ใช้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องไปตีกับใคร โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่ค่อยมีใครใช้นี่แหละยิ่งทำให้ได้เน็ตที่ดีกว่า แต่ปัญหาก็คือเราเตอร์ที่สามารถปล่อย Wi-Fi 6E ตอนนี้ยังมีไม่มาก แถมราคาก็เอาเรื่องอยู่ทำให้อาจจะต้องเปลืองเงินนิดหน่อย


สรุปการเทียบสเปค Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2

Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2 1

สรุปจากการเทียบสเปค Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2 ไปในระดับหนึ่งนั้นโดยส่วนตัวของผู้เขียนมองว่า ASUS ROG Phone 5 เป็นเครื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจกว่าด้วยเทคโนโลยีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ ASUS ยัดเข้ามาให้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอพันล้านสี, Wi-Fi 6E, ระบบเสียง DIRAC พร้อม DAC ถึงแม้จะมีค่า Touch Sampling Rate และใช้เวลาชาร์จนานกว่า Legion Duel 2 ก็ตาม แต่ส่วนต่างนั้นก็ไม่ได้มากจนถึงกับยอมรับไม่ได้ แต่สำหรับใครที่ซีเรียสเรื่องความเร้วในการตอบสนองและความเร้วในการชาร์จยังไงก็ไม่มีใครสู้ Legion Duel 2 ได้สักนิด และหากใครที่มีงบน้อยจัด ๆ Redmi K40 Gaming Edition นั้นคือตัวเลือกที่ดีที่สุด (เพราะถ้าเข้าไทยยังไง ROG และ Legion ก็ราคาเกิน 20,000 บาทแน่นอน ส่วน Redmi ยังไงก็หิ้วเข้ามา ราคาน่าจะไม่เกิน 20,000 บาทแน่นอน)

Let's block ads! (Why?)


เทียบสเปคมือถือเล่นเกม Redmi K40 Gaming Edition vs ROG Phone 5 vs Legion Phone Duel 2 - SP : SPECPHONE
Read More

แนะนำ 10 มือถือ OPPO รุ่นไหนดี 2021 ที่ถ่ายรูปสวยได้สเปคแรง ใช้งานได้หลากหลาย - SP : SPECPHONE

แนะนำ 10 มือถือ OPPO รุ่นไหนดีในปี 2021 ถ่ายรูปสวย ได้สเปคแรง รองรับการใช้งานได้หลายรูปแบบ

oppo รุ่นไหนดี 2021

มือถือของ OPPO นั้นเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อ ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ OPPO ได้มีการพัฒนาตัวเครื่อง และสเปคต่างๆ ออกมาอยู่เสมอ เพื่อให้เข้ากับผู้ใช้งานหลายรูปแบบ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำสเปคออกมาได้ดีอย่างเดียว แต่ราคาของมือถือจาก OPPO นั้นก็มีให้เลือกหลายช่วงราคา ตั้งแต่มือถือที่ราคาไม่เกิน 5000 บาท ไปจนถึงระดับเรือธงที่มีราคาหลักหมื่นขึ้นอีกหลายตัว ใครที่ลังเลว่าจะซื้อ OPPO รุ่นไหนดีในปี 2021 ก็ลองลงไปดูสเปคกันได้เลย

จึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้รับความนิยมมากถึงขนาดนี้ได้ และก็แน่นอนว่าตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมา OPPO ก็ได้ทำมือถือออกมาอยู่หลายรุ่น รวมไปถึงในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมานี้ ก็ยังคงทำออกมาให้เราได้เห็นกันอีกหลายรุ่น สำหรับใครที่กำลังมองหามือถือของ OPPO แต่ว่ายังไม่รู้ว่าจะซื้อ OPPO รุ่นไหนดีในปี 2021 ที่ได้ความคุ้มค่ากับสเปคการใช้งาน ทั้งถ่ายรูปสวย และสเปคที่ตอบโจทย์การใช้งาน เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาแนะนำกันทั้งหมด 10 รุ่น เผื่อเป็นตัวเลือกให้กับทุกคนเลย

  • 10 มือถือ OPPO รุ่นไหนดีในปี 2021
  1. OPPO A15s
  2. OPPO A54
  3. OPPO A73 (2020)
  4. OPPO A74 Series
  5. OPPO A94
  6. OPPO Reno5 Series
  7. OPPO Reno4 Z 5G
  8. OPPO Reno5 Pro 5G
  9. OPPO Reno4 Pro
  10. OPPO Find X3 Pro

10 มือถือ OPPO รุ่นไหนดีในปี 2021

สำหรับมือถือของ OPPO รุ่นไหนดีในปี 2021 ที่เราจะนำมาแนะนำกันในวันนี้ จะเป็นรุ่นที่เปิดตัวออกมาในปี 2021 เป็นส่วนใหญ่ และอาจจะมีรุ่นที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2020 ที่ผ่านมาด้วย เพื่อความหลากหลาย รวมไปถึงเรทราคาที่ต่างกันด้วย ซึ่งเราจะแนะนำทั้งรุ่นที่มีราคาถูก สำหรับคนที่มีงบไม่เยอะมาก กับรุ่นราคาสูงๆ ที่ได้สเปคเทพๆ สำหรับคนที่มีงบเยอะ และต้องการใช้มือถือของ OPPO และนึกไม่ออกว่าจะใช้ OPPO รุ่นไหนดีก็ลองเข้ามาเลือกดูกันได้เลย จะขอเรียงลำดับตั้งแต่ราคาน้อยไปหามาก มีรุ่นที่น่าสนใจดังนี้

1. OPPO A15s : ราคา 4,999 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 a15s

เปิดรุ่นแรกกันกับ OPPO รุ่นไหนดีในปี 2021 กับรุ่นนี้ที่เปิดตัวออกมาช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอยู่เหมือนกัน เนื่องจากเป็นรุ่นที่อัพเกรดมาจากตัว A15 และมีราคาที่ไม่ต่างกันมา แต่ได้สเปคที่ดีกว่าเดิม การดีไซน์ภายนอกของตัวนี้จะเป็นสีแบบเรียบๆ ทำมาจากพลาสติก ที่มีความสวยงาม ส่วนหน้าจอจะเป็นกระจกแข็งแบบ IPS-LCD ให้ความคมชัดสีสันสวยงาม มีขนาดความกว้าง 6.52 นิ้วตามมาตรฐาน ไม่เล็กและก็ไม่ใหญ่จนเกินไป ซึ่งรุ่นนี้ได้ใช้ชิป Helio P35 ที่สามารถใช้งานได้แบบทั่วไป หรือจะใช้เล่นเกมก็ยังพอไหวอยู่ เพราะชิปตัวนี้เล่นเกมได้ลื่นพอสมควรเลย

oppo รุ่นไหนดี 2021 a15s camera

กล้องหลังของรุ่นนี้จะเป็นแบบกล้อง 3 ตัว มีความละเอียดอยู่ 13MP + มาโคร 2MP และเลนส์ชัดลึก 2MP จะเอามาถ่ายรูปก็ได้ แต่รุ่นนี้อาจจะไม่ได้เน้นตรงกล้องมากนัก ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 8MP ถ่ายเซลฟี่ได้สบายๆ แถมยังมีฟีเจอร์ AI มาช่วยทำให้การถ่ายนั้นง่ายขึ้นด้วย กับแบตที่มีความจุ 4,230 mAh ดูวิดีโอได้ต่อเนื่อง 16 ชั่วโมง และเล่นเกมได้ต่อเนื่อง 6 ชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนไม่เยอะมากนัก แต่ก็ยังใช้งานได้อย่างยาวนานทั้งวันแน่นอน โดยรวมแล้วเป็นรุ่นที่ทำออกมาให้ใช้งานได้ดีในทุกๆ ด้าน ทั้งการใช้เล่นเกม ถ่ายรูป หรือใช้แบบปกติก็ทำงานได้ดีเลย ราคาของ OPPO A15s มีราคาเปิดตัวที่ 4,999 บาท สั่งซื้อได้ที่นี่


2. OPPO A54 : ราคา 5,699 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 a54

มาที่รุ่นต่อไปกัน สำหรับรุ่นนี้ที่เพิ่มงบเข้ามาอีกหน่อย ก็จะได้รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว และเป็นรุ่นที่อัพเกรดให้ดีขึ้นนิดหน่อย ตรงเรื่องแบตที่อึดมากขึ้น และกล้องที่ดีขึ้น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากเช่นกัน การดีไซน์ของรุ่นนี้ทำออกมา 2 สีให้เลือกคือ Black และ Blue ซึ่งรูปแบบนั้นจะเป็นแบบมันวาวแบบเหลือบๆ และมีระบบจดจำใบหน้า ไม่ต้องสแกนลายนิ้วมือด้านหลัง ส่วนหน้าจอจะเป็นกระจกแข็งแบบ IPS-LCD ให้สีสวยตามมาตรฐาน กับความกว้างขนาด 6.51 นิ้วพอๆ กับตัวด้านบนเลย ขนาดกำลังดี แถมยังมี Touch-Sensing ถึง 120Hz มาพร้อมกับชิป Helio P35 ใช้งานได้แบบทั่วไป หรือจะใช้เล่นเกมได้เหมือนกัน ถึงแม้ว่าตัวนี้จะมีหน้าจอเล็กลงมาแค่นิดเดียว แต่ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ที่ทำออกมาได้ตอบโจทย์การใช้งานมากขึ้น จึงเป็นรุ่นที่น่าใช้มากสำหรับคนที่มีงบไม่เยอะมาก

oppo รุ่นไหนดี 2021 a54 camera

อย่างที่บอกว่ารุ่นนี้ได้กล้องที่ดีกว่าตัวบน แต่ว่าไม่ใช่กล้องหลังนะ เป็นกล้องหน้าที่มีความละเอียดมากถึง 16MP เอามาถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามเลย และยังบันทึกวิดีโอได้ระดับ HD เลยด้วย เหมาะกับการเอามาทำคอนเทนต์ลง Social Media ในราคาประหยัดสุดๆ ส่วนกล้องหลังจะมี 3 ตัวที่ความละเอียด 13MP + มาโคร 2MP และเลนส์โบเก้ 2MP ใช้ถ่ายหน้าชัดหลังละลายได้สวยๆ จะถ่ายวิวหรือถ่ายคนก็สวยได้เหมือนกัน ที่สำคัญคือแบตอึดมาก เพราะมีความจุมากถึง 5,000 mAh แถมรองรับ Fast Charging 18W ใช้งานได้ยาวๆ ได้ชาร์จไวมาเสริมให้ดีมากขึ้น รุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ จะถ่ายวิดีโอทำคอนเทนต์ หรือจะเล่นเกมก็ทำได้ดีเลย ใครที่ไม่รู้จะเลือก OPPO รุ่นไหนดี รุ่นนี้เป็นรุ่นที่ต้องลิสต์ไว้เลย ราคาของ OPPO A54 มีราคาที่ 5,699 บาท สั่งซื้อได้ที่นี่


3. OPPO A73 (2020) : ราคา 6,999 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 a73

มาที่รุ่นต่อไปกันเลย ซึ่งรุ่นนี้เป็นรุ่นที่เปิดตัวออกมาตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ก็ยังเป็นรุ่นที่ยังน่าสนใจอยู่เช่นกัน ด้วยสเปคของตัวเครื่องที่ยังแรง เล่นเกมได้ไหลลื่นแน่นอน ที่สำคัญคือราคายังคงอยู่ในระดับกลางๆ ที่ยังไม่เกินหมื่น ก็สามารถซื้อมาใช้กันได้แล้ว ตัวนี้เคยทำออกมาเมื่อปี 2018 แล้วแต่ได้อัพเกรดใหม่ ให้ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะมากๆ อย่างแรกคือการดีไซน์ที่ฝาหลังไม่มีสแกนลายนิ้วมือแล้ว และทำเป็นแบบสีเรียบๆ สวยมากขอบอก หน้าจอเป็นกระจกแข็ง Corning Gorilla Glass 3 แบบ AMOLED ให้สีสันสมจริงมากยิ่งขึ้น ขนาดความกว้าง 6.44 กำลังดีไม่ได้เล็กเกินไป ตัวแรงของรุ่นนี้อยู่ที่ชิป Snapdragon 662 ที่สามารถเล่นเกมได้ลื่นๆ แน่นอน หายห่วงเรื่องนี้ไปได้เลย ใครมองหามือถือ OPPO รุ่นไหนดีที่เล่นเกมได้ดี รุ่นนี้น่าสนใจมาก

oppo รุ่นไหนดี 2021 a73 camera

ส่วนกล้องหลังก็ไม่ธรรมดานะ เพราะว่ามีมาให้ถึง 4 ตัวที่ความละเอียด 16MP + อัลตร้าไวลด์ 8MP และเลนส์โมโนอีกสองตัว 2MP + 2MP ถ่ายได้สีออกมาค่อนข้างสวยเลยทีเดียว แถมยังมี AI คอยช่วยในการถ่ายให้ดีขึ้น พร้อมกับซูมได้ 10 เท่า กล้องหน้าความละเอียด 16MP ถ่ายเซลฟี่ได้สวยเลยไม่ว่าจะถ่ายกลางวัน หรือว่าจะถ่ายกลางคืนด้วย Night Mode ที่ช่วยปรับแสงให้เห็นหน้าชัดขึ้น ถ่ายอะไรได้ดีขึ้นอีกเยอะ สุดท้ายคือแบตของรุ่นนี้ ที่ทำออกมามีความจุ 4,015 mAh เหมือนจะไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ก็มีการรองรับ Fast Chaging 30W มาให้ เพื่อให้ชาร์จได้เต็มไวขึ้นทดแทนกันไป รุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานทุกรูปแบบ ทั้งถ่ายรูปหรือว่าจะเล่นเกม แถมยังมีดีไซน์สวยงาม ตัวเครื่องผิวสัมผัสเหมือนหนังดูดีไปอีกแบบ ราคาของรุ่นนี้เปิดตัวที่ 6,999 บาท สั่งซื้อได้ที่นี่


4. OPPO A74 Series : ราคา 7,999 | 8,999 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 a74

ต่อเนื่องกันด้วย OPPO A74 ที่ทำออกมาให้เลือกถึง 2 แบบคือแบบ 4G และแบบ 5G ทั้งสองตัวนี้ราคาต่างกัน 1,000 บาท แต่สเปคนั้นค่อนข้างต่างกันเยอะอยู่พอสมควรเลย ถ้าพูดถึงดีไซน์นั้นจะคล้ายๆ กันคือเป็นแบบมันวาวเหลือบนิดๆ แต่ถ้ามองไปที่โมดูลกล้องก็จะต่างกันแล้ว ส่วนหน้าจอจะเป็นกระจกแข็งแบบ AMOLED กว้าง 6.43 นิ้ว ในตัว 4G และในตัว 5G เป็นแบบ IPS-LCD กว้าง 6.5 นิ้วต่างกันเล็กน้อย และชิปเซ็ตของตัว 4G เป็น Snapdragon 662 ส่วน 5G เป็น Snapdragon 480 ทั้งสองตัวนี้เล่นเกมได้ดีทั้งคู่ อยู่ที่ว่าอยากจะใช้เล่นในระดับไหนมากกว่ากัน เพราะตัว 480 จะทำงานได้ดีกว่าถ้าเทียบกันจาก Benchmarks หรือจะใช้งานทั่วไปก็ดีแน่นอน

oppo รุ่นไหนดี 2021 a74 5G

ส่วนกล้องหลังของทั้งสองตัวนี้ก็ต่างกันเลย เพราะในรุ่น 4G จะมีกล้องเพียง 3 ตัวที่ความละเอียด 48MP + ชัดลึก 2MP และมาโคร 2MP กับของรุ่น 5G ที่จะมีเพิ่มเลนส์อัลตร้าไวลด์ 8MP เข้ามาอีก 1 ตัว กับกล้องหน้าที่ความละเอียดเท่ากันคือ 16MP ถ่ายเซลฟี่ได้สวยดั่งใจ สุดท้ายคือแบตที่มีความจุเท่ากันคือ 5,000 mAh แต่รองรับ Fast Charing ไม่เท่ากันอีก เพราะในรุ่น 4G ได้ถึง 30W แต่รุ่น 5G ได้เพียง 18W เท่านั้น ถ้ามองดูแล้วใครไม่รู้ว่าจะเลือก OPPO รุ่นไหนดีระหว่าง 4G หรือ 5G ให้มองที่การใช้งานของตัวเองเป็นหลักดีกว่า ถ้าอยากใช้ 5G ก็จัดตัว 5G ไปเลย แต่ถ้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ถึงขนาดนั้น แนะนำให้ซื้อรุ่น 4G ,าใช้งานก็ได้สเปคเทพพอๆ กันแล้ว แถมราคาก็ต่างกันแค่ 7,999 กับ 8,999 บาทเท่านั้น


5. OPPO A94 : ราคา 9,499 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 a94

เพิ่มราคากันมาอีกหน่อย แต่ก็ยังเป็นรุ่นที่มีราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท จัดว่าเป็นเครื่องที่มีราคากลางๆ แต่ได้สเปคค่อนข้างเทพกันเลย รูปแบบการดีไซน์ของรุ่นนี้จะเป็นแบบเกือบเงา แต่ว่ามีสีสันสะท้อนแสงสวยตามแบบของ OPPO วัสดุทำมาจากพลากติก กับหน้าจอที่เป็นกระจกแข็งแบบ AMOLED ให้สีแบบสมจริงที่ความกว้าง 6.43 นิ้ว ไม่ถือว่าเล็กเกินไป แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากนัก มาพร้อมกับชิป Helio P95 ที่สามารถใช้เล่นเกมได้ หรือจะใช้แบบทั่วไปที่เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลงได้หมดเลย เพราะชิปตัวนี้มีประสิทธิภาพเหนือขึ้นมากว่าซีรีส์ P3x มี AI ที่ฉลากมากยิ่งขึ้นด้วย

oppo รุ่นไหนดี 2021 a94 camera

กล้องหลังรุ่นนี้จะมีอยู่ 4 ตัวที่ความละเอียด 48 MP + อัลตร้าไวลด์ 8MP + โมโน 2MP และมาโคร 2MP รองรับการถ่ายทุกรูปแบบ แถมยังได้สีสันที่สวยงามด้วย AI Camera และระบบกันสั่น EIS ช่วยให้ถ่ายได้สวยงามตามใจนึกเลยแหละ ส่วนกล้องหน้าก็สามารถใช้ถ่ายเซลฟี่ได้อย่างมั่นใจ ด้วยความละเอียดสูงถึง 32MP จะถ่ายภาพนิ่ง หรือจะทำวิดีโอคอนเทนต์ก็ทำได้ดีแน่นอน และสุดท้ายคือความจุแบตที่ 4,310 mAh รองรับ Fast Charging มากถึง 30W มั่นใจได้เลยว่าใช้งานได้ทั้งวัน ถึงแม้ว่าจะหมดก่อนหากใช้งานหนัก ก็ยังชาร์จกลับมาเต็มได้ไว สำหรับคนที่มองหา OPPO รุ่นไหนดีที่มีฟีเจอร์ครบๆ รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่มีราคากลางๆ แต่ได้สเปคเยี่ยมทั้งการถ่ายรูป หรือเล่นเกมเลย มีราคาเปิดตัวที่ 9,499 บาท สั่งซื้อได้ที่นี่


6. OPPO Reno5 Series : ราคา 10,990 | 13,990 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 reno 5

อัพเกรดซีรีส์มาเป็นตัว Reno กันบ้าง ซึ่งในซีรีส์นี้จะมีราคาที่เกินหมื่นขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในช่วงหมื่นต้นๆ เท่านั้น ถ้าใครมีงบสูงแนะนำว่าให้ลองขยับขึ้นมานิด เผื่อยังไม่รู้ว่าจะเลือก OPPO รุ่นไหนดีในงบหลักหมื่น โดยในรุ่น Reno 5 ได้ทำออกมา 2 แบบคือ 4G และ 5G เช่นกัน แต่สเปคของทั้งสองนั้นจะคล้ายๆ กัน จะต่างก็ตรงตัวชิปกับกล้อง และแบตนิดหน่อยเท่านั้น รวมไปถึงการดีไซน์ที่ออกแนวคล้ายกัน ที่เป็นแบบสะท้อนแสงและมีด้านหลังเป็นกระจกแข็ง Gorilla Glass เหมือนกันกระจกด้านหน้า มีจอเป็น AMOLED ทั้งคู่ และมีความกว้าง 6.43 นิ้วเท่ากันเลย พร้อมกับ Refresh Rate 90Hz และ Touch-Sensing 180Hz ส่วนชิปของรุ่น 4G จะเป็น Snapdragon 720G กับรุ่น 5G ที่เป็น Snapdragon 765G 5G มีความเร็วแรงกว่า แต่ทั้งคู่ยังสามารถเล่นเกมได้ไหลลื่นสุดๆ แน่นอน

oppo รุ่นไหนดี 2021 reno 5 camera

มาที่เรื่องของกล้องหลังกันบ้าง ที่ทั้งสองรุ่นมีกล้อง 4 ตัวเหมือนกัน กับความละเอียดที่เท่ากันด้วยคือ 64MP + อัลตร้าไวลด์ 8MP + เทเล 2MP และมาโคร 2MP พร้อมกันสั่น EIS และ AI Camera ที่เข้ามาช่วยให้การถ่ายดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะถ่ายอะไรก็ทำได้เหมือนโปรมาเอง ความต่างอยู่ที่กล้องหน้าที่รุ่น 4G มีกล้องหน้าถึง 44MP แต่ของรุ่น 5G มีเพียง 32MP เท่านั้น และมี Night Flare Portrait ช่วยให้ถ่ายตอนกลางคืนออกมาได้สวยจัดๆ ส่วนแบตก็ต่างกันเล็กน้อยที่รุ่นธรรมดามีความจุ 4,310 mAh และรองรับ Fast Charging 50W ส่วนรุ่น 5G มีความจุน้อยกว่าที่ 4,300 mAh แต่รองรับ Fast Charging สูงถึง 65W เฉลี่ยแล้วจะดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือก OPPO รุ่นไหนดีที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเอง


7. OPPO Reno4 Z 5G : ราคา 12,990 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 reno4 z

ย้อนกลับลงไปที่ตัวก่อนหน้ากับตัว Reno4 Z 5G สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะซื้อ OPPO รุ่นไหนดี ที่มีราคาเปิดตัวออกมาแรงกว่าเล็กน้อย แต่ในตอนนี้อาจจะลดราคาลงไปแล้ว หรือถ้าหากซื้อจากร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada ก็มีราคาแค่เพียงหมื่นนิดๆ เท่านั้น ราคาเทียบเคียงกับรุ่น Reno5 ได้เลย แต่ตัวนี้สามารถใช้งาน 5G ได้แล้ว การดีไซน์ของฝาหลังจะมีความเรียบหรูเหลือบๆ เล็กน้อย ด้านหน้าเป็นกระจกแข็ง Corning Gorilla Glass 3 แบบ IPS-LCD ให้สีสันสวยงาม กับความกว้างขนาด 6.57 นิ้ว ใหญ่มากๆ ใครที่ชอบดูหนังจะเหมาะมาก หรือถ้าเอาไปเล่นเกมก็ไหวแน่ๆ เพราะเป็นชิป Dimensity 800 ทำงานได้ดีมาก แถมยังมีอัตรา Refresh Rate 120Hz และ Touch-Sensing ถึง 120Hz อีกด้วย

oppo รุ่นไหนดี 2021 reno4 z camera

ต่อกันที่กล้องหลังของรุ่นนี้ ที่เป็นกล้องแบบ 4 ตัวที่ความละเอียด 48MP + อัลตร้าไวลด์ 8MP + Vintage Portrait 2MP และเลนส์ B&W 2MP เหมาะกับการถ่ายภาพบุคคล หรือจะถ่ายวิวก็ยังสวย มาพร้อม Ultra Dark Mode ที่ช่วยให้การถ่ายภาพตอนกลางคืนชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียดอยู่ 16MP ถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามตามมาตรฐานของกล้องหน้า อาจจะไม่ได้สูงนัก เพราะเป็นรุ่นที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ถ้าจะเน้นกล้องหน้าแนะนำเป็นตัวใหม่อย่าง Reno5 จะเหมาะกว่า เผื่อไม่รู้ว่าจะเลือก OPPO รุ่นไหนดีที่ถ่ายได้สวยกว่ากัน สุดท้ายคือแบตที่มีความจุมาให้ 4,000 mAh รองรับ Fast Charging 18W ราคาเปิดตัว 12,990 บาท แต่ถ้าซื้อจากร้านค้าออนไลน์อาจถูกกว่านี้


8. OPPO Reno5 Pro 5G : ราคา 19,900 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 reno 5 pro

มาที่รุ่นต่อไปกันบ้างกับรุ่นที่อัพเกรดจากรุ่นปกติ ให้มีความโปรมากขึ้น ซึ่งตัวนี้มีราคาที่ถูกกว่าตัวก่อนหน้าคือ Reno4 Pro ด้วย และก็แน่นอนว่าสเปคของตัวเครื่องก็ต้องอัพเกรดเพิ่มขึ้นด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และไลฟ์สไตล์ที่จำเป็นต้องใช้งานด้านต่างๆ ด้วยเช่นกัน หากไม่รู้ว่าจะเลือก OPPO รุ้นไหนดีระหว่าง 4 กับ 5 เดี๋ยวเราจะแนะนำรุ่นก่อนหน้าไว้ให้ด้วย ดีไซน์ของตัวนี้จะคล้ายๆ กับรุ่นธรรมดาเลย แต่สีเหลือบๆ ด้านหลังสวยมาก ทำมาจากกระจกแข็ง Gorilla Glass ทั้งหน้าและหลัง ด้านข้างเป็นอลูมิเนียม ส่วนหน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED ความกว้าง 6.55 นิ้วใหญ่จุใจกับการใช้งานอย่างแน่นอน มาพร้อมกับชิป Dimensity 1000+ เร็วแรงทุกการใช้งานแน่อน ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือว่าใช้ทำอะไรก็ตาม

oppo รุ่นไหนดี 2021 reno 5 pro camera

กล้องหลังของรุ่นนี้จะมีทั้งหมด 4 ตัวเหมือนรุ่นปกติที่ความละเอียด  64MP + อัลตร้าไวลด์ 8MP + มาโคร 2MP และเลนส์โมโน 2MP ถ่ายเก็บสีได้สมจริง พร้อมกับ AI Camera และฟีเจอร์อีกมากมายมารองรับการใช้งานให้ดูโปรมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุดถึง 4K เลยทีเดียว พร้อมกับ Ultra Night Video ช่วยให้ถ่ายกลางคืนได้สว่างมากขึ้นด้วย ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียดที่ 32MP ถ่ายเซลฟี่ได้อย่างมั่นใจไม่มีหลุด รุ่นนี้มีความจุแบตอยู่ 4,350 mAh รองรับ Fast Charging 65W เร็วแรงไม่ต้องกลัวแบตหมด เพราะชาร์จกลับมาเต็มได้ไวมาก ราคาเปิดตัวรุ่นนี้มีราคา 19,900 บาท สั่งซื้อได้ที่นี่


9. OPPO Reno4 Pro : ราคา 24,990 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 reno4 pro

อย่างที่บอกไปว่ารุ่นนี้ ถึงแม้ว่าจะเปิดตัวออกมาก่อน และเป็นรุ่นก่อนหน้าก็ตาม แต่ก็มีราคาที่สูงกว่าเยอะพอสมควร แต่ถ้าหากซื้อผ่านร้านค้าออนไลน์อย่าง Shopee หรือ Lazada จะมีราคาที่ถูกลงมากว่านี้อีก จนราคานั้นต่ำกว่ารุ่นใหม่อย่างแน่นอน แต่ด้วยราคาเปิดตัวที่สูงกว่า เราจึงนำมาไว้ทีหลังเผื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าจะเลือก OPPO รุ่นไหนดี การดีไซน์ของรุ่นนี้จะเป็นแบบด้านที่มีความเงาเหลือบตามมุมมอง แต่เป็นวัสดุพลาสติกทั้งหมด กับหน้าจอที่เป็นกระจกแข็ง Corning Gorilla Glass 5 แบบ AMOLED ระดับ HDR10 มีความกว้างขนาด 6.5 นิ้ว เล็กกว่ารุ่นใหม่เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าใหญ่อยู่ดี ส่วนชิปของตัวนี้จะเป็น Snapdragon 765G รองรับการใช้งาน 5G และเล่นเกมได้ไหลลื่นเช่นกัน

oppo รุ่นไหนดี 2021 reno4 pro camera

กล้องหลังของรุ่นนี้ยังมีอยู่แค่ 3 ตัวเท่านั้น มีความละเอียดอยู่ที่ 48MP + อัลตร้าไวลด์ 12MP และเลนส์มาโคร 13MP ซูมออฟติคอลได้ 2 เท่า และบันทึกวิดีโอได้ถึงระดับ 4K ถ่าย Ultra Night Wide Angle Video เก็บภาพได้เต็มที่ทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 32MP ถ่ายสวยทุกมุมมอง พร้อมกับฟีเจอร์ Ultra Steady ช่วยให้ถ่ายหน้าแบบวิดีโอไม่หลุดกรอบ สุดท้ายคือแบตที่มีความจุอยู่ 4,000 mAh รองรับ Fast Charging 65W ไม่ต้องห่วงถึงแม้ว่าจะมีความจุไม่มากนัก แต่ก็ยังทดแทนได้ด้วยการชาร์จที่ไวมากขึ้นเยอะ รุ่นนี้เปิดตัวที่ราคา 24,990 บาท แต่ถ้าซื้อจากร้านค้าออนไลน์จะมีราคาเพียงหมื่นกลางๆ เท่านั้น เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกเผื่อกำลังเลือก OPPO รุ่นไหนดีอยู่


10. OPPO Find X3 Pro : ราคา 33,990 บาท

oppo รุ่นไหนดี 2021 find x3 pro

สำหรับคนงบสูงและไม่รู้ว่าจะใช้ OPPO รุ่นไหนดี ลองมาดูมหากาพย์ความรุนแรงของมือถือ ทั้งสเปคและความเทพของการใช้งาน ที่มีแฟล็กชิพ 1 พันล้านสี ช่วยให้สามารถเห็นสีได้มากกว่าที่เคยเห็นบนมือถือทั่วไป โดยแต่ละเครื่องจะได้รับการ Calibrate เพื่อให้ได้ค่าสีที่ถูกต้อง ที่สำคัญคือสามารถปรับสีให้ตรงกับตัวเองได้มากที่สุด ถ้าหากใครที่บกพร่องทางกการมองเห็นสี ตัวนี้ก็สามารถปรับให้เข้ากับตาของทุกคนได้ (อ่านรีวิวได้ที่นี่) การดีไซน์ของตัวนี้จะเป็นแบบเรียบหรู กับกล้องหลังที่ทำออกมาได้สวยงาม ด้านหน้าและหลังเป็นกระจกแข็ง Gorilla Glass ด้านข้างเป็นอลูมิเนียม หน้าจอเป็นแบบ AMOLED ความละเอียด Quad HD+ กว้าง 6.7 นิ้วขนาดใหญ่มาก แต่จับแล้วกระชับมือ แถมยังมีอัตรา Refresh Rate 120Hz กับ Touch-Sensing มากถึง 240Hz ที่สำคัญคือชิปเป็น Snapdragon 888 เร็วแรงฉุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว เครื่องทำได้ทุกอย่างทุกการใช้งานอย่างแท้จริง

oppo รุ่นไหนดี 2021 find x3 pro camera

กล้องหลังก็มาอย่างเหนือเช่นกัน มีมาให้ทั้งหมด 4 ตัวที่ความละเอียด 50MP + อัลตร้าไวลด์ 50MP + เทเล 13MP และเลนส์ไมโคร 3MP อ่านไม่ผิด เพราะมันคือไมโครที่สามารถถ่ายในระยะใกล้มากๆ ระดับไมโครได้เลย พร้อมทั้งฟีเจอร์อีกมากมายในการถ่ายรูป ซูมไฮบริดออฟติคอลได้ 5 เท่า ถ่ายวิดีโอได้ที่ระดับ 4K ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียดอยู่ 32MP ถ่ายเซลฟี่สบายหายห่วง อย่างที่บอกว่าตัวนี้ทำได้ทุกอย่างจริงๆ ทั้งเล่นเกม ถ่ายรูป หรือจะใช้งานทั่วไปได้หมดทุกอย่าง แบตเตอรี่มีความจุ 4,500 mAh รองรับการชาร์จไร้สายและ Fast Charging 65W เพิ่มความสะดวกในการชาร์จได้มากขึ้น โดยรวมแล้วรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ดีมากๆ รุ่นหนึ่งของ OPPO เลย สำหรับคนที่มีงบสูงๆ แต่ยังไม่รู้ว่าจะใช้ OPPO รุ่นไหนดี แนะนำรุ่นนี้เลย รับรองว่าตอบโจทย์ทุกอย่างแน่นอน มีราคาอยู่ 33,990 บาท สั่งซื้อได้ที่นี่


ตารางเปรียบเทียบ OPPO รุ่นไหนดีในปี 2021

รุ่น \ ข้อมูล หน้าจอ ชิปเซ็ต GPU RAM ROM กล้องหน้า กล้องหลัง แบตเตอรี่ ราคา
(เริ่มต้น)
OPPO A15s IPS-LCD
6.52 นิ้ว
Helio P35 IMG GE8320 4GB 64GB 8MP 13MP + 2MP + 2MP 4,230 mAh 4,999 บาท
OPPO A54 IPS-LCD
6.51 นิ้ว
Helio P35 PowerVR GE8320 4GB 128GB 16MP 13MP + 2MP + 2MP 5,000 mAh 5,699 บาท
OPPO A73 (2020) AMOLED
6.44 นิ้ว
Snapdragon 662 Adreno 610 6GB 128GB 16MP  16MP + 8MP + 2MP + 2MP 4,015 mAh 6,999 บาท
OPPO A74 4G AMOLED
6.43 นิ้ว
Snapdragon 662 Adreno 610 6GB 128GB 16MP 48MP + 2MP + 2MP 5,000 mAh 7,999 บาท
OPPO A74 5G IPS-LCD
6.5 นิ้ว
Snapdragon 480 Adreno 619 6GB 128GB 16MP 48MP + 8MP + 2MP + 2MP 5,000 mAh 8,999 บาท
OPPO A94 AMOLED
6.43 นิ้ว
Helio P95 PowerVR GM9446 8GB 128GB 32MP 48MP + 8MP + 2MP + 2MP 4,310 mAh 9,499 บาท
OPPO Reno5 4G AMOLED
6.43 นิ้ว
Snapdragon 720G Adreno 618 8GB 128GB 44MP 64MP + 8MP + 2MP + 2MP 4,310 mAh 10,990 บาท
OPPO Reno5 5G AMOLED
6.43 นิ้ว
Snapdragon 765G 5G Adreno 620 8GB 128GB 32MP 64MP + 8MP + 2MP + 2MP 4,300 mAh 13,990 บาท
OPPO Reno4 Z 5G IPS-LCD
6.57 นิ้ว
Dimensity 800 Mali-G57 MC4 8GB 128GB 16MP 48MP + 8MP + 2MP + 2MP 4,000 mAh 12,990 บาท
OPPO Reno5 Pro 5G Super AMOLED
6.55 นิ้ว
Dimensity 1000+ Adreno 620 12GB 256GB 32MP 64MP + 8MP + 2MP + 2MP 4,350 mAh 19,900 บาท
OPPO Reno4 Pro AMOLED
6.5 นิ้ว
Snapdragon 765G Adreno 620 12GB 256GB 32MP 48MP + 12MP + 13MP 4,000 mAh 24,990 บาท
OPPO Find X3 Pro AMOLED
6.7 นิ้ว
Snapdragon 888 Adreno 660 8/12GB 256GB 32MP 50MP + 50MP + 13MP + 3MP 4,500 mAh 33,990 บาท

จากตารางจะเห็นได้ว่าแต่ละรุ่นที่เรานำมาแนะนำ จะเรียงจากราคาที่น้อยไปจนถึงราคาสูงสุด ถึงตรงนี้ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อ OPPO รุ่นไหนดี แนะนำว่าให้ดูงบของตัวเองก่อน ว่ามีประมาณเท่าไหร่ เพราะว่าบางตัวนั้นเพิ่มราคาจากงบอีกนิดหน่อย ก็จะได้ตัวที่ดีกว่าแล้ว เว้นแต่ในรุ่นที่แยกเป็น 4G กับ 5G ตรงนี้ต้องดูการใช้งานของตัวเองด้วย ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่ 5G ส่งไปไม่ถึงก็อาจจะไม่ได้ใช้งาน 5G เลย แต่ใครที่มั่นใจว่าใช้งานได้แน่นอน และอยากใช้ความเร็ว 5G ก็แนะนำให้ซื้อได้เลย แต่ถ้าใครไม่จำเป็นจะซื้อตัว 4G ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันมากนักเลย ส่วนใครที่มีงบสูงๆ และไม่รู้จะซื้อ OPPO รุ่นไหนดี แนะนำให้ซื้อรุ่นท็อปฟอร์มสุดในตอนนี้คือ Find X3 Pro ได้เลย แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะเอามาฝากและอัพเดทกันเรื่อยๆ เลยนะครับ

Let's block ads! (Why?)


แนะนำ 10 มือถือ OPPO รุ่นไหนดี 2021 ที่ถ่ายรูปสวยได้สเปคแรง ใช้งานได้หลากหลาย - SP : SPECPHONE
Read More

POCO X3 Pro สมาร์ทโฟนที่โดนใจเหล่าเกมเมอร์มากที่สุด ราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 6,999 บาท วันนี้ถึงวันที่ 1 พ.ค. เท่านั้น! - iphone-droid.net

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกันมากขึ้นเพื่อความปลอดภัย การสังสรรค์พบปะกับเพื่อน การท่องเที่ยว การเดินเล่นช้อปปิ้งเป็นอันต้องเลื่อนออกไป หลายๆ คนจึงต้องหากิจกรรมอื่นๆ มาคลายความเครียดแทน เช่น การทำอาหาร ปลูกต้นไม้ หรือการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อท่องโลกแห่งความบันเทิงและเล่นเกม

สมาร์ทโฟน POCO X3 Pro ที่ใส่สเปคมาอย่างจัดเต็มโดนใจสายเกมเมอร์แบบสุดๆ สมฉายา ‘Best Gaming Smartphone’ พร้อมให้คุณพิสูจน์ความเจ๋งของประสิทธิภาพที่มาในราคาคุ้มค่าจับต้องได้แล้ววันนี้บนทุกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ JD Central, Shopee และ Lazada   พิเศษ! POCO จัดโปรโมชั่น Flash Sale เป็นเจ้าของ POCO X3 Pro ราคาพิเศษ ตั้งแต่วันี้ ถึง วันที่ 1 พ.ค. 2564 เท่านั้น!

·        POCO X3 Pro รุ่นความจุ 8GB + 256GB ราคาเพียง 7,999 บาท จากราคาเต็ม 8,999 บาท

·        POCO X3 Pro รุ่น 6GB+128GB ราคาเพียง เพียง 6,999 บาท จากราคาเต็ม 7,999 บาท  

3 ฟีเจอร์เด็ดของ POCO X3 Pro ที่โดนใจเกมเมอร์ซึ่งคุณเองไม่ควรพลาด 

1. เล่นเกมได้อย่าง ลื่นไหล ไม่มีสะดุด ด้วยหน่วยประมวลผลอันทรงพลังอย่างชิปเซ็ต Snapdragon™ 860

Qualcomm Snapdragon 860 เป็นหนึ่งในชิปเซ็ตของสมาร์ทโฟน 4G ที่ทรงพลังที่สุด ณ ขณะนี้ ด้วยเทคโนโลยีประมวลผล Kryo™ 485 CPU พร้อมด้วย Adreno ™ 640 GPU สามาถปรับการแสดงผลกราฟิกระดับสูงได้อย่างลื่นไหล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม โดย POCO X3 Pro ยังมาพร้อมกับความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูลที่รวดเร็ว ด้วยหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 ทำให้การแสดงผลลื่นไหลมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น POCO X3 Pro ยังได้มีการติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบ LiquidCool Technology 1.0 Plus ช่วยให้ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี แม้จะเล่นเกมหนักขนาดไหนก็หมดห่วง

2. หน้าจอกว้าง คมชัด โชว์ภาพสวยแบบจัดเต็ม ควบคู่กับระบบเสียงที่ดีเยี่ยม

หน้าจอ FHD+  แบบ DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ที่มาพร้อมกับ Corning®Gorilla® Glass 6 ที่แข็งแรงทนต่อการกระแทกได้ดี และยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้อีกด้วย พร้อมด้วยอัตราการรีเฟรช 120 เฮิรตซ์ ช่วยให้แสดงผลได้อย่างลื่นไหล เนียนตา อัตราการตอบสนองการสัมผัส 240 เฮิรตซ์ ช่วยให้การตอบสนองการสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนนี้จะช่วยทำให้การออกคำสั่งต่างๆ ในเกม ติดนิ้วดีไม่มีหน่วง นอกจากจอที่จัดเต็มแล้วยังขาดไม่ได้กับเสียงที่จะทำให้เพิ่มอรรถรสในการเล่มเกมไปอีกขั้น ด้วยระบบเสียงลำโพงคู่ที่ได้รับรองมาตรฐาน Hi-Res Audio สามารถแยกเสียงซ้ายขวาได้

เป็นอย่างดีและยังให้เสียงในระดับที่น่าประทับใจสำหรับการสตรีมและเล่นเกม
           
3. แบตอึดสะใจ เล่นเกมหนักต่อเนื่องได้ไม่ขาดตอน

POCO X3 Pro มาพร้อมกับ แบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่พิเศษถึง 5,160mAh ช่วยให้เล่นเกมได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยการชาร์จเร็ว 33 วัตต์ ที่ให้มาในกล่อง ทำให้แน่ใจว่าจะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-59% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที หรือหากจะชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ก็ใช้เวลาเพียง 59 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าชาร์จเร็ว อยู่นาน

สเปคดีงามขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องสำหรับสายเกมเมอร์จริงๆ เล่นเกมดีไม่มีสะดุด   ไปกับ POCO X3 Pro วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ทั้ง 2 ความจุ ได้แก่ 6GB + 128GB และ 8GB + 256GB บนทุกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ JD Central, Shopee และ Lazada 

พิเศษ! POCO จัดโปรโมชั่น Flash Sale เป็นเจ้าของ POCO X3 Pro ราคาพิเศษถึงวันที่ พฤษภาคมนี้เท่านั้น

·        POCO X3 Pro รุ่นความจุ 8GB + 256GB ราคาเพียง 7,999 บาท จากราคาเต็ม 8,999 บาท

·        POCO X3 Pro รุ่น 6GB+128GB ราคาเพียง เพียง 6,999 บาท จากราคาเต็ม 7,999 บาท

6GB+128GB เหลือ 6,999 บาท

8GB+256GB เหลือ 7,999 บาท

Let's block ads! (Why?)


POCO X3 Pro สมาร์ทโฟนที่โดนใจเหล่าเกมเมอร์มากที่สุด ราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 6,999 บาท วันนี้ถึงวันที่ 1 พ.ค. เท่านั้น! - iphone-droid.net
Read More

บริษัท ไมโคร สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด - pptvhd36.com

[unable to retrieve full-text content]

บริษัท ไมโคร สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด  pptvhd36.com
บริษัท ไมโคร สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด - pptvhd36.com
Read More

Apple ประเทศไทย ประกาศเปิดให้สั่งซื้อ iMac ชิป M1 และ iPad Pro แล้ว !! - MacThai

หลังจากที่แอปเปิลได้เปิดตัว iMac ดีไซน์ใหม่หมดพร้อมชิป M1 และ iPad Pro ที่มาพร้อมชิป M1 ทั้งสองเครื่อง จนเรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลกนั้น ล่าสุดได้มีการเปิดให้สามารถสั่งซื้อสินค้าทั้ง 2 รุ่นนี้ได้แล้ว

โดยแอปเปิลประเทศไทย ได้มีการเปิดให้สั่งซื้อ (Pre Order) iMac Pro ชิป M1 และ iPad Pro ชิป M1 ผ่านทางหน้าเว็บออนไลน์ ซึ่งหากสั่งซื้อในช่วงนี้ จะสามารถจัดส่งได้ในช่วงปลายเดือนพ.ค. ไปจนถึงต้นมิ.ย.นี้

สำหรับ iMac ในชิป M1 นั้นมาพร้อมกับจอภาพ 4.5k, กล้อง 1080p, Magic Keyboard ใหม่พร้อม Touch ID และดีไซน์ใหม่หมด ราคาเริ่มต้น 42,900 บาท
สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ -> iMac M1 : Apple Online Thailand

iPad Pro ในชิป M1 ที่มาพร้อมกับการรองรับ 5G และจอภาพแบบใหม่ สดใสกว่าเดิม ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 27,900 บาท
สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ -> iPad Pro : Apple Online Thailand


Let's block ads! (Why?)


Apple ประเทศไทย ประกาศเปิดให้สั่งซื้อ iMac ชิป M1 และ iPad Pro แล้ว !! - MacThai
Read More

POCO X3 Pro จัดโปรฯราคาพิเศษ เริ่มต้น 6999 บาท - TheReporterAsia

สมาร์ทโฟน

สมาร์ทโฟน POCO X3 Pro ที่ใส่สเปคมาอย่างจัดเต็มโดนใจสายเกมเมอร์แบบสุดๆ สมฉายา ‘Best Gaming Smartphone’ พร้อมให้คุณพิสูจน์ความเจ๋งของประสิทธิภาพที่มาในราคาคุ้มค่าจับต้องได้แล้ววันนี้บนทุกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ JD Central, Shopee และ Lazada พิเศษ! POCO จัดโปรโมชั่น Flash Sale เป็นเจ้าของ POCO X3 Pro ราคาพิเศษ ตั้งแต่วันี้ ถึง วันที่ 1 พ.ค. 2564 เท่านั้น!

3 ฟีเจอร์เด็ดของ POCO X3 Pro ที่โดนใจเกมเมอร์ซึ่งคุณเองไม่ควรพลาด

1. เล่นเกมได้อย่าง ลื่นไหล ไม่มีสะดุด ด้วยหน่วยประมวลผลอันทรงพลังอย่างชิปเซ็ต Snapdragon™ 860

Qualcomm Snapdragon 860 เป็นหนึ่งในชิปเซ็ตของสมาร์ทโฟน 4G ที่ทรงพลังที่สุด ณ ขณะนี้ ด้วยเทคโนโลยีประมวลผล Kryo™ 485 CPU พร้อมด้วย Adreno ™ 640 GPU สามาถปรับการแสดงผลกราฟิกระดับสูงได้อย่างลื่นไหล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม โดย POCO X3 Pro ยังมาพร้อมกับความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูลที่รวดเร็ว ด้วยหน่วยความจำภายในแบบ UFS 3.1 ทำให้การแสดงผลลื่นไหลมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น POCO X3 Pro ยังได้มีการติดตั้งระบบระบายความร้อนแบบ LiquidCool Technology 1.0 Plus ช่วยให้ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี แม้จะเล่นเกมหนักขนาดไหนก็หมดห่วง

2. หน้าจอกว้าง คมชัด โชว์ภาพสวยแบบจัดเต็ม ควบคู่กับระบบเสียงที่ดีเยี่ยม

หน้าจอ FHD+ แบบ DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว ที่มาพร้อมกับ Corning®Gorilla® Glass 6 ที่แข็งแรงทนต่อการกระแทกได้ดี และยังช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้อีกด้วย พร้อมด้วยอัตราการรีเฟรช 120 เฮิรตซ์ ช่วยให้แสดงผลได้อย่างลื่นไหล เนียนตา อัตราการตอบสนองการสัมผัส 240 เฮิรตซ์ ช่วยให้การตอบสนองการสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนนี้จะช่วยทำให้การออกคำสั่งต่างๆ ในเกม ติดนิ้วดีไม่มีหน่วง นอกจากจอที่จัดเต็มแล้วยังขาดไม่ได้กับเสียงที่จะทำให้เพิ่มอรรถรสในการเล่มเกมไปอีกขั้น ด้วยระบบเสียงลำโพงคู่ที่ได้รับรองมาตรฐาน Hi-Res Audio สามารถแยกเสียงซ้ายขวาได้ เป็นอย่างดีและยังให้เสียงในระดับที่น่าประทับใจสำหรับการสตรีมและเล่นเกม

3. แบตอึดสะใจ เล่นเกมหนักต่อเนื่องได้ไม่ขาดตอน

POCO X3 Pro มาพร้อมกับ แบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่พิเศษถึง 5,160mAh ช่วยให้เล่นเกมได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยการชาร์จเร็ว 33 วัตต์ ที่ให้มาในกล่อง ทำให้แน่ใจว่าจะสามารถชาร์จแบตเตอรี่ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-59% ได้ในเวลาเพียง 30 นาที หรือหากจะชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ก็ใช้เวลาเพียง 59 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าชาร์จเร็ว อยู่นาน

สเปคดีงามขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องสำหรับสายเกมเมอร์จริงๆ เล่นเกมดีไม่มีสะดุด ไปกับ POCO X3 Pro วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ทั้ง 2 ความจุ ได้แก่ 6GB + 128GB และ 8GB + 256GB บนทุกแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ JD Central, Shopee และ Lazada

พิเศษ! POCO จัดโปรโมชั่น Flash Sale เป็นเจ้าของ POCO X3 Pro ราคาพิเศษถึงวันที่ 1 พฤษภาคมนี้เท่านั้น

· POCO X3 Pro รุ่นความจุ 8GB + 256GB ราคาเพียง 7,999 บาท จากราคาเต็ม 8,999 บาท

· POCO X3 Pro รุ่น 6GB+128GB ราคาเพียง เพียง 6,999 บาท จากราคาเต็ม 7,999 บาท

Let's block ads! (Why?)


POCO X3 Pro จัดโปรฯราคาพิเศษ เริ่มต้น 6999 บาท - TheReporterAsia
Read More

10 ฟังก์ชั่นเด่นใน iOS 14.5 - การเงินธนาคาร

แนะนำจอคอม MSI 2K 165Hz ดูหนัง ทำงาน เล่นเกม จอเดียวจบ - NBS

แนะนำจอคอม MSI 2K 165Hz ดูหนัง ทำงาน จอเล่นเกม จอเดียวจบ ครบทุกฟังก์ชั่น

จอคอม

เคยรู้สึกยุ่งยากกันมั้ยครับ เวลาจะเลือกจอคอมเล่นเกมกันสักรุ่น เหมือนจะต้องวุ่นวายกับการหารายละเอียดในการเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดหน้าจอ เทคโนโลยี พาแนล ฟีเจอร์ ไปจนถึงราคา สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้หลายคนแทบจะถอดใจ เมื่อต้องเลือกซื้อหาจอเกมมิ่งมาใช้ ซึ่งที่จริงแล้ว อาจจะไม่ได้ซับซ้อนมากมายนัก เพียงแต่ว่าคุณอาจจะต้องมีสิ่งที่ต้องการอยู่ในใจสัก 2-3 ข้อ ที่เป็นความต้องการจริงๆ แล้วส่วนที่เหลือ ถือว่าเป็นองค์ประกอบรองๆ ลงไป เท่านี้ก็ง่ายขึ้นแล้ว อย่างเช่นโจทย์ในวันนี้ ที่เราอยากจะนำมาเป็นตัวอย่างในการเลือกใช้ สำหรับคอเกม ที่อยากได้จอแสดงผลขนาดใหญ่ ใช้งานได้ทั้งเล่นเกมและความบันเทิง เพิ่มเติมคือ มีอัตรารีเฟรชเรตที่สูงกว่าจอพื้นฐาน ส่วนความละเอียดก็ตามความเหมาะสม แบบนี้จะเลือกอย่างไรดี


เลือกจอคอมเล่นเกม 2021


เลือกความละเอียด Resolution ใดดี

ในเรื่องของ Resolution หรือความละเอียดของหน้าจอคอมเล่นเกม เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ในทุกยุคที่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่มีข้อใดผิดหรือถูกเสียทีเดียว แต่ก็คงต้องดูตามความเหมาะสม ตั้งแต่ในเรื่องของสเปคคอมที่ใช้ ไปจนถึงความต้องการใช้งานในด้านอื่นๆ ประกอบกัน เพราะเวลานี้มีให้เลือกตั้งแต่ Full-HD 1080p, 2K หรือ 1440p QHD หรือจะเป็น 4K 2160p ก็น่าสนใจ เพราะความละเอียดยิ่งสูง ก็จะให้ประสบการณ์ในการใช้งานมากขึ้น แล้วจะเลือกความละเอียดใดดี

จอคอม
ที่มา: thinkware.com

FHD หรือ 2K ความละเอียดของจอภาพระดับ Full-HD 1080p และ 2K QHD (1440p) ตัวเลขอาจไม่ต่างกันมากนัก แต่ในการแสดงผลจะให้รายละเอียดต่างกันในระดับหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะหากคุณเป็นคนที่เล่นเกม แล้วชอบดู Detail หรือชอบสไตล์ของเกมหรือการชมภาพยนตร์ที่มี Source ที่มีความละเอียดสูง ความสวยงามสมจริง จอคอมที่ให้ความละเอียดได้มากกว่า ย่อมแสดงผลภาพได้ดีมีความสมจริงมากขึ้น


ขนาดหน้าจอเท่าไรถึงจะดี?

จอคอม

เรื่องขนาดหน้าจอคอมเล่นเกมในปัจจุบันก็ไม่มีอะไรตายตัว แต่เชื่อได้เลยว่าแนวโน้มของคนที่ซื้อจอคอมใหม่ ส่วนใหญ่ถ้าไม่เบื่อกับภาพแบบเดิมๆ ลูกเล่นเก่าๆ ความละเอียดเดิมๆ หรือขนาดหน้าจอเล็กๆ เริ่มไม่ตอบโจทย์การใช้งานแล้วนั่นเอง ตัวเลือกในปัจจุบันมีให้เริ่มต้นตั้งแต่ 24″ แต่บางคนที่ใช้ 22″ มา ก็อยากจะไปไกลกว่านั้น เช่น จอภาพ 27″ หรือ 32″ เป็นต้น เพราะทำให้เห็นความแตกต่างจากจอภาพที่เคยใช้อยู่เดิมอย่างมาก ส่วนในเรื่องของ Resolution หรือฟีเจอร์อื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น การแสดงผลหน้าจอ รีเฟรชเรต พาแนล ไปจนถึงลูกเล่นการปรับแต่ง เทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความลื่นไหลของภาพ และการปรับแต่ง เช่นมี Game Mode เป็นต้น ซึ่งก็อยู่ที่ว่า คุณจะใช้จอภาพไปในทางใดมากที่สุด แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็เลือกสิ่งต่างๆ ให้มีครบไว้ก่อน ในระดับราคาที่คุณสู้ไหว เพราะอย่าลืมว่า จอคอม ไม่ได้เป็นสิ่งที่คุณซื้อบ่อยๆ เรียกว่าซื้อมาครั้งหนึ่ง ก็ใช้กันจนลืมเลยทีเดียว จ่ายเยอะหน่อย มีลุกเล่นครบตามที่ต้องการ และก็ได้ใช้กันแบบยาวๆ


เลือกจอคอมเล่นเกม

จอคอม

หากต้องการภาพในเกมที่สวยงาม ความละเอียดสูงระดับ 2K (1440p) เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากความลื่นไหลต่อเนื่องในขณะเล่นแล้ว ความสวยงามบนความละเอียดที่สูงกว่า Full-HD ก็เป็นสิ่งที่เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหากมีตัวเลือกเป็นจอขนาดใหญ่ ความละเอียดที่สูง ก็ยิ่งเหมาะกับคอเกมที่ต้องการความสนุกสนาน เพราะนอกจากมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวได้ชัดเจนขึ้น ลองนึกดูว่าคุณเล่นด้วยจอขนาด 32″ แต่คู่ต่อสู้ของคุณเล่นบนจอ 24″ บนความละเอียดที่เท่ากัน โอกาสย่อมเป็นของคุณในการที่จะเด็ดชีพศัตรูในจอได้ เนื่องจากเราจะเห็นภาพได้ใหญ่กว่า การจะยิงเข้าเป้า ก็จะมีมากกว่า และในความละเอียดที่สูง ก็ทำให้มองเห็นสมรภูมิรอบๆ ตัวได้มากกว่านั่นเอง หากเกมเมอร์เป็นคนช่างสังเกต ก็อาจจะเห็นศัตรูได้ไวกว่านั่นเอง

จากตัวอย่างภาพทางซ้ายมือ MSI OPTIX G32CQ4 ซึ่งเป็นจอภาพขนาด 32″ บนความละเอียด 1440p และทางด้านซ้ายเป็นจอ MSI OPTIX G27C4 เป็นจอภาพ 27″ ความละเอียด 1080p ซึ่งในแง่ของการเล่นเกมที่ต้องการรายละเอียด จอภาพขนาดใหญ่ที่ให้ความละเอียดสูงกว่า และมุมมองที่กว้างกว่า ย่อมสร้างความได้เปรียบในการเล่น รวมถึงการมองเห็นพื้นที่ รวมถึง Map บนหน้าจอ ที่มองได้ชัด และสังเกตการเคลื่อนไหวของศัตรูได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ดีหากงบประมาณมีจำกัด ตัวเลือกอย่าง OPTIX G32C4 ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะได้หน้าจอขนาด 32″ แต่ความละเอียดจะอยู่ที่ 1080p หรือ Full-HD เท่านั้น

จอคอม

เลือกจอคอมสำหรับการชมวีดีโอสตรีมมิ่ง

จอคอม

นอกจากการเลือกจอคอมเล่นเกมที่ดีสำหรับการเล่นเกมแล้ว การเลือกจอให้ตอบโจทย์ด้านความบันเทิง เช่น การชมภาพยนตร์จาก Netflix วีดีโอ Youtube หรือการชมผ่านทางสตรีมมิ่งแบบต่างๆ ก็น่าจะเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่คนจะซื้อจอส่วนใหญ่ต้องการ แต่การเลือกจอให้เหมาะกับการชมวีดีโอ ก็ต้องประกอบด้วยกันหลายอย่าง เช่น การเลือกหน้าจอขนาดใหญ่ 27″ หรือ 32″ เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน เพราะจะได้เห็นภาพที่ใหญ่ขึ้นชัดขึ้น อย่างเช่น MSI OPTIX G32CQ4 ที่มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 32″ และความละเอียดสูงถึง 1440p ที่ทำให้การชมภาพยนตร์สนุกสนานมากขึ้น หรือถ้างบประมาณมีจำกันตัวเลือกอย่าง และ OPTIX G32C4 เป็นจอภาพขนาด 32″ เช่นกัน แต่ความละเอียด 1080p ก็ให้คุณสนุกสนานได้ไม่น้อยเลย

จอคอม

นอกจากนี้การเลือกจอภาพที่มีความละเอียดสูง Full-HD หรือ 1080p ขึ้นไป เพื่อให้ได้รายละเอียดของภาพที่ชัดเจน และตอบสนองได้ดีกับคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่เริ่มขยับไปที่ความละเอียด 1440p หรือ 2160p 4K กันมากขึ้น ซึ่งจะให้อรรถรสในการรับชมที่ดีกว่าเดิม รวมถึง การตอบสนองที่รวดเร็ว โดยเฉพาะ Response time ที่สั้นและรวดเร็วในระดับ 1ms จะช่วยให้ภาพมีความนุ่มนวลต่อเนื่องมากขึ้น อย่างเช่น MSI OPTIX G32CQ4 และ OPTIX G27CQ4 กับความละเอียดระดับ 1440p หรือ 2K ก็ให้รายละเอียดได้มากขึ้น เหมาะกับการชมภาพยนตร์ความละเอียดสูงในปัจจุบัน

แต่สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งมีผลต่อความรู้สึกในการรับชมอยู่บ้าง แต่สำหรับบางคนอาจจะให้ความสำคัญไม่น้อยก็คือ ขอบของจอภาพ ซึ่งไม่ใช่แค่การชมภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้งานอื่นๆ อีกด้วย ขอบจอภาพที่บาง จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงผลได้กว้างขึ้น อีกทั้งลดความรู้สึกอึดอัดจากความเทอะทะไปได้เยอะทีเดียว ตัวอย่างเช่น MSI OPTIX G32CQ4 มาพร้อมกับขอบจอที่บางเฉียบ เรียกว่าเกือบไร้ขอบ จึงให้พื้นที่ในการรับชมได้อย่างเต็มที่


เลือกจอคอมสำหรับท่องเว็บไซต์:

จอคอม
MSI OPTIX G32CQ4 (32″ 1440p) and MSI OPTIX G27C4 (27″ 1080p)

สำหรับนักท่องอินเทอร์เน็ต ชอบดูเว็บข่าวสาร ทำเอกสารออนไลน์ เล่นหุ้น หรือแม้จะดูสตรีมมิ่ง หน้าจอพื้นที่กว้าง สามารถเปิดดูได้หลายหน้าต่างพร้อมกัน ดูจะตอบโจทย์การใช้งานได้ดี เพราะจะได้ประโยชน์ทั้งการแบ่งหน้าจอ หรือการเปิดใช้แท็ปบนเว็บเบราว์เซอร์ได้หลายๆ หน้า เรียกว่าชอบการดูเว็บไซต์ หรือใช้ทำงานอื่นๆ ได้พร้อมกันนั่นเอง ซึ่งหากเป็นจอภาพขนาดเล็ก แม้จะแบ่งหน้าต่างโปรแกรมออกได้เช่นกัน แต่หน้าต่างๆ แต่ละช่องนั้น ก็ดูเล็กเกินกว่าจะใช้ได้สะดวก ส่วนถ้าเป็นจอใหญ่ 27″ หรือ 32″ ก็จะมองเห็นได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูวีดีโอยูทูป ไปพร้อมๆ กับการดูหุ้นหรือกราฟในการเทรดบิตคอยน์ หรือจะแบ่งอีกหน้าต่าง สำหรับการตามข่าวสารไปพร้อมๆ กัน ก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนกว่านั่นเอง

จอคอม
MSI OPTIX G32CQ4 (32″ 1440p) and MSI OPTIX G27C4 (27″ 1080p)

แต่ถ้ามีงบประมาณมากพอ การเลือกจอขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดสูง ก็จะเพิ่มพื้นที่การใช้งานได้มากขึ้น นั่นหมายถึงคุณจะได้พื้นที่ในการแบ่งหน้าจอออก และใช้งานได้อย่างคล่องตัว จากตัวอย่างที่เราลองแบ่งหน้าจอออกเป็น 4 ส่วน เพื่อใช้งานเปิดหน้าเว็บไซต์ 2 ช่อง พร้อมกับเปิดวีดีโอยูทูป และดูกราฟเทรด Crypto currency ไปพร้อมๆ กัน จอภาพขนาด 32″ ให้พื้นที่ของภาพได้กว้างมากกว่าจอภาพแบบ 27″ สังเกตได้จากคอนเทนต์ในหน้าเว็บไซต์ รวมถึงตัวกราฟที่มีการแสดงผลต่างกันอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง ซึ่งหากคุณมีงบประมาณไม่มากนัก ตัวเลือกที่เป็นหน้าจอขนาด 32″ 1080p อย่างเช่น MSI OPTIX G32C4 ก็เพียงพอต่อการใช้งาน หรือถ้าไม่ได้ซีเรียสมากนัก MSI OPTIX G27C4 ที่เป็นจอภาพ 27″ 1080p ก็เป็นตัวเริ่มต้นที่ดีในราคาระดับหมื่นต้นๆ

จอคอม
MSI OPTIX G32CQ4 (32″ 1440p) and MSI OPTIX G27C4 (27″ 1080p)

ตัวอย่างเปรียบเทียบกันระหว่างจอแสดงผลขนาดใหญ่ MSI OPTIX 32CQ4 หน้าจอ 32″ ความละเอียด 1440p ให้พื้นที่ในการทำงานที่มากกว่า มองเห็นรายละเอียดได้เยอะขึ้น ซึ่งจากตัวอย่างจะเห็นเอกสาร PDF ได้เกือบเต็มหน้า โดยเป็นค่า Default ส่วนจอภาพขนาด 27″ 1080p ตามตัวอย่างนี้ จะเห็นถึงข้อมูลบนหน้าเอกสาร PDF file ได้ไม่เต็มหน้า จากตัวอย่างนี้ หากคุณเลือกหน้าจอใหญ่ ความละเอียดสูง ก็จะได้ประโยชน์ในการดูไฟล์บนหน้าจอได้ง่ายขึ้น รวมถึงใครที่ต้องทำงานข้อมูล เปรียบเทียบเอกสาร หรืองานด้านบัญชี ต้องใช้หน้าเอกสารยาวๆ หรือดู 2 ไฟล์เพื่อเปรียบเทียบกัน เป็นต้น


เลือกจอคอมสำหรับทำงาน:

จอคอม

ในกลุ่มนี้ จะมีทั้งแบบที่ใช้งานด้านเอกสารทั่วไป เช่นงานด้านคีย์ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งจะใช้พื้นที่ในการทำงานผ่านซอฟต์แวร์ด้านการเงิน หรืออย่างน้อยๆ ก็จะเป็น Excel ที่อาจจะต้องการ Cell และ Column ในการคำนวณหรือใส่ข้อมูล เพื่อสร้างกราฟ สำหรับพรีเซนเทชั่นหรือรายงานสรุป หน้าจอขนาดใหญ่ดูจะตอบโจทย์ได้มากกว่า เพื่อให้การสร้างสรรค์งานทำได้ง่ายยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับ MSI OPTIX G32CQ4 หรือ MSI OPTIX G32C4 ที่เป็นจอภาพขนาด 32″

จอคอม

หรือในกลุ่มที่ใช้ด้านงานกราฟิก เช่น การแต่งภาพ หรือตัดต่อวีดีโอ นอกจากพื้นที่หน้าจอขนาดใหญ่ ก็อาจจะต้องการความละเอียดที่สูงขึ้น ซึ่งไม่เพียงแค่ 1080p หรือ Full-HD แต่ระดับ 2K ขึ้นไป ก็จะให้ความสะดวกได้มากกว่า เพราะนอกจากจะมีพื้นที่ในการจัดวางเครื่องมือหรือ Tool ต่างๆ ของโปรแกรมได้มากขึ้นแล้ว ก็ยังช่วยให้พื้นที่พรีวิว สำหรับการตัดต่อวีดีโอ เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ไม่กรณีที่ยังไม่มีงบประมาณซื้อจอคอมเพิ่มนั่นเอง ตัวอย่าง MSI OPTIX G32CQ4 หรือ MSI OPTIX G27C4Q ที่มาพร้อมความละเอียด 2K 1440p ซึ่งให้การทำงานสะดวกมากขึ้นกว่าจอทั่วไป

จอคอม
1440p (Left) and 1080p (Right)

จากตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงรายละเอียดของภาพ เมื่อซูมเข้าไปในภาพเดียวกัน ทางซ้ายมือ เป็นจอภาพ MSI OPTIX G32CQ4 ที่มีความละเอียด 1440p 2K ส่วนทางขวาจะเป็นจอภาพ OPTIX G27C4 ซึ่งเป็นจอ 1080p หรือ Full-HD จะเห็นว่าภาพด้านบนที่เป็นรูปคีย์บอร์ด พอให้เห็นความต่างในรายละเอียดอยู่บ้าง ซึ่งอาจจะไม่ได้มีผลมากในการแค่พรีวิวภาพทั่วไป แต่จะมีต่อเมื่อต้องใช้เครื่องมือในการปรับแต่ง ที่จะทำให้การใช้เครื่องมือปรับแต่ง ส่วนด้านล่างที่เป็นภาพด้านหลังของการ์ดจอ จะสังเกตได้ว่า ตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในภาพ เช่นเดียวกับสัญลักษณ์ลูกศรในฝั่งของจอ 2K ที่มีความชัดเจนมากกว่าเล็กน้อยนั่นเอง

และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ขอบเขตสีหรือการแสดงผลบนหน้าจอ เพราะการทำงานเหล่านี้ ต้องอาศัยความแม่นยำของสี เพื่อช่วยให้ชิ้นงานมีความถูกต้องมากที่สุด แม้ว่าจอภาพพื้นฐานหรือจอเกมมิ่ง จะไม่ได้ออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แต่จอเกมมิ่งบางรุ่นก็มีคุณสมบัติในแง่ของความแม่นยำสีมาด้วย อย่างน้อยก็เพียงพอต่อการทำงานด้านกราฟิก เช่น งานตัดต่อวีดีโอหรือตกแต่งภาพได้ดีพอสมควร โดยตัวอย่างจอภาพ MSI OPTIX G32C4 มาพร้อมค่า DCI-P3 ที่สูงถึง 95% และ SRGB 115% ก็เป็นตัวเลขที่มากพอ สำหรับคนที่ต้องการใช้ในการกราฟิกคุณภาพได้ดี เรียกว่าจอเดียวครบจบทุกงาน


จอเล่นเกมปี 2021 ต้องรีเฟรชเรตสูง

กลายเป็นเรื่องพื้นฐานไปแล้ว สำหรับจอเกมมิ่งในปัจจุบัน และยังเป็นสิ่งที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต สำหรับอัตรารีเฟรชเรตของจอภาพ เพราะคอเกมส่วนใหญ่ ไม่เพียงต้องการภาพที่สวยงาม หรือแค่มีเฟรมเรตในการเล่นเกมที่สูงเท่านั้น แต่จอคอมก็ต้องมีความสอดคล้องกันด้วย เนื่องจากค่ารีเฟรชเรตที่สูง ทำให้การเล่นเป็นไปอย่างต่อเนื่อง นุ่มนวล ลดอาการสะดุดหรือภาพฉีกขาด และเมื่อทำงานร่วมกับบรรดาเทคโนโลยี Adaptive Sync ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น G-Sync หรือ Free-Sync ก็ตาม ซึ่งในปัจจุบันอัตรารีเฟรชเรตของจอเกมมิ่งทั่วไป อยู่ที่ 144Hz เป็นอย่างน้อย ซึ่งราคาค่อนข้างประหยัด ไปจนถึงระดับ 240MHz ซึ่งมักอยู่ในจอภาพระดับไฮเอนด์ และราคาย่อมสูงตามไปด้วย แต่ก็มีจอในกลุ่มรีเฟรชเรต 165Hz ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์เริ่มต้น และเริ่มเล่นเกมที่จริงจังมากขึ้น อีกทั้งราคาก็ไม่สูงเกินไปนัก ซึ่งจอคอมจาก MSI ทั้ง 4 รุ่นที่นำมาแนะนำกันในวันนี้ ก็ล้วนแต่มีรีเฟรชเรตที่สูงถึง 165Hz เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคอเกมที่ต้องการความลื่นไหลในการเล่นเกมในปัจจุบัน

จอคอม

การเปรียบเทียบการเล่นเกมบนจอ Refresh Rate 165Hz และจอ 60Hz ทั่วไป สามารถเข้าไปชมในวีดีโอที่อยู่ด้านบนนี้ ในช่วงนาที 8:40น กันได้เลย ส่วนการทดสอบร่วมกับเกมต่างๆ ในช่วงที่มีอัตราเฟรมเรตที่สูงก็จะพอเห็นผลได้อย่างชัดเจน โดยภาพที่ได้จะมีความนุ่มนวลต่อเนื่องมากขึ้น และยิ่งทำงานร่วมกับเทคโนโลยี FreeSync หรือ FreeSync Premium บนจอภาพทั้ง 4 รุ่น เช่น MSI OPTIX G32CQ4 และ OPTIX G27C4 ก็จะเห็นได้ชัดว่า ลดปัญหาเรื่องของภาพขาด หรือการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนในขณะที่มีการเปลี่ยนฉากอย่างรวดเร็วได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการทำงานที่สอดคล้องกันระหว่างเฟรมเรต และอัตรารีเฟรชเรตที่สูง ซึ่งส่งผลให้การเล่นเกมสนุกลื่นไหล ไม่เสียอารมณ์ อีกทั้งช่วยให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น เพราะการกระตุกน้อยลง ก็ทำให้ยิงได้แม่นยำมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเกม Battlefield V, PUBG หรือจะเป็นเกมแนว Racing อย่าง NFS ก็ตาม


อัตราตอบสนอง Response time

จอคอม

นอกเหนือจากเรื่องของอัตรารีเฟรชเรตที่สูง MSI OPTIX G32CQ4 และ OPTIX G27C4 ก็ยังมาพร้อมกับอัตราการตอบสนองที่สั้นเพียง 1ms เท่านั้น ด้วย Response time ระดับนี้ ทำให้ภาพที่ปรากฏในเกมมีความชัดเจน ลดอาการเบลอ เมื่อมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นโอกาสที่จะโจมตีศัตรูในขณะเคลื่อนที่ก็มีมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในเกมสงครามอยู่ในสมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็น Battlefield V, GTA V หรือจะเป็น PUBG ซึ่งเกมเหล่านี้จะมีตัวละคร และการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ผู้เล่นเองก็จะต้องจับสังเกตรอบข้างให้ได้ไว มิฉะนั้นก็อาจจะกลายเป็นเหยื่อแทนที่จะเป็นผู้ล่าก็เป็นได้


จอโค้งหรือจอแบน?

จอคอม

ปัจจุบันจอโค้ง เป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้ในกลุ่มของเกมเมอร์และในด้านต่างๆ ยิ่งเป็นคนที่ต้องการจอภาพแบบตัวเดียวจบ ครบทุกการใช้งาน โดยที่สามารถมองเห็นภาพทั้งหมดได้เต็มตา แบบที่ไม่ต้องถอยหลังออกจากหน้าจอจนเสียอรรถรส โดยที่จอภาพ MSI OPTIX G32CQ4 และ OPTIX G27C4 ต่างมาพร้อมกับความโค้งในระดับ 1500R จัดเป็นความโค้งในระดับสายตา ที่โอบกระชับการมองได้ค่อนข้างพอดี เรียกว่าไม่โค้งเกินไป หรือว่าออกแนว Flat จนทำให้ต้องกวาดสายตามากขึ้น เมื่อใช้งานนานๆ และที่สำคัญให้คุณสามารถใช้จอภาพขนาดใหญ่ได้แบบไม่ต้องถอยห่างออกจากจอมากเกินไป

จอคอม

ซึ่งต่างจากจอภาพแบบ Flat ที่แม้ว่าจะมีข้อดีในหลายๆ ส่วน แต่ก็ต้องร่นระยะห่างออกจากจอภาพ กรณีที่คุณใช้จอขนาดใหญ่ระดับ 27″ ขึ้นไป ดังนั้นแล้วการเลือกจอ Curved ก็จะช่วยให้คุณสนุกไปกับความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง หรือจะใช้ทำงานเอกสารหรือตกแต่งภาพ โดยที่ไม่ต้องถอยห่างออกมามากจนเกินไป เพื่อให้ใช้งานได้อย่างเต็มที่

จอคอม

AMD FreeSync และ Anti-Flicker

จอคอม

บรรดาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงผลภาพ เข้ามามีบทบาทอย่างมากในการเล่นเกม ซึ่งจอเกมมิ่ง MSI OPTIX ทั้ง 4 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น MSI OPTIX G32CQ4, OPTIX G32C4, OPTIX G27CQ4 และ MSI OPTIX G27C4 ล้วนมาพร้อมกับเทคโนโลยี AMD FreeSync และ FreeSync Premium ที่จะทำให้ภาพที่มีความลื่นไหล เล่นไม่สะดุด โดยจะอยู่ในจอที่มีรีเฟรชเรตสูงกว่า 120Hz ขึ้นไป หากคุณเปิดใช้งาน FreeSync จะเห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน สิ่งแรกคือ เรื่องของภาพขาดจะหายไป เพราะการเรนเดอร์ภาพ ถูกปรับให้สัมพันธ์กันกับการแสดงผลบนหน้าจอ ภาพที่ออกมาจึงดูต่อเนื่องและนุ่มนวลมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมที่มีเอฟเฟกต์ค่อนข้างเยอะ จะเห็นผลได้อย่างชัดเจน เพราะมีการเคลื่อนไหวภายในฉากค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเกม FPS, RTS หรือเกมแนวอื่นๆ ก็ตาม นอกจากนี้ จอภาพ MSI ยังมี Anti-Flicker ที่ช่วยลดการกระพริบของหน้าจอ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เล่นเกม และท่องเว็บ หรือใช้หน้าจอนานๆ ซึ่งจะไม่ต้องเจอกับความเมื่อยล้า เพราะอาการกระพริบ เมื่อใช้งานหน้าจอในโหมดต่างๆ นั่นเอง


Low Blue Light

จอคอม

และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ แม้จะเป็นจอเกมมิ่ง แต่ก็ควรต้องมีฟีเจอร์ที่ช่วยถนอมดวงตาผู้ใช้ โดยเฉพาะกับคนที่ใช้คอมเป็นเวลานานๆ ซึ่งจอภาพจาก MSI ทั้ง OPTIX G32CQ4 และ OPTIX G27C4 ก็มาพร้อมกับคุณสมบัติที่เรียกว่า Low Blue Light ซึ่งช่วยลดแสงสีฟ้า ที่จะรบกวนสายตา และทำให้เมื่อยล้าเมื่อใช้งานไปนานๆ ซึ่งจะตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ชอบการท่องเว็บหรือทำงานเอกสารบนหน้าจอเป็นเวลานานนั่นเอง นอกเหนือจากการเล่นเกม ดูหนัง หรือใช้งานอื่นๆ


การปรับแต่งที่ง่าย

จอเกมมิ่งจาก MSI ทั้ง 4 รุ่นนี้ให้การปรับแต่งด้วย OSD settings บนหน้าจอ เป็นรูปแบบที่ง่าย และมีตัวเลือกค่อนข้างละเอียด การปรับแต่งด้วยการใช้นิ้วเดียวในการกดปุ่มนั้น โดยส่วนตัวถือว่าสะดวกกว่าการมีปุ่มกดหลายๆ ปุ่มมาให้ เพราะเราต้องปรับจูน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างคล่องตัว โดยที่หัวข้อ จะมีด้วยกัน 6 หัวข้อ ประกอบด้วย Gaming, Professional, Image, Input Source, Navi Key และ Settings โดยหัวข้อในการปรับแต่งสำคัญๆ สำหรับคอเกม จะอยู่ที่ Gaming เพราะจะเป็นตัวกำหนดตามรูปแบบของเกม และฟังก์ชั่นที่ช่วยให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การเลือกโหมดเกม FPS, RTS, Racing หรือ RPG เป็นต้น

ส่วนถัดมาก็จะเป็นเรื่องของ Night Vision, GDCR และการปรับค่า Image ในการเลือกเพิ่มหรือลด Brightness, Contrast, Sharpness และ Color Temperature เป็นต้น โดยรวมต้องถือว่า MSI ก็เตรียมฟังก์ชั่นมาให้มาแบบไม่มากไม่น้อย แต่ที่น่าสนใจคือ ไม่ต้องไปปรับตัวมาก กด เลื่อน กด แค่นี้เท่านั้น


MSI OPTIX G32CQ4 จอเกมมิ่ง ฟังก์ชั่นครบ จบทุกความบันเทิง

จอคอม

เรียกว่าเป็นจอคอมไซส์บิ๊ก ที่ออกแบบมาเพื่อคอเกมโดยเฉพาะ MSI OPTIX G32CQ4 ไม่เพียงแค่พื้นที่หน้าจอ 32″ และ Resolution 2560 x 1440 QHD ในแบบ 2K เท่านั้น แต่ยังเสริมฟีเจอร์ต่างๆ มาให้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพาแนล VA ที่มีมุมมองกว้าง อัตรารีเฟรชเรตเอาใจคอเกม 165Hz รวมถึง Response time 1ms เท่านั้น แต่ยังมีเทคโนโลยี AMD FreeSync Premium บนหน้าจอแบบ Curved 1500R ที่โอบกระชับสายตา ให้คอเกมได้นั่งเล่นแบบสบายๆ ไม่ต้องถอยหลังออกจากหน้าจอไปมากนัก รวมถึงยังปรับตั้งค่า OSD ได้แบบง่ายๆ ผ่านทาง 5-Way Navigation ที่อยู่ด้านหลัง พร้อมกับฟังก์ชั่นสำหรับคอเกมที่มีอยู่มากมาย ให้ได้เล่นกันอย่างสนุก เช่น Night Vision หรือจะเป็น Screen Assistant เป็นต้น สนนราคาอยู่ที่ 16,900 บาท

สำหรับดีไซน์คงต้องบอกว่า แม้จะเป็นจอคอมขนาด 32″ แต่ทาง MSI ก็ออกแบบมาได้ค่อนข้างกระทัดรัด ส่วนหนึ่งเพราะตัวบอดี้ออกแบบให้มีความบางพอสมควร ตั้งแต่ขอบจอด้านหน้า และมิติด้านข้าง ที่โค้งเรียวไปกับตัวจอ จึงไม่ได้รู้สึกว่าหนักจนเดินไป ตัวจอรวมขาตั้งหนักราว 6.4Kg. เท่านั้น

จอคอม

ฐานเป็นแบบตัว Y ขนาดใหญ่ กางออกไปได้กว้าง ซึ่งดูแล้วให้สมดุลในการรับน้ำหนักของตัวจอขนาด 32″ ได้เป็นอย่างดี เพียงแต่ตัวฐานไม่สามารถหมุนซ้าย-ขวาได้เท่านั้น และขาตั้งจะเป็นโลหะขนาดใหญ่ รูปทรงสามเหลี่ยม สูงขึ้นไปราว 30cm โดยตัวจอจะรองรับการปรับแค่มุมก้ม เงย(Tilting) เท่านั้น

จอคอม

ด้านหลังจะเป็นปุ่ม 5-Way Navigation Joystick ใช้งานได้อย่างคล่องตัว ด้วยการใช้นิ้วเดียวในการกดปุ่ม โดยที่หัวข้อ จะมีด้วยกัน 6 หัวข้อ ประกอบด้วย Gaming, Professional, Image, Input Source, Navi Key และ Settings โดยหัวข้อในการปรับแต่งสำคัญๆ สำหรับคอเกม จะอยู่ที่ Gaming เพราะจะเป็นตัวกำหนดตามรูปแบบของเกม และฟังก์ชั่นที่ช่วยให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การเลือกโหมดเกม FPS, RTS, Racing หรือ RPG

ตรงกลางด้านหลังของตัวจอ จะมีโลโก้ MSI ที่เป็นรูปมังกรแดง แต่ไม่ได้มีแสงสีอะไรให้ดูหวือหวา เพราะไม่ได้มาพร้อมลูกเล่นที่เป็นฟีเจอร์ RGB แต่ก็ถือว่าออกแบบมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว

จอคอม

พอร์ตต่อพ่วงบนจอรุ่นนี้ ประกอบด้วย DC-In, Display port 1.2a และ HDMI 2.0 จำนวน 2 พอร์ต และ Audio-out

จอคอม
จอคอม

สิ่งที่ทำให้จอเกมมิ่งจาก MSI รุ่นนี้ดูสวยสะดุดตา ก็คือ ขอบจอที่บางพิเศษ เรียกว่าแทบจะไร้ขอบ เพื่อให้พื้นที่การแสดงผลมีมากขึ้น ซึ่งดูแล้วสบายตา ไม่มีขอบภาพมารบกวนมากนัก เมื่อเปิดเล่นเกมหรือดูหนังในโหมด Borderless นั่นเอง จากตัวอย่างกับการเล่นเกม DOTA2 จะเห็นได้ว่ามีขอบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากจะเอาใจคนที่ดูหนัง เล่นเกม ได้ดีแล้ว ใครที่คิดจะใช้ต่อจอแบบมัลติมอนิเตอร์ ก็น่าจะชื่นชอบไม่น้อยเลยทีเดียว

จอคอม

มาถึงการทดสอบเล่นเกมกันบ้าง คงต้องบอกว่าจอภาพขนาด 32″ บนความละเอียด 1440p หรือ 2K นี้ สามารถสร้างแรงดึงดูดให้กับการเล่นเกมได้เป็นอย่างดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเกม Action หรือแนว Racing เพราะทำให้เห็นรายละเอียดในหลายสิ่ง ที่จะไม่ได้พบในจอภาพขนาดเล็ก ซึ่งหากคุณเคยใช้จอคอม 22″ – 24″ มาก่อน คุณจะพบกับสัมผัสใหม่ที่ต่างออกไป ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ ก็คือ ตัวละครที่คุณเล่น จะใหญ่ขึ้นอย่างผิดหูผิดตา รายละเอียดบนเสื้อผ้าหน้าผม รวมถึงบนฝาผนังและของที่ตกบนพื้น ก็จะเห็นมันได้แบบง่ายๆ รวมถึงบรรดาแผนที่ที่ปรากฏบนตัวเกม ก็จะใหญ่มองเห็นตำแหน่งของคุณได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และที่สำคัญ เป็นความรู้สึกส่วนตัวก็คือ การเล่นที่ดีขึ้น เพราะได้สังเกตอะไรที่อยู่รอบๆ ตัวได้ง่าย เมื่อมีการเคลื่อนไหวเข้ามาในระยะ ต่างจากในช่วงที่เล่นจอเล็กๆ ได้อย่างชัดเจน

แต่คงไม่ใช่แค่เรื่องของขนาดหน้าจอเท่านั้นที่เปลี่ยนไป MSI OPTIX G32CQ4 ยังมาพร้อมรีเฟรชเรตที่สูงถึง 165Hz และการตอบสนองที่ 1ms เท่านั้น ซึ่งสองสิ่งนี้เข้าคู่กับการทำงานของพาแนล VA บนจอรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี กับสีสันที่สดใสและความไวของภาพ ที่มีความต่อเนื่อง ยิ่งทำงานคู่กับเทคโนโลยี AMD FreeSync Premium ด้วยแล้ว ดูเหมือนว่าจะยิ่งใช้เวลาในการเล่นที่ยาวนานยิ่งขึ้น ด้วยความต่อเนื่องและลื่นไหล เรียกว่าไม่ยอมจบแมทช์กันแบบง่ายๆ

จอคอม

เช่นเดียวกับการชมภาพยนตร์หรือใครที่เป็นสายสตรีมมิ่ง ชอบดูหนังวีดีโอผ่านทางจอคอม โดยที่ MSI OPTIX G32CQ4 มีให้ครบ จบในตัวกับภาพที่สวย สีสันสดใสจากพาแนล VA มุมมองที่กว้าง ให้ความคมชัด กับการปรับแต่งโหมด Cinema บน OSD settings เพื่อให้ภาพสีสันที่สมจริง และมีความต่อเนื่อง ด้วย Response Time 1ms และในส่วนของ Anti-Flicker ทำให้ดูภาพได้ต่อเนื่อง ไม่กระพริบจนปวดตา เหมาะอย่างยิ่งทั้งคนที่ชอบดูหนังนานๆ และการท่องเน็ตในทุกๆ วัน

จอคอม

กับรายละเอียดของภาพในระดับ 2K 1440p ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้เยอะขึ้น และทำให้มองเห็นรายละเอียดภายในภาพได้อย่างสมจริง จากในตัวอย่างที่เป็นล้อรถ ที่เราจะเห็นรายละเอียดต่างๆ จากระยะที่ห่างออกไปได้อย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึงน็อตล้อและข้อมูลของล้อที่อยู่ตรงกลางได้อีกด้วย ซึ่งจะรวมถึงการใช้งานในงานตกแต่งภาพ และการตัดต่อวีดีโอ ที่คุณจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่กลุ่มผู้ใช้งานด้านกราฟิกจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ก็คือ ขอบเขตสีที่กว้าง Wide Color Gamut ในระดับ 91.43% DCI-P3 และ 114.8% sRGB ช่วยเพิ่มความแม่นยำสีให้กับการทำงานได้เป็นอย่างดี

จอคอม

มาถึงการใช้งานสำหรับนักท่องเว็บ สตรีมมิ่งกันบ้าง กับหน้าจอขนาดใหญ่ระดับ 32″ และความละเอียด 1440p เช่นนี้ ย่อมตอบโจทย์คนที่ชอบพื้นที่ใหญ่ๆ เอาไว้ทำงานหรือจัดการเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก เพราะจะมีพื้นที่แสดงผลกว้างมากยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่ได้ ไม่เพียงการดูภาพหรือตัวอักษรที่ดูใหญ่ มองเห็นได้ชัดเท่านั้น แต่ยังทำให้เรา Scroll mouse น้อยลง เพราะคอนเทนต์ที่อยู่บนหน้าจอมีมากขึ้น ตัวอย่าง เช่น การดูรายละเอียดของสินค้า ก็ดูได้เยอะ และเปรียบเทียบได้ง่ายกว่าเดิม นอกจากนี้ยังสามารถแบ่งหน้าจอ เพื่อทำการเปรียบเทียบสินค้าและข้อมูลได้สะดวกนั่นเอง

จอคอม

ส่วนใครที่ใช้งานแบบมัลติทาส์กกิ้ง หรือชอบเปิดหลายๆ หน้าต่างพร้อมกัน ยิ่งจะได้ประโยชน์ในส่วนนี้มากขึ้น เพราะผู้ใช้สามารถแบ่งหน้าต่างการแสดงผลออกได้และเห็นได้ชัดเจนอีกด้วย ไม่ว่าจะใช้ในการดูหนัง ดูเว็บไซต์หรือการเทรด Crypto Currency ก็สามารถตรวจเช็คและเห็นได้ง่าย ถึงแม้ว่าจะเล็กกว่า ก็ทำได้เช่นกัน แต่เรื่องของการมองเห็นจอใหญ่ ย่อมมองได้ง่ายกว่า หรือจะแบ่งครึ่งจอสำหรับการทำงานเอกสารก็ยังสะดวก


MSI OPTIX G27C4 จอเกมมิ่ง สีสดใส ลื่นไหล เพื่อคอเกมมือใหม่

จอคอม

มาถึงจอเกมมิ่งอีกรุ่นหนึ่งจาก MSI ในรุ่น OPTIX G27C4 ที่มาโชว์ความสวยงามให้กับเกมเมอร์ได้สัมผัสกันในราคาเบาๆ ซึ่งในซีรีส์นี้ จะมีด้วยกัน 2 รุ่น OPTIX G27CQ4 และรุ่นที่รีวิวอยู่นี้จะเป็น OPTIX G27C4 ที่เป็นภาพขนาด 27″ รีเฟรชเรต 165Hz รวมถึงฟีเจอร์อื่นๆ ที่ใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันตรง ความละเอียดในการแสดงผล โดยที่ G27C4 ความละเอียด 1080p หรือ Full-HD ส่วน G27CQ4 จะเป็น 1440p หรือ 2K นั่นเอง ซึ่งก็เหมาะกับความต้องการที่ต่างกันออกไป โดยในรุ่นที่เป็น Full-HD นี้ ก็เหมาะกับเกมเมอร์มือใหม่ หรือเตรียมจะเทิร์นโปร เข้าสู่การเล่นในกลุ่มของ E-Sport เพราะด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกม และใช้งานในด้านอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่

จอคอม

พาแนลของจอ OPTIX G27C4 รุ่นนี้ เป็นแบบ VA ที่ให้สีสันสดใส ตอบสนองได้ไว และมุมมองที่กว้าง สังเกตได้จากอัตรารีเฟรชเรตที่ได้มาสูงถึง 165Hz และค่า Response Time 1ms เท่านั้น ซึ่งเหมาะกับการใช้งานและการเล่นเกมเป็นอย่างยิ่ง

การออกแบบต้องถือว่าถอดแบบมาจากรุ่นพี่อย่าง OPTIX G32CQ4 ที่รีวิวไปในด้านบน ไม่ว่าจะเป็นขอบจอที่บาง หน้าจอเป็นแบบ Curved 1500R ที่สอดรับกับสายตาผู้ใช้ได้อย่างลงตัว ฐานของจอที่เป็นแบบ Y รับกับหน้าจอขนาด 27″ ได้อย่างสบายๆ น้ำหนักโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 5.4Kg เท่านั้น

จอคอม

มาดูด้านหลังกันบ้าง ยังคงตามรูปแบบของรุ่นพี่มาเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโทนสีเทาดำ มีโลโก้ MSI ตรงกลาง และปุ่มคอนโทรลในแบบ 5-Way Navigation ซึ่งควบคุมการทำงานได้ง่ายมากๆ เพราะใช้แค่นิ้วเดียวในการกด ดัน เลื่อน ประมาณนี้ โดยมีฟีเจอร์ในส่วนของ OSD settings ตามในซีรีส์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการปรับ Game Mode สีหรือฟังก์ชั่นสำหรับการเล่นเกมเป็นต้น

จอคอม

โดยจอคอม OPTIX G27C4 มาพร้อมเมาท์แบบ 100 x 100 และขาตั้งแบบสามเหลี่ยม ในส่วนของการปรับเลื่อน มีให้เพียงมุมก้ม เงยที่ระดับ -5 – 20 องศาเท่านั้น ไม่สามารถปรับเลื่อนขึ้นลง หรือหมุนซ้ายขวาได้ พอร์ตต่อพ่วงประกอบด้วย 1x DP (1.2a) และ 2x HDMI (1.4b)

จอคอม

มาที่การเล่นเกม ก็เรียกว่าแม้จะเป็นรุ่นน้อง แต่ในเรื่องความสวยงาม ยังคงตอบโจทย์ได้อย่างเต็มที่ ทั้งในแง่ของสีสัน ที่ดูสดใส ให้ภาพที่มีความต่อเนื่องได้ดี โดยเฉพาะในเกม Action FPS ต่างๆ กับรีเฟรชเรตที่สูงถึง 165Hz ทำให้ภาพที่ได้มีความลื่นไหล เมื่อเปิดการทำงานของ AMD FreeSync ก็ยิ่งทำให้ความไหลลื่นได้ต่อเนื่อง ลดอาการภาพฉีกขาดได้อย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้สเปคแรงๆ ก็ยังเล่นได้ภาพที่สวยงาม ซึ่งจากการทดสอบในหลายๆ เกม เช่น Death Stranding หรือ Battlefield V รวมไปถึง PUBG และ Horizon Zero Dawn ก็บอกได้เลยว่ามีความไหลลื่นน่าสนใจไม่น้อยเลย

จอคอม

ในด้านของการเล่นวีดีโอ และการทำงานในด้านกราฟิกและวีดีโอ ก็ยังเต็มตาเต็มอารมณ์สำหรับคนที่ชอบความบันเทิง โดยเฉพาะการแสดงผลบนหน้าจอที่เรียกว่าแทบจะไร้ขอบ ทำให้พื้นที่การดูภาพทำได้เต็มที่มากขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ใช้งานแบบจอเดียวจบ ทำงาน เล่นเกม และมัลติมีเดีย แต่ความเป็นจอภาพ 27″ ก็ทำให้ประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงานไปได้เยอะ และที่สำคัญเป็นจอโค้งที่โอบกระชับสายตา 1500R จึงทำให้ไม่ต้องถอยห่างออกจากจอ แต่ก็มองเห็นได้แบบครบทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง หรือท่องเว็บก็ตาม

จอคอม

มาว่ากันที่การดูเว็บไซต์ สำหรับใครที่ชอบท่องอินเทอร์เน็ต หรือเน้นดูข้อมูลออนไลน์เป็นหลัก กับหน้าจอขนาด 27″ อาจจะดูเล็กกว่า 32″ อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ถ้ามองถึงการใช้งานบนเว็บไซต์ หลายคนอาจจะมองว่ากำลังพอเหมาะ เพราะสามารถมองเห็นข้อมูลปริมาณมากๆ หรือรองรับการเปิดเว็บไซต์หลายๆ แท็ปได้อย่างสะดวกอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่นการพรีวิวเอกสารในโหมดปกติ 100% ก็ยังเห็นได้เกือบครบทั้งหน้า ส่วนถ้าต้องการดูข้อมูลที่ละเอียดขึ้น ก็ยังให้ความคมชัดสูง แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับ Source หรือข้อมูลต้นทาง ว่าจะมีความละเอียดมากน้อยเพียงใด

จอคอม

แต่สิ่งที่สำคัญและดูจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ใช้งานแบบหลายแท็ป เปิดหลายหน้า รวมถึงการแบ่งหน้าจอเดสก์ทอป เพื่อใช้งานในแบบมัลติทาส์ก เราทดสอบแบบคนอ่านข้อมูลบนเว็บไซต์ เปิดดูยูทูปแ ละเช็คราคาของ Crypto Currency แม้ว่าจะค่อนข้างแน่นหนาไปบ้าง บางส่วนอาจจะเห็นได้ไม่ชัดเจน รวมถึงการที่จะพรีวิวดูตัวอย่างของวีดีโอจะไม่ครบถ้วน หรือมองเห็นได้อย่างเต็มที่นัก แต่เมื่อลองปรับย่อขยายในแต่ละหน้าให้เหมาะสม ก็ถือว่าใช้งานได้อย่างไม่อึดอัดนัก ก็เรียกว่าตอบโจทย์การใช้งานได้กับการใช้งานในชีวิตประจำวันเหล่านี้

จอคอม
จอคอม

ส่วนใครที่จะใช้ในด้านของการตกแต่งภาพหรืองานด้าน Video Editing สำหรับ OPTIX G27C4 รุ่นนี้ อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่า นอกจากหน้าจอขนาดใหญ่ระดับ 27″ ทำให้เปิดใช้งานและจัดสรรเครื่องมือได้สะดวกขึ้น รวมถึงพรีวิวภาพเห็นได้ชัดเจน ก็ยังมาพร้อมกับขอบเขตสี ที่กว้างในระดับหนึ่ง 90% DCI-P3 และ 115% sRGB ซึ่งช่วยให้การกำหนดค่าสีและใช้งานด้านกราฟิกได้ดีพอสมควร หลังจากทำการ Calibrate เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากเทียบกับรุ่นพี่อย่าง OPTIX G32CQ4 ก็ถือว่าใกล้เคียงเลยทีเดียว หากคุณมีงบประมาณไม่มากนัก แต่ต้องการจอภาพที่ทำงานได้ครอบคลุม สำหรับการเล่นเกมและตกแต่งภาพ ตัดต่อวีดีโอในเบื้องต้น จอคอมจาก MSI รุ่นนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย

MSI G32CQ4 MSI G32C4 test 123 1

ตารางคุณสมบัติของจอ MSI OPTIX

MSI OPTIX G32CQ4 MSI OPTIX G32C4 MSI OPTIX G27CQ4 MSI OPTIX G27C4
PANEL SIZE 31.5″ 31.5″ 27″ 27″
RESOLUTION 2560 x 1440 1920 x 1080 2560 x 1440 1920 x 1080
REFRESH RATE 165Hz 165Hz 165Hz 165Hz
RESPONSE TIME 1ms (MPRT) 1ms 1ms (MPRT) 1ms
PANEL TYPE VA VA VA VA
BRIGHTNESS (NITS) 250 250 250 250
VIEWING ANGLE 178°/ 178° 178°/ 178° 178°/ 178° 178°/ 178°
CURVATURE 1500R 1500R 1500R 1500R
CONTRAST RATIO 3000:1 3000:1 3000:1 3000:1
ACTIVE DISPLAY AREA 697.344 (H) x 392.256 (V) 698.4(H) x 392.85(V) 596.736(H) x 335.664(V) 597.888(H) x 336.312(V)
PIXEL PITCH (H X V) 0.2724(H) x 0.2724(V) 0.36375(H) x 0.36375(V) 0.2331 (W) x 0. 2331 (H) 0.3114(H) x 0.3114(V)
SURFACE TREATMENT Anti-glare Anti-glare Anti-glare Anti-glare
DCI-P3 / SRGB 91.43% / 114.8% 95% / 120% 92% / 115% 90% / 115%
VIDEO PORTS 1x DP (1.2a), 2x HDMI (2.0) 1x DP (1.2a)
2x HDMI (1.4b)
1x DP (1.2a), 2x HDMI (2.0) 1x DP (1.2a)
2x HDMI (1.4b)
CONTROL 5-way OSD navigation joystick 5-way OSD navigation joystick 5-way OSD navigation joystick 5-way OSD navigation joystick
TECHNOLOGY FreeSync Premium FreeSync FreeSync FreeSync Premium
ADJUSTMENT (TILT) -5° ~ 20° -5° ~ 20° -5° ~ 20° -5° ~ 20°
WEIGHT 6.4 kg 6.4 kg 5.4 kg 5.4 kg
Price 16,900 บาท 10,700 บาท 17,900 บาท 11,590 บาท

Conclusion

สรุปส่งท้าย สำหรับคนที่กำลังมองหาจอเกมมิ่ง ทำงานและความบันเทิง แบบจอเดียวครบจบในตัว อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะคุณจะต้องเสาะหาข้อดีให้ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่หน้าจอ พาแนล รีเฟรชเรต เทคโนโลยี ไปจนถึงเรื่องของราคาที่สอดคล้องกับงบประมาณที่มี เพราะจอคอมมักจะอยู่ด้วยกันกับเรานาน เรียกว่าใช้กันตั้งแต่ทำความรู้จักใหม่ๆ ไปจนถึงเสียหรือจอเสื่อมกันไป ดังนั้นก็อาจจะต้องเลือกให้ตรงจริตกับคุณ แนะนำว่า หากเป็นการเล่นเกมและความบันเทิง ควรจะเลือกจอให้ใหญ่ และมีความละเอียดสูงเข้าไว้ เช่น 27″ หรือ 32″ ความละเอียดอย่างน้อยๆ 1080p หรือ Full-HD แต่ถ้ามีงบประมาณมากพอ การเลือกความละเอียด 2K หรือ 4K ก็น่าสนใจ เพราะจะเปิดโลกทัศน์ในการใช้งานของคุณได้มากขึ้น ตั้งแต่มองเห็นรายละเอียดได้ชัด การเล่นเกมก็จะเห็นภูมิประเทศหรือศัตรูได้ง่ายขึ้น หรือถ้าใช้ดูหนังชมภาพยนตร์ ก็จะเห็นรายละเอียดในภาพ อย่างที่คุณไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนอย่างแน่นอน

ส่วนคนที่ใช้ทำงานทั่วไป งานเอกสาร หน้าจอใหญ่ๆ เหล่านี้ จะช่วยให้การดูหน้าเอกสารได้ง่ายขึ้น และยังแบ่งหน้าจอสำหรับการทำโครงสร้างงานขนาดใหญ่ หรือจะแบ่งหน้าจอ ใช้สำหรับเปรียบเทียบงานเอกสารง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะลดเวลาในการทำงานของคุณไปได้มาก หรือถ้าใช้ในด้านการตกแต่งภาพหรือการทำวีดีโอ ก็จะมีพื้นที่ในการจัดวาง Tool และดูภาพพรีวิวได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง นอกเหนือจากนี้อาจจะเลือกจอที่มีขอบเขตสีที่กว้าง เพื่อให้ใช้งานได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ในการเลือกใช้โทนสีหรือการปรับแต่งต่างๆ ด้วยการดูจากค่า DCI-P3 หรือ sRGB เป็นต้น

แต่ถ้าเวลานี้คุณยังนึกไม่ออก ว่าจะเลือกจอรุ่นใดดี MSI OPTIX ที่เรามาแนะนำกันในวันนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เริ่มกันตั้งแต่หน้าจอขนาด 27″ 165Hz ความละเอียด 1080p ราคา 11,590 บาท ไปจนถึงจอภาพขนาด 32″ 165Hz บนความละเอียด 1440p หรือ 2K ที่ราคา 16,900 บาท สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการของคุณ


Price

MSI OPTIX G32CQ4 ราคา 16,900 บาท

https://msi.gm/3tLp00E

MSI OPTIX G32C4 ราคา 10,700 บาท

https://msi.gm/32FLC6E

MSI OPTIX G27CQ4 ราคา 17,900 บาท

https://msi.gm/3v9sTN9

MSI OPTIX G27C4 ราคา 11,590 บาท

https://msi.gm/3sFTpfw

จอมอนิเตอร์รับประกัน 3 ปีเต็ม
MSI Call Center 02 409 2984

ซื้อสินค้า MSI ได้ที่ : 

https://msi.gm/3v8NzF5

MSI Shout Out รับของสมนาคุณพิเศษ เมื่อแชร์ประสบการณ์ดีๆ จากการใช้สินค้า MSI https://msi.gm/3v9YSwS

ติดตามโปรโมชั่นได้ที่ : 

https://msi.gm/3xesIBX


FAQ

เรื่องน่ารู้ ก่อนเลือกจอคอมพิวเตอร์ 4K หรือ HDR

ในการเลือกจอคอมพิวเตอร์มาใช้งานในปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้นสองสิ่งหลัก ๆ นั่นคือการเลือกจอที่มีเทคโนโลยีช่วยถนอมสายตา เพื่อให้ตอบโจทย์กับการใช้งานหน้าจอทั้งวัน หรือไม่ก็เลือกจอคอม 4K ที่ให้ภาพสวย ความละเอียดสูงระดับ 4K หรือ 8K ตามเทรนด์ เพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดสมจริงในทุกรายละเอียด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยในการเลือกซื้อจอคอมที่เหมาะกับแต่ละท่าน

ความละเอียดภาพระดับ FHD 4K 8K

สิ่งที่เป็นตัวชี้วัดความสามารถของจอที่มองเห็นได้ชัดที่สุดก็คือตัวเลขของความละเอียดหน้าจอคอมพิวเตอร์ในแบบ จำนวนพิกเซลในแนวนอน x จำนวนพิกเซลในแนวตั้ง โดยตัวอย่างของความละเอียดที่ได้รับความนิยมในขณะนี้ก็เช่น

  • 1920 x 1080 หรือที่เรียกว่าระดับ Full HD (FHD) มีจำนวนพิกเซลทั้งหมด 2,073,600 พิกเซล
  • 3840 x 2160 หรือที่เรียกว่าระดับ 4K มีจำนวนพิกเซลทั้งหมด 8,294,400 พิกเซล มีชื่อเรียกอีกชื่อว่าระดับ UHD
  • 7680 x 4320 หรือที่เรียกว่าระดับ 8K มีจำนวนพิกเซลทั้งหมด 33,177,600 พิกเซล

ซึ่งถ้าเทียบที่หน้าจอขนาดเท่ากัน เช่น หน้าจอ 50 นิ้ว หน้าจอที่มีความละเอียดสูงกว่า จะให้ภาพที่ดูสวยงาม ส่วนโค้ง ลายเส้นต่าง ๆ คมชัดกว่า เนื่องจากเม็ดพิกเซลจะมีขนาดเล็กและเรียงติดกันจนมีความหนาแน่นของพิกเซลสูง ทำให้การแสดงรอยหยักต่าง ๆ ดูเนียนตากว่า หากจะให้เห็นภาพง่าย ๆ

จอขนาดเดียวกัน แต่มีความละเอียดสูงกว่า (ความหนาแน่นของพิกเซลมากกว่า) ทำให้ได้ภาพที่ดูละเอียดกว่า โดยเฉพาะตรงรอยหยักของส่วนโค้ง ดังนั้น จอที่มีความละเอียดสูงกว่า ก็ย่อมให้ภาพที่ดีกว่า สวยงามกว่า แต่อย่างไรก็ตาม จอที่มีความละเอียดสูงกว่า ก็ย่อมใช้พลังการประมวลผลของฮาร์ดแวร์อย่างการ์ดจอที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน แม้ว่าฮาร์ดแวร์ระดับท็อปสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานในปัจจุบันจะรองรับการแสดงผลระดับ 8K ได้แล้วก็ตาม แต่ต้องยอมรับตามตรงว่าประสิทธิภาพ ความไหลลื่นที่ได้นั้น อาจจะยังไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับการแสดงผลที่ระดับ 4K และ FHD

การแสดงผลแบบ High Dynamic Range (HDR)

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ในการเลือกซื้อจอคอมของผู้บริโภค ก็คือความสามารถในการแสดงผลแบบ High Dynamic Range (HDR) ที่ให้ภาพดูสวยงามขึ้นกว่าหน้าจอที่มีการแสดงผลปกติ โดยเฉพาะในส่วนของภาพที่มีแสงสว่างจ้า กับส่วนที่มืดสุดของภาพ ซึ่งขีดจำกัดในส่วนของการแสดงผลทั้งสองสภาพแสงนี้ จะใช้ชื่อเรียกว่า Dynamic Range ครับ ยิ่งจอที่มีคุณภาพสูง ก็จะมาพร้อมกับ Dynamic Range ที่กว้าง ทำให้สามารถแสดงรายละเอียดของภาพในส่วนที่มืดสุดและสว่างสุดได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังให้ภาพที่มีสีสันสดใส สวยงามยิ่งขึ้น

ถ้าอยากจะเห็นความแตกต่างแบบชัด ๆ ก็ลองใช้สมาร์ทโฟนถ่ายภาพย้อนแสงก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเข้าไปอีกครับ ถึงความแตกต่างของภาพที่ได้จากการถ่ายด้วยโหมด HDR กับภาพที่ปิดโหมด HDR ว่ารายละเอียดในแต่ละจุดของภาพเป็นอย่างไร

นอกเหนือจากความสามารถของจอในการรองรับการแสดงผลแบบ HDR แล้ว สื่อที่นำมาใช้ก็ต้องได้รับการบันทึกมาในมาตรฐาน HDR ด้วยเช่นกัน จึงจะสามารถแสดงผลแบบ HDR ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งในปัจจุบันทั้งภาพยนตร์และเกมต่างก็รองรับการแสดงผลบนจอ HDR มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว จึงทำให้การเลือกซื้อจอคอมที่รองรับ HDR กลายเป็นสิ่งที่หลาย ๆ ท่านให้ความสำคัญมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา

ซึ่งทั้งสองสิ่งที่กล่าวไปนั้น เป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานในการพิจารณาเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์มาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว แต่พอมาเป็นในช่วงหลัง ๆ เราเริ่มเห็นแต่ละแบรนด์นำเสนอเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยในการถนอมสายตา โดยเฉพาะกลุ่มของจอสำหรับชาวออฟฟิศที่ต้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ตัวอย่างของเทคโนโลยีก็เช่น Flicker Free และ เทคโนโลยีการตัดแสงสีฟ้า (Low Blue Light) เป็นต้น

Let's block ads! (Why?)


แนะนำจอคอม MSI 2K 165Hz ดูหนัง ทำงาน เล่นเกม จอเดียวจบ - NBS
Read More

รีวิว Death Stranding Director's Cut เล่นบน iPad Pro M2 - iPhoneMod

ในที่สุดสาวก Apple อย่างเราก็ได้เล่นเกม Death Stranding เวอร์ชัน Director’s Cut บนอุปกรณ์ Apple กันแล้ว ใครอยากลองเล่นเข้าไปซื้อเกมใน App S...