vivo X100 Series 5G เรือธงถ่ายภาพ ZEISS Telephoto Sunshot เปิดตัวราคาเริ่มต้น 26,999 บาท - thaimobilecenter

vivo ส่งเรือธง X100 Series 5G สู่มือผู้ใช้งานชาวไทย ปฎิวัติวงการถ่ายภาพด้วย ZEISS Telephoto Sunshot พร้อมประสิทธิภาพการใช้ทรงพลัง ราคาเริ่มต้น 26,999 บาท

vivo X100 5G และ X100 Pro 5G มาพร้อมระบบกล้อง vivo ZEISS Co-engineered สำหรับการถ่ายภาพระดับมืออาชีพด้วยสมาร์ตโฟน ผสานขุมพลัง Dimensity 9300 ชิปประมวลผลภาพปรับแต่งพิเศษ และความจุแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่เหนือชั้น

กรุงเทพฯ 30 มกราคม 2567 ­– vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก ประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงใหม่ล่าสุด vivo X100 5G และ vivo X100 Pro 5G สู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการก้าวข้ามขีดจำกัดการถ่ายภาพสู่ระดับมืออาชีพภายใต้แนวคิด ‘พลิกโฉมวงการถ่ายภาพ’ หรือ ‘Photography. Redefined.’ พร้อมอัปเกรดระบบถ่ายภาพ vivo ZEISS Co-engineered ครั้งใหญ่ทั้งในระดับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ นำเสนอกล้อง ZEISS APO Telephoto และกล้องหลัก ZEISS เซนเซอร์ขนาด 1 นิ้ว นอกจากนี้ vivo ยังจับมือ MediaTek เพื่อยกระดับความแรงให้กับ X100 Series 5G ด้วยขุมพลัง Dimensity 9300 และชิปประมวลผลภาพปรับแต่งพิเศษ vivo V3 อีกทั้งยังเสริมประสบการณ์การใช้งานอันราบรื่นให้ผู้ใช้งานด้วยความจุแบตเตอรี่แบบจัดเต็ม

คุณภัทร โกมลฐิตินันท์ Product Marketing Manager กล่าวว่า “การที่ผู้บริโภคให้ความไว้วางใจสมาร์ตโฟนตระกูล X Series เป็นผลพวงมาจากการผสมผสานอันลงตัวระหว่างความสามารถด้านการถ่ายภาพและประสิทธิภาพการใช้งานที่เหนือชั้น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างครบจบในเครื่องเดียว สำหรับการเปิดตัว X100 Series 5G ครั้งนี้ vivo มุ่งมั่นต่อยอดความไว้วางใจด้วยการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ไปอีกขั้นผ่านเทคโนโลยีกล้องที่ถูกพัฒนาให้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ผสานพลังกับชิปเซ็ตเรือธงคู่ และแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพ vivo X100 Series 5G ไม่เพียงแต่เสริมความแกร่งด้วยขุมพลังใหม่อย่าง Dimensity 9300 แต่ในรุ่น X100 Pro 5G จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต vivo V3 ดีไซน์ใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความสามารถด้านการถ่ายภาพโดยรวม การร่วมมือกับผู้พัฒนาเลนส์ระดับโลกอย่าง ZEISS ในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเสนอเทคโนโลยีกล้องที่หลากหลายและทรงพลังยิ่งขึ้น เป็นการตอกย้ำอีกครั้งถึงการมุ่งมั่นในการก้าวข้ามขีดจำกัดของการถ่ายภาพบนโทรศัพท์มือถือของ vivo”

สานต่อตำนาน X Series ด้วยคุณสมบัติกล้องทรงพลังกว่าที่เคย

vivo X100 Series 5G พร้อมปฏิวัติวงการสมาร์ตโฟนด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยที่พัฒนาร่วมกับผู้พัฒนาเลนส์ระดับโลกอย่าง ZEISS มอบประสบการณ์การถ่ายภาพเหนือระดับ ตอบโจทย์ทุกความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพให้คมชัดจากระยะไกล หรือการถ่ายภาพระยะใกล้ให้ครบทุกรายละเอียด

เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีระดับแนวหน้า vivo บุกเบิกมิติใหม่ของอุตสาหกรรมกล้องสมาร์ตโฟนด้วย การเชิญชวนผู้ใช้งานมาร่วมเปิดประสบการณ์ล่าแสงอาทิตย์ (Chasing the SUN) บนนวัตกรรมอัปเกรดใหม่จาก vivo Origin Imaging Engine อย่าง ZEISS Telephoto Sunshot ที่มีความโดดเด่นด้านคุณภาพของภาพถ่าย โทนสี และระบบ AI ช่วยประมวลผล ให้ผู้ใช้งานสามารถจับภาพแสงสีทองของดวงอาทิตย์ในช่วงเวลาที่สวยที่สุดของวันอย่างพระอาทิตย์ขึ้นและ พระอาทิตย์ตกดินได้อย่างคมชัด สีสันสมจริง

vivo X100 Pro 5G เปิดตัวด้วยกล้องความละเอียด 50 ล้านพิกเซลถึง 3 ตัว ได้แก่ กล้องหลัก ZEISS พร้อมเซนเซอร์ ขนาด 1 นิ้ว กล้อง Wide-Angle และกล้อง ZEISS APO Telephoto ที่ทรงพลังด้วยนวัตกรรมมาตรฐานใหม่จาก ZEISS อย่าง ‘Vario-Apo-Sonnar’ มอบประสิทธิภาพการถ่ายภาพระยะใกล้และไกลอันยอดเยี่ยม พร้อมรูรับแสงกว้าง f/2.5 รับประกันภาพถ่ายคุณภาพสูงแม้จะซูมระยะ 6 เท่า หรือ 10 เท่า   

vivo X100 Pro 5G นับว่าเป็นระบบกล้องสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของโลกที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน APO มาพร้อมเลนส์ที่ โดดเด่นด้านการลดความคลาดเคลื่อนของสีและลดปัญหาด้านความคมชัด เสริมประสิทธิภาพด้วยระบบเทียบความแม่นยำของแสง (Optical Precision Calibration) และระบบกันสั่นระดับกล้อง DSLR มอบความคมชัดและคุณภาพของภาพถ่าย อันไร้ที่ติทุกสถานการณ์การใช้งาน

ด้าน vivo X100 5G เปิดตัวด้วยกล้องหลัก VCS True Color ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง ZEISS Telephoto ความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล และกล้อง Super Wide-Angle ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล นอกจากนี้ ระบบกล้องบนสมาร์ตโฟน vivo X100 ​Series 5G ทั้งสองรุ่นยังผ่านการเคลือบผิวเลนส์ ZEISS T* Coating ซึ่งเป็นเทคโนโลยีลดการสะท้อน ช่วยให้แสงผ่านเข้าสู่เซนเซอร์ได้มากขึ้น ส่งผลให้ภาพถ่ายมีความคมชัด สีสันสวยงาม แม้อยู่ภายใต้สภาพแสงที่
ไม่เอื้ออำนวย

ยกระดับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตและการถ่ายภาพกลางคืนด้วยชิปประมวลผลเรือธงคู่

vivo X100 5G และ X100 Pro 5G สืบทอดแนวคิดของสมาร์ตโฟนตระกูล X Series ที่มุ่งเน้นการยกระดับการถ่ายภาพ พอร์ตเทรตให้ล้ำสมัยไปอีกขั้น นำเสนอ ZEISS Multifocal Professional Photography เป็นครั้งแรกเพื่อส่งมอบประสบการณ์ การถ่ายภาพพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพสู่มือผู้ใช้งาน ตอบโจทย์ทุกความต้องการไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาพวิวทิวทัศน์ ศิลปะ หรือความทรงจำอันน่าประทับใจในชีวิตประจำวัน ด้วยความยาวโฟกัสสูงสุดถึง 100mm ควบคู่กับ ZEISS B-Speed Style Bokeh ลูกเล่นใหม่ล่าสุดจากแพ็กเกจ ZEISS Style Portrait เพิ่มเอฟเฟกต์โบเก้รูปทรงสามเหลี่ยมที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเลนส์ ZEISS classic high-speed cine ในยุค 1970 ตอนกลาง

มากไปกว่านั้น vivo X100 Pro 5G ยังร่วมขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผลภาพปรับแต่งพิเศษ vivo V3 ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 6nm มอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่มากขึ้นถึง 30% ซึ่งนำไปสู่การยกระดับประสบการณ์การถ่ายวิดีโอในโหมด พอร์ตเทรต อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกของสมาร์ตโฟนตระกูล X Series ที่มาพร้อม 4K Cinematic Portrait Video แบบใหม่ เพอร์เฟกต์สำหรับผู้ใช้งานที่รักการถ่ายและตัดต่อวิดีโอคอนเทนต์บนสมาร์ตโฟน

ขุมพลังแห่งประสิทธิภาพ

vivo X100 Series 5G เปิดตัวด้วยชิปเซ็ตเรือธงแบบคู่ ผสานความทรงพลังของชิปประมวลผลหลัก Dimensity 9300 เข้ากับชิปประมวลผลภาพปรับแต่งพิเศษจาก vivo ที่รองรับ Game Frame Interpolation และ Game Super Resolution ให้เหล่าเกมเมอร์สามารถเล่นเกมได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด บนการแสดงผลที่คมชัดและลื่นไหลถึงขีดสุด โดยชิปเซ็ต vivo V2 จะถูกใช้งานบน X100 5G ในขณะที่ X100 Pro 5G จะขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต vivo V3 รุ่นล่าสุด

นอกจากนี้ยังผสานแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เข้ากับเทคโนโลยีชาร์จเร็วได้อย่างลงตัว ผ่าน 3 เทคโนโลยีล้ำสมัยระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม ได้แก่ Negative Electrode Graphite Reconstruction, Electrode Cold Press Technique และ Micrometer Laser Array Etching Process ที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานโดยรวมสูงสุด 8.3% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดย vivo X100 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh (TYP) รองรับการชาร์จเร็วแบบ Dual-Cell สูงสุด 120W ในขณะที่แบตเตอรี่ของ vivo X100 Pro 5G จะมีขนาดใหญ่ถึง 5400mAh (TYP) และรองรับการชาร์จเร็วแบบ Dual-Cell สูงสุด 100W

เพื่อส่งมอบประสบการณ์การรับชมความบันเทิงเหนือระดับ vivo X100 Series 5G มีการใช้งานเทคโนโลยีถนอมสายตา LTPO Eye Protection Display ควบคู่กับ Dual Engines เพื่อยกระดับคุณภาพการแสดงผลวิดีโอ อีกทั้งยังมีระบบ V Frame Rate Management อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ vivo ช่วยมอบการสัมผัสที่ราบรื่นและลดการใช้พลังงาน มาพร้อมจอแสดงผลแบบ always-on ที่กว้างขึ้นและความสว่างสูงสุดถึง 3000nits มั่นใจได้ว่าเนื้อหาบนหน้าจอยังคงชัดเจนแม้อยู่
ในสภาวะแสงจ้า

vivo X100 Series 5G เสริมความแรงด้วยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 14 ใหม่ล่าสุด อัปเกรดประสบการณ์ผู้ใช้ด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่ราบรื่น ปรับแต่งได้หลากหลาย และระบบความปลอดภัยที่เหนือกว่า มาพร้อมฟีเจอร์โดดเด่นจำนวนมาก อาทิ RAM Saver ตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานเบื้องหลัง Mini Window เพื่อการทำงานที่หลากหลายพร้อมกันอย่างสะดวกสบาย และ Motion Blur สำหรับการเปลี่ยนผ่านภาพที่ลื่นไหลไร้รอยต่อ

การออกแบบระดับพรีเมียม เรียบหรู และทนทาน

vivo X100 Series 5G ผลิตด้วยวัสดุสแตนเลสสตีลเกรดอวกาศที่มอบสัมผัสเรียบหรูแต่ยังช่วยเพิ่มความทนทานต่อ การสึกหรอ อุณหภูมิ และการกัดกร่อนตามการเวลา มั่นใจทุกการใช้งานด้วยค่ามาตรฐานการกันน้ำ กันฝุ่น IP68 การออกแบบตัวเครื่องยังคงความเพรียวบาง ทันสมัย และน้ำหนักเบา อันเป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ตโฟนตระกูล X Series เสริมความพิเศษด้วยดีไซน์วงแหวนรอบโมดูลกล้องขนาดใหญ่ที่เปรียบเสมือนรัศมีพระอาทิตย์ทรงกลด (Sun Halo) และพระจันทร์ทรงกลด (Moon Halo) มาพร้อมพื้นผิวสัมผัสแบบ Sunburst ที่มอบความรู้สึกเดียวกับนาฬิกากลไกระดับไฮเอนด์

vivo X100 Series 5G วางจำหน่ายในสีฟ้าสตาร์เทรล (Startrail Blue) และ สีดำแอสเทอรอยด์ (Asteroid Black) โดยรุ่น X100 5G มาพร้อมขนาดความจุ RAM 12GB + ROM 256GB ในราคาเริ่มต้น 26,999 บาท และสำหรับรุ่น X100 Pro ขนาดความจุ RAM 16GB + ROM 512GB ในราคา 37,999 บาท เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าแล้วตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม - 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา ช่องทางออนไลน์ vivo Official Store Shopee Lazada TikTok และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าจะได้รับของสมนาคุณ มูลค่ารวม 10,789 บาท ได้แก่ หูฟัง TWS 3e สีขาว มูลค่า 1,799 บาท E-VIP Card มูลค่า 8,999 บาท ประกันตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี และเพิ่มประกันจอแตก 1 ครั้ง ภายใน 2 ปีแรก

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://vivo.com/th/

#vivoX100Series5G #PhotographyRedefined

วันที่ : 30/1/2567

Adblock test (Why?)

vivo X100 Series 5G เรือธงถ่ายภาพ ZEISS Telephoto Sunshot เปิดตัวราคาเริ่มต้น 26,999 บาท - thaimobilecenter
Read More

ประธาน Xbox วิจารณ์นโยบายใหม่ของ App Store ใน EU ว่ากำลังก้าวไปผิดทิศทาง - เอ็มเอสเอ็น

[unable to retrieve full-text content]

1. ประธาน Xbox วิจารณ์นโยบายใหม่ของ App Store ใน EU ว่ากำลังก้าวไปผิดทิศทาง  เอ็มเอสเอ็น
2. สาวกไอโฟนเตรียมตัว! "อิโมจิใหม่" ในอัปเดต iOS 17.4 มีอิโมจิพยักหน้า-มะนาว  ข่าวสด
3. โฉมหน้า 16 อิโมจิใหม่ เตรียมมาให้ใช้กันในอัปเดต iOS 17.4 ตัวเต็ม  PPTVHD36
4. Epic Games ประกาศแผนทำสโตร์เวอร์ชัน iOS, นำเกม Fortnite กลับคืนสู่แพลตฟอร์ม  Blognone
5. Microsoft ไม่ปลื้ม Apple ยอมให้โหลดแอปนอก App Store ได้ตามกฎ EU แต่ยังเก็บค่าธรรมเนียมไม่แฟร์  Droidsans

ประธาน Xbox วิจารณ์นโยบายใหม่ของ App Store ใน EU ว่ากำลังก้าวไปผิดทิศทาง - เอ็มเอสเอ็น
Read More

LG เปิดตัว 3 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ มาพร้อมฟังก์ขชันแลัเทคโนโลยีช่วยให้บ้านสะอาดหมดจด - Droidsans

ถ้าใครได้งัดแงะแอนดรอยด์ในระดับระบบปฏิบัติการคงจะรู้จักมันแล้วเพราะ DroidSans จริงๆแล้วเป็นชื่อของฟอนต์ใน Android นั่นเอง ทางเราเห็นว่ามันเป็นชื่อที่เหมาะสมแล้วสำหรับการสังคมนักพัฒนา เพราะเจ้าฟอนต์ DroidSans นี่แหละที่ทำให้กลุ่มนักพัฒนาหลายต่อหลายท่านมาเจอกัน ^^

ยังไงก็ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการแบ่งปันในบ้านหลังนี้กันนะจ๊ะ

Adblock test (Why?)

LG เปิดตัว 3 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ มาพร้อมฟังก์ขชันแลัเทคโนโลยีช่วยให้บ้านสะอาดหมดจด - Droidsans
Read More

เปิดราคาไทย Lenovo Legion Go เครื่องเล่นเกมพกพา สเปคแรง ตัวจบครบทุกฟีเจอร์ เริ่ม 28,990 บาท - Droidsans

ถ้าใครได้งัดแงะแอนดรอยด์ในระดับระบบปฏิบัติการคงจะรู้จักมันแล้วเพราะ DroidSans จริงๆแล้วเป็นชื่อของฟอนต์ใน Android นั่นเอง ทางเราเห็นว่ามันเป็นชื่อที่เหมาะสมแล้วสำหรับการสังคมนักพัฒนา เพราะเจ้าฟอนต์ DroidSans นี่แหละที่ทำให้กลุ่มนักพัฒนาหลายต่อหลายท่านมาเจอกัน ^^

ยังไงก็ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการแบ่งปันในบ้านหลังนี้กันนะจ๊ะ

Adblock test (Why?)

เปิดราคาไทย Lenovo Legion Go เครื่องเล่นเกมพกพา สเปคแรง ตัวจบครบทุกฟีเจอร์ เริ่ม 28,990 บาท - Droidsans
Read More

ช้อปปี้ ผลักดันโอกาสเติบโตทางธุรกิจแก่ผู้ขาย ด้วยโปรแกรม Shopee Affiliates - Techoffside.com

ช้อปปี้ เดินหน้าส่งเสริมผู้ขายให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย Shopee Affiliate ถือเป็นหนึ่งในโปรแกรมทรงประสิทธิภาพ ด้วยเครือข่ายเน็ตเวิร์คสุดแข็งแกร่ง และพันธมิตรที่เชี่ยวชาญนับแสนราย

ไม่นานนี้ช้อปปี้จัดกิจกรรม “Shopee KOL x Seller Day”  ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกว่า 80 แบรนด์ที่เข้าร่วม เพื่อมาพบปะเจรจา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้อมูล รวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษกับอินฟลูเอนเซอร์ส่วนหนึ่งในเครือข่ายโปรแกรม ShopeeAffiliate โดยมุ่งหวังให้ผู้ขายสามารถได้พูดคุยและสามารถเลือกกลุ่ม KOL และ Influencer ได้อย่างเจาะจงมากยิ่งขึ้น ทำให้สินค้าของผู้ขายถูกสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้ อีกทั้งสามารถสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการอย่างง่ายดายในยุคเฟื่องฟูแห่งโลกออนไลน์ในปัจจุบัน ที่ผู้คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงโซเชียลง่ายดายขึ้น

ภายในงานจัดขึ้นด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญคุณภาพจากช้อปปี้ ร่วมให้คำปรึกษาและคำแนะนำผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิด การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากร้านค้าผู้ขายและอินฟลูเอนเซอร์ต่างๆ มากมาย อาทิ ร้านค้าจากกลุ่มแฟชั่น อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและความงาม สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไอที เป็นต้น

เพื่อเฉลิมฉลองการเติบโตและขยายความสำเร็จและโอกาสให้กับผู้ขาย ช้อปปี้ ได้มีการมอบรางวัลแก่ KOL และ Influencer ที่ประสบความสำเร็จกับรางวัล Shopee Affiliates Program Awards เพื่อสนับสนุนการสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ให้มีจิตวิญญาณในการมีขีดความสามารถในการแข่งขันและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

See also

สำหรับโครงการ Shopee KOL x Seller Day ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในโครงการส่งเสริมผู้ขายด้วยโปรแกรม ShopeeAffiliate ที่เปิดขึ้นเพื่อรับสมัคร “พาร์ทเนอร์” เพื่อร่วมช่วยโปรโมทดีลต่างๆ บนช้อปปี้ ที่มีช่องทางการโปรโมท เช่น โซเชียลมีเดีย (KOL/อินฟลูเอนเซอร์(Influencer) หรือ เจ้าของเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน สามารถสมัครพาร์ทเนอร์เพียงแค่โฆษณาดีลต่างๆของช้อปปี้อย่างถูกต้อง

สำหรับผู้สนใจสามารถสมัครเป็นพาร์ทเนอร์หรือติดตามรายละเอียดได้ที่: https://affiliate.shopee.co.th/

Adblock test (Why?)

ช้อปปี้ ผลักดันโอกาสเติบโตทางธุรกิจแก่ผู้ขาย ด้วยโปรแกรม Shopee Affiliates - Techoffside.com
Read More

ระวังหน้าต่างเตือน McAfee หมดอายุปลอมบน Google Chrome - DailyGizmo

ใครที่ใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสอย่าง McAfee ต้องระวังให้ดี เพราะตอนนี้มีมิจฉาชีพสร้างหน้าต่างแจ้งเตือนปลอมว่าเครื่องคุณติดไวรัสและ McAfee ที่สมัครไว้หมดอายุเพื่อหลอกให้ติดตั้งไวรัสลงเครื่อง

คนร้ายใช้วิธีทำให้เหยื่อตกใจและกลัวเพื่อให้การหลอกลวงได้ผล เพราะเมื่อเหยื่อเห็นหน้าต่างแจ้งเตือนที่เหมือนของจริงมากๆก็เกิดการไม่ระวังตัว หลงคลิกเข้าไปเพื่อที่ต่ออายุการสมัครสมาชิก สุดท้ายก็โดยขโมยข้อมูลส่วนตัว

คนร้ายหลอกเอาข้อมูลของเราสองช่องทาง ก็คือ เมื่อเราคลิกหน้าต่างแจ้งเตือนปลอม มันก็จะให้เรากรอกข้อมูลเพื่อสมัครใช้บริการอีกครั้ง ซึ่งจะมีทั้งข้อมูลส่วนตัว ที่อยู่และข้อมูลการจ่ายเงินทั้งบัตรเครดิต/บัตรเดบิต

ต่อมาคือ การหลอกให้ติดตั้งมัลแวร์ลงเครื่อง เวลาที่เรากดปุ่ม “Proceed,” “Get Protection” หรือ “Scan.” ที่อยู่ในหน้าต่างการแจ้งเตือนปลอม เมื่อกดไปจะเป็นการดาวน์โหลดมัลแวร์ลงเครื่องอัตโนมัติเพื่อเข้าถึงการควบคุมคอมพิวเตอร์ได้

ใครที่เจอการหลอกลวงแบบนี้วิธีป้องกันตัวที่ง่ายที่สุดคือ อย่าคลิกที่หน้าต่างป็อบอัพหรือลิงก์แปลกปลอมต่างๆ เพราะมันอาจจะถูกทำเลียนแบบขึ้นมาเพื่อพาไปเว็บปลอมหรือติดตั้งมัลแวร์ลงเครื่อง สิ่งที่แนะนำก็คือให้ตรวจสอบ URL ของเว็บว่าเป็นเว็บจริงหรือไม่จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ

ต่อมาให้เรารีบปิดหน้าเว็บ และอย่าเปิดหน้าเว็บนั้นอีก เพราะอาจจะเรียกหน้าต่างปลอมขึ้นมาอีก สุดท้ายคือการเคลียร์แคช เพราะไฟล์หน้าต่างปลอมเหล่านี้อาจจะตกค้างในคอมพิวเตอร์เราได้

ที่มา https://ift.tt/M6qfa7b

Adblock test (Why?)

ระวังหน้าต่างเตือน McAfee หมดอายุปลอมบน Google Chrome - DailyGizmo
Read More

นาฬิกาสายหนังผู้ชาย แบรนด์ไหนดี แนะนำ 7 นาฬิกาสายหนัง วินเทจ สุดคลาสสิค - TrueID Sport

    นาฬิกาผู้ชาย 2024 นาฬิกาสายหนัง แบรนด์ไหนดี วันนี้เรารวบรวมนาฬิกาสายหนัง ผู้ชาย แนะนํา นาฬิกาผู้ชายยอดนิยม ที่มีมีท้ังสายหนังสีดำ สีน้ำตาล สไตล์นาฬิกาวินเทจ คลาสสิค สามารถใส่ได้ทั้งวันทำงานและวันหยุดชิวๆ ได้เลย จะมีนาฬิกาผู้ชาย ยี่ห้อไหนดีบ้าง ไปดูกันเลย

นาฬิกาสายหนังผู้ชาย แบรนด์ไหนดี

ลด 12% ใช้ 0 ทรูพอยท์ที่เซ็นทรัลแอป

หมดเขต 31 มี.ค. 2567

OMEGA Speedmaster '57

นาฬิกาสายหนัง แบรนด์ OMEGA Speedmaster '57 นาฬิกาสายหนังลูกวัวขัดลาย สีน้ำตาล รุ่นขนาด 40.50 มม. ตัวเรือนสแตนเลสสตีลและหน้าปัดสีดำพร้อมหลักชั่วโมงแบบหลุม สไตล์วินเทจ มีหน้าปัดย่อยแสดงวินาทีขนาดเล็กที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา และหน้าปัดย่อยสำหรับจับเวลาแบบ 12 ชั่วโมงและ 60 นาทีที่ 3 นาฬิกา ตกแต่งด้วยขอบหน้าปัดขัดเงามาพร้อมสเกลทาคีมิเตอร์เคลือบสีดำ ฝาหลังตัวเรือนขัดเงาสลักข้อความ “Speedmaster ‘57” และกระจกแซฟไฟร์กันแสงสะท้อนอีกด้วย 

• นาฬิกาสายหนัง ผู้ชาย ราคา 337,000 บาท

DANIEL WELLINGTON Classic Sheffield 36 

นาฬิกาสายหนัง แบรนด์ DANIEL WELLINGTON Classic Sheffield 36 นาฬิกาสายหนังสีดำ แบบออลแบล็ค คุมโทนทั้งหน้าปัดและสายนาฬิกา เสริมลุคขับผิว และเพิ่มความเท่ให้ผู้ชายที่ชื่นชอบนาฬิกาสีดำ ขนาดตัวเรือน 40 มม. สายสีดำทำจากหนังอิตาเลียนแท้พร้อมหน้าปัดแบบใหม่ นาฬิกา Classic Sheffield ระบบนาฬิกา Japanese quartz movement ใช้งานง่าย ใส่ได้หลายโอกาส

• นาฬิกาสายหนัง ผู้ชาย ราคา 9,250 บาท

MIDO Multifort Gentleman

นาฬิกาสายหนัง แบรนด์ MIDO Multifort Gentleman นาฬิกาสายหนัง ที่ตัวสายหนังวัวพิมพิ์ลายจรเข้ สีน้ำตาลเข้ม ตกแต่งหน้าปัดด้วยลวดลายแบบเจนีวาสไตรป์ ซึ่งเป็นดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลกชั่นนี้ ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 80 สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง กันน้ำ 10 บาร์ (100 เมตร/330 ฟุต) ตัวเรือนขนาด 42 มม. มีกระจกแซฟไฟร์กันรอย เป็นนาฬิกาสายหนัง สไตล์วินเทจที่ให้ความหรูหรา แต่ยังมีกลิ่นอายสไตล์สปอร์ต

• นาฬิกาสายหนัง ผู้ชาย ราคา 31,800 บาท

LONGINES Spirit Zulu Time

นาฬิกาสายหนัง แบรนด์ LONGINES Spirit Zulu Time นาฬิกาออกใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ ที่ออกแบบโดยได้แรงบันดาลมาจากนักเดินทาง ที่ผ่านการผจญภัยอันเหลือเชื่อมากมาย โดยรุ่นนี้มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด พร้อมตัวเรือนขนาด 42 มม. หน้าปัดสีแอนทราไซต์ เข็มนาฬิกาทองขัดเงา มีกระจกแซปไฟร์คริสตัลป้องกันรอยขีดข่วนพร้อมเคลือบป้องกันการสะท้อนแสงหลายเลเยอร์สองด้าน กันน้ำที่ระดับ 10 บาร์ สายนาฬิกาหนังสีเบจไม่เหมือนใคร สืบทอดจิตวิญญาณนักบุกเบิกที่เดินทางไปรอบโลก

• นาฬิกาสายหนัง ผู้ชาย ราคา 111,600 บาท

SEIKO Presage Sharp-Edged Series
Watchmaking 110th Anniversary Limited Edition รุ่น SPB413J

นาฬิกาสายหนัง แบรนด์ SEIKO PRESAGE Sharp Edged Series Watchmaking 110th Anniversary Limited Edition รุ่น SPB413J คอลเลคชั่น ที่มีความโดดเด่นคือลายหน้าปัดเป็นลวดลาย “ใบอาซาโนฮะ” ซึ่งหมายถึงความเจริญรุ่งเรือง และความสำเร็จที่ชาวญี่ปุ่นใช้มาอย่างยาวนาน เป็นนาฬิกาผู้ชาย สายหนังสีน้ำตาล ตัวเครื่อง 6R55 ซึ่งสามารถสำรองพลังงานได้ถึง 3 วันเต็ม กันน้ำได้ระดับ 10 บาร์ มีความวินเทจ คลาสสิค ใส่ได้ทั้งไปทำงานและไปเที่ยวชิวๆ ได้เลย

• นาฬิกาสายหนัง ผู้ชาย ราคา 46,000 บาท

TISSOT Carson Premium Choronograph

นาฬิกาสายหนัง แบรนด์ TISSOT Carson Premium Choronograph นาฬิกาสายหนัง ผู้ชาย สีดำ เป็นหนังวัวเกรนลายจระเข้ มาในระบบกลไกการทำงานแบบควอตซ์สวิส ขนาด 41 มม. มีกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วน ตัวเรือนหน้าปัดสีดำ ตัดกับเข็มนาฬิกาและขอบหน้าปัดสีเงิน ดีไซน์หรูหรา ไม่ตกยุค ใช้งานง่าย เข้ากับหลายลุค สไตล์คลาสสิก 

• นาฬิกาสายหนัง ผู้ชาย ราคา 16,600 บาท

CASIO MTP-V004L-7C

นาฬิกาสายหนัง แบรนด์ CASIO MTP-V004L-7C นาฬิกาผู้ชาย สายหนัง สีน้ำตาล สไตล์คลาสสิคสุดเรียบง่าย เหมาะสำหรับทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะทำงาน หรือวันชิวๆ หน้าปัดสีเงินมีจอแสดงผลวันในรอบสัปดาห์และวันที่ที่สะดวกที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา กันน้ำได้ ไม่ต้องกังวลเมื่อล้างมือหรือออกไปเจอฝน ที่สำคัญคือ เป็นนาฬิกาผู้ชาย ราคาถูฏ ที่หาซื้อได้ง่ายอีกด้วย

• นาฬิกาสายหนัง ผู้ชาย ราคา 1,100 บาท

บทความที่คุณอาจสนใจ

---------------------------------------------

วิธีการดูบอลพรีเมียร์ลีก 2023/24 ที่ TrueID : แพ็กเกจชมครบทุกคู่!

เคล็ดลับการรับชมพรีเมียร์ลีกให้มันส์จุใจในทุกช่องทาง คลิกเลย!

Adblock test (Why?)

นาฬิกาสายหนังผู้ชาย แบรนด์ไหนดี แนะนำ 7 นาฬิกาสายหนัง วินเทจ สุดคลาสสิค - TrueID Sport
Read More

รวม 6 โน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดี คิดไม่ออกมาทางนี้ รวมตัวเด็ดน่าโดนทุกรุ่น! - NBS

ต้นปีอย่างนี้ซื้อโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดีถึงจะคุ้มจะน่าใช้!!

เริ่มต้นปีก็มีแคมเปญ Easy e-Receipt เอาใจคนทำงานเสียภาษีแบบนี้ หลายๆ คนก็เริ่มคิดกันแล้วว่าจะช้อปโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดีเอาไว้ใช้งาน ได้ประโยชน์เรื่องลดหย่อนภาษีแถมได้เปลี่ยนมาใช้โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่สเปคแรงในรวดเดียวเลย ซึ่งสำหรับคนทำงานแล้วโน๊ตบุ๊คบางเบาก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่นจนหลายๆ คนที่ไม่ได้ติดตามวงการโน๊ตบุ๊คอย่างใกล้ชิดก็คงไม่แน่ใจว่ารุ่นไหนคุ้มจะจ่ายบ้าง

ซึ่งช่วงต้นปี 2024 นี้ โน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นก็มีโปรโมชั่นหั่นราคาเพื่อหลีกทางให้โน๊ตบุ๊คพร้อมชิปเซ็ตซีรี่ส์ใหม่ๆ ได้เตรียมตัวลงตลาดในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่จริงๆ แล้วซีพียู Intel 13th Generation และ AMD Ryzen 7000 Series เองก็ยังทรงพลังมากพอใช้ทำงานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้สบายๆ แถมในตอนนี้ยังหาซื้อได้ง่ายพอควรอีกด้วย

Advertisement

รวมมิตร 6 โน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดี สเปคดีฟีเจอร์เด็ด น่าโดนทุกตัว!

สำหรับโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดีทั้ง 6 รุ่นนี้ จะหยิบเอารุ่นสเปคต่อราคาคุ้มค่าสุดจากแต่ละแบรนด์มาให้เลือกกัน ว่าถ้าชอบแบรนด์ใดเป็นพิเศษก็ซื้อรุ่นในบทความได้เลยโดยมีรุ่นแนะนำดังนี้

1. Acer Swift Go 16 SFG16-71-58UH (25,990 บาท)
2. ASUS ZenBook S 13 OLED UM5302LA (34,990 บาท)
3. HP Victus 16-r0145TX (37,990 บาท)
4. DELL Inspiron 14 7430 (37,990 บาท)
5. Lenovo IdeaPad Pro 5 16IRH8 (37,790 บาท)
6. MSI Prestige 13 Evo A13M (38,990 บาท)

1. Acer Swift Go 16 SFG16-71-58UH (25,990 บาท)

• CPU : Intel Core i5-13500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.7GHz
• GPU : Intel Iris Xe Graphics
• SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
• RAM : 16GB LPDDR5 บัส 6400MHz
• Operating System : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
• Display : 16 นิ้ว ความละเอียด 3.2K (3200*2000) พาเนล OLED ค่า Refresh Rate 120Hz ขอบเขตสี 100% DCI-P3
• Price : 25,990 บาท

ถ้าคิดอยู่ว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดีแล้วไม่อยากจ่ายแพงมาก Acer Swift Go 16 SFG16-71-58UH นั้นถือว่าคุ้มสุดๆ เพราะจ่ายแค่ 25,990 บาท ก็ได้ซีพียู Intel Core i5-13500H คอร์เธรดเยอะทรงพลังพอรันตั้งแต่งานออฟฟิศทั่วไป เปิดเบราว์เซอร์ทำงานเอกสารก็ได้จนกระทั่งทำงานกราฟิคตัดต่อวิดีโอ 4K ก็ยังได้สบายๆ แถมขอบเขตสีจอกว้าง 100% DCI-P3 แสดงผลสีสันได้กว้าง ติดพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 ช่อง ต่อหน้าจอแยกพร้อมชาร์จแบตเตอรี่ด้วยอแดปเตอร์ GaN 65 วัตต์ ได้ด้วย แถมติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ ใช้ยืนยันตัวปลดล็อคเครื่องได้สะดวกปลอดภัย เป็นโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดีซึ่งนอกจากราคาถูกแล้วสเปคยังคุ้มเกินตัวด้วย

ข้อดี

1. ได้หน้าจอ OLED ความละเอียดสูงขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ใช้ทำงานได้เป็นอย่างดี
2. ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้พร้อมใช้ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
3. ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาถึง 2 ช่อง ใช้ต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ได้ในตัว
4. เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรด้วย Wi-Fi 6E
5. ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ ใช้ยืนยันตัวปลดล็อคเครื่องได้สะดวกและปลอดภัย
6. มี MicroSD Card Reader ติดตั้งมาให้ โอนไฟล์จากการ์ดเข้าเครื่องได้รวดเร็ว

ข้อสังเกต

1. แนะนำให้เปิดฟีเจอร์ถนอมพาเนล OLED เอาไว้เสมอเพื่อถนอมพาเนลให้อายุการใช้งานนานขึ้น

2. ASUS ZenBook S 13 OLED UM5302LA (34,990 บาท)

• CPU : AMD Ryzen 7 7840U แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 3.3~5.1GHz
• GPU : AMD Radeon 780M แบบ 12 คอร์
• SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB
• RAM : 16GB LPDDR5 บัส 6400MHz
• Operating System : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
• Display : 13.3 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880*1800) พาเนล OLED ขอบเขตสี 100% DCI-P3, PANTONE Validated, VESA DisplayHDR True Black 600
• Price : 34,990 บาท

ด้านโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดีอย่าง ASUS ZenBook S 13 OLED UM5302LA ก็น่าใช้มาก ทั้งตัวเครื่องบางเบาแค่ 1 กิโลกรัมเท่านั้นแถมบางเท่าหนังสือเล่มหนึ่ง แต่ฟีเจอร์และสเปคจัดว่าทรงพลังเพราะได้ซีพียู AMD Ryzen 7 7840U ซึ่งมี Ryzen AI ไว้ช่วยปรับแต่ง Workloads งานได้อย่างเหมาะสมแถมชิปเซ็ตนี้ก็ทรงพลังพอใช้ทำงานหนักได้สบายๆ ตั้งแต่งานเอกสารไปจนตัดคลิปวิดีโอสั้นได้ แถมยังเปิดเล่นเกมในเวลาว่างได้เพราะจีพียูนี้ก็ทรงพลังพอเล่นเกมฟอร์มใหญ่โดยปรับกราฟิคระดับกลางบนจอ 1080p ได้ด้วยซ้ำ

ฟีเจอร์น่าใช้ของ Zenbook S 13 OLED เองก็มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะกางหน้าจอได้แบนราบ 180 องศาไว้แชร์คอนเทนต์ให้เพื่อนร่วมงานดูได้ง่าย, แป้นทัชแพดแบบ ASUS NumberPad เปลี่ยนทัชแพดเป็นแป้น Numpad ทำงานได้ทันที มีพอร์ต USB-C Full Function ติดมา 3 ช่องรอบตัว ใช้โอนไฟล์, ต่อหน้าจอและชาร์จแบตเตอรี่ได้พร้อมกัน แต่ก็ไม่มีพอร์ตอื่นติดมาให้ใช้งานเลย ก็แนะนำให้เตรียม USB-C Multiport Adapter เอาไว้ต่อแยกเป็นพอร์ตอื่นๆ เพิ่มจะใช้งานได้สะดวกขึ้น

ข้อดี

1. ซีพียู AMD มี Ryzen AI เข้ามาเสริมการทำงานและปรับแต่ง Workloads ได้อย่างชาญฉลาด
2. หน้าจอขอบเขตสี 100% DCI-P3 การันตีสีสันแม่นยำจาก PANTONE ใช้แต่งสีภาพและวิดีโอได้ดี
3. ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้ในตัว เปิดเครื่องใช้งานได้เลย
4. ติดตั้งพอร์ต USB-C Full Function มาให้ 3 ช่อง ต่อแยกเป็นพอร์ตอื่นๆ ได้สะดวก
5. เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เร็วและเสถียรด้วย Wi-Fi 6E
6. ตัวเครื่องเบาเพียง 1 กิโลกรัมเท่านั้น พกพาได้สะดวกสบายมาก
7. แป้นทัชแพดเป็น ASUS NumberPad ใช้แตะพิมพ์ตัวเลขได้สะดวกรวดเร็ว
8. ก้านบานพับหน้าจอกางได้แบนราบ 180 องศา แชร์หน้าจอให้เพื่อนร่วมงานดูได้สะดวก
9. มีเซนเซอร์สแกนใบหน้าและนิ้วมือติดตั้งมาให้ทั้ง 2 แบบ เพิ่มความปลอดภัยและใช้งานสะดวก

ข้อสังเกต

1. มีเพียงพอร์ต USB-C ควรมี Multiport adapter ติดกระเป๋าเอาไว้แปลงเป็นพอร์ตอื่นๆ ได้

3. HP Victus 16-r0145TX (37,990 บาท)

• CPU : Intel Core i7-13700HX แบบ 16 คอร์ 24 เธรด (8P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.0GHz
• GPU : NVIDIA GeForce RTX 4050 แรม 6GB GDDR6
• SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
• RAM : 16GB DDR5 บัส 4800MHz
• Operating System : Windows 11 Home
• Display : 16.1 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสี 100% sRGB
• Price : 34,990 บาท

ถ้าคิดว่าจะซื้อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดี ในงบ 40,000 บาท แนะนำ HP Victus 16-r0145TX รุ่นนี้มากๆ เพราะได้ทั้งซีพียู Intel Core i7 จับคู่ GeForce RTX 4050 และต่อหน้าจอแยกได้ 2 จอพร้อมกันด้วย USB-C Full Function กับ HDMI แถมหน้าจอก็มีขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB จึงใช้ทำงานครีเอเตอร์ได้ในตัวหรือจะซื้อไว้เล่นเกมอย่างเดียวก็ดีไม่แพ้กัน ถ้าจะใช้ทำงานหนักอย่างเขียนโปรแกรมหรือปั้นโมเดล 3D แนะนำให้เพิ่ม RAM ไป 32GB DDR5 จะดีสุด

ข้อดี

1. ได้ซีพียู Intel Core i7-13700HX แรงทรงพลังใช้ทำงานหนักได้ดี
2. ติดตั้งจีพียู NVIDIA GeForce RTX 4050 มาให้ ใช้ทำงานกราฟิคหรือเล่นเกมก็ดี
3. ติดตั้งพอร์ต USB-C 3.2 Full Function มาให้ ต่อหน้าจอ, โอนไฟล์และชาร์จไฟได้ในตัว
4. เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรด้วย Wi-Fi 6E
5. หน้าจอขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ใช้ทำงานครีเอเตอร์ได้ดี

ข้อสังเกต

1. ตัวเครื่องเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค น้ำหนัก 2.31 กิโลกรัม ค่อนข้างมีน้ำหนักอยู่บ้าง

4. DELL Inspiron 14 7430 (37,990 บาท)

• CPU : Intel Core i7-1355U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.0GHz
• GPU : Intel Iris Xe Graphics
• SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
• RAM : 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
• Operating System : Windows 11 Home, Microsoft Office Home & Student 2021
• Display : ทัชสกรีน 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS
• Price : 37,090 บาท

DELL Inspiron 14 7430 เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คพรีเมี่ยมที่มีประกัน Onsite service ในระดับแถวหน้าของประเทศไทยมาก ซึ่งข้อดีของ Inspiron 14 7430 จะได้บานพับหน้าจอแบบพับกลับ 360 องศากับหน้าจอทัชสกรีน ใช้งานเป็นโน๊ตบุ๊คหรือแท็บเล็ตก็ได้แถมยังติดตั้งโปรแกรม Microsoft Office มาให้เพียงเปิดเครื่องเคลมสิทธิ์ก็ใช้งานได้เลย ถ้าใครทำงานเป็นเซลส์แล้วต้องออกไปพบลูกค้าบ่อยๆ ก็เหมาะกับ Dell Inspiron 14 ตัวนี้มาก เพราะพับกลับเป็นแท่นตามภาพตัวอย่างแล้วพรีเซนต์งานได้ทันที ถ้าคิดอยู่ว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดีอยู่ก็หันมามอง Dell รุ่นนี้ได้ แม้จะแพงแต่ได้ฟีเจอร์คุ้มจ่ายแน่นอน

ข้อดี

1. ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้พร้อมใช้งาน
2. ซีพียูเป็น Intel Core i7-1355U รุ่นประหยัดพลังงานและยังมีพลังประมวลผลดี
3. ติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ ใช้ยืนยันตัวได้ปลอดภัยและใช้งานได้รวดเร็ว
4. ตัวเครื่องหนักเพียง 1.58 กิโลกรัม พกพาง่ายไม่หนักมาก
5. เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เร็วและเสถียรด้วย Wi-Fi 6E
6. บานพับดีไซน์ให้พับกลับ 360 องศา ใช้งานเป็นโน๊ตบุ๊คหรือแท็บเล็ตก็ได้ตามสะดวก
7. ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มา 2 ช่อง ใช้ต่อหน้าจอแยก, โอนไฟล์และชาร์จไฟได้ง่ายๆ
8. มี SD Card Reader ติดตั้งมาให้ โอนไฟล์จากการ์ดเข้าเครื่องได้ทันที

ข้อสังเกต

1. ราคาค่อนข้างแพงในระดับเกือบ 4 หมื่นบาท แต่แลกกับฟีเจอร์และดีไซน์แบบพับกลับได้

5. Lenovo IdeaPad Pro 5 16IRH8 (37,790 บาท)

• CPU : Intel Core i5-13500H แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 4.7GHz
• GPU : NVIDIA GeForce RTX 3050 แรม 6GB GDDR6
• SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
• RAM : 16GB LPDDR5 บัส 5200MHz
• Operating System : Windows 11 Home, Microsoft Office Home&Student 2021
• Display : 16 นิ้ว ความละเอียด 2.5K (2560*1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz ขอบเขตสี 100% sRGB
• Price : 37,790 บาท

ถ้าคิดว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดี Lenovo IdeaPad Pro 5 16IRH8 ก็เป็นอีกรุ่นที่น่าใช้เพราะได้ซีพียู Intel 13th Generation กับจีพียู GeForce RTX 3050 จับคู่มาให้ใช้ทำงานกราฟิคปั้นโมเดล 3D ตัดต่อวิดีโอได้อย่างดี แถมยังได้พอร์ต USB-C Full Function ติดมาให้ใช้งานทั้งในและนอกสถานที่ได้สะดวกขึ้น ได้หน้าจอ 16 นิ้ว ความละเอียด QHD ขอบเขตสี 100% sRGB จึงแสดงขอบเขตสีได้กว้างพอแต่งสีทำงานได้สะดวกขึ้น ถ้าใครคิดอยู่ว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดีก็ซื้อ Lenovo IdeaPad ตัวนี้ไปใช้ได้เลย

ข้อดี

1. ติดตั้งกล้อง IR Camera มาให้ ใช้สแกนหน้ายืนยันตัวปลดล็อคเครื่องได้สะดวก
2. ติดตั้ง Microsoft Office Home&Student 2021 มาให้พร้อมใช้งาน
3. ได้หน้าจอขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB และ Refresh Rate สูง 120Hz ใช้ทำงานและเล่นเกมได้ดี
4. เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้เร็วและเสถียรด้วย Wi-Fi 6E
5. มีพอร์ต USB-C Full Function ติดตั้งมา 1 ช่อง ใช้ต่อหน้าจอ, โอนไฟล์และชาร์จไฟได้ในตัว

ข้อสังเกต

1. RAM เป็นแบบออนบอร์ด อัพเกรดเพิ่มความจุในภายหลังไม่ได้

6. MSI Prestige 13 Evo A13M (38,990 บาท)

• CPU : Intel Core i7-1360P แบบ 12 คอร์ 16 เธรด (4P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.0GHz
• GPU : Intel Iris Xe Graphics
• SSD : M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB
• RAM : 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz
• Operating System : Windows 11 Home
• Display : 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ขอบเขตสี 100% sRGB
• Price : 38,990 บาท

MSI Prestige 13 Evo A13M เป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นสุดท้ายจากแบรนด์เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คชั้นนำอย่าง MSI ซึ่งทางบริษัทก็ผลิตโน๊ตบุ๊คสายทำงานออกมาได้ดีไม่แพ้แบรนด์อื่นเลย โดย Prestige 13 Evo A13M นี้เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ดีไซน์ให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 990 กรัมเท่านั้น จึงพกติดตัวไปทำงานได้ง่ายสบายไหล่แถมติดกล้อง IR Camera มาให้ใช้สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้สะดวกขึ้น หากใครสนใจสามารถอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่

ข้อดี

1. น้ำหนักเบามากเพียง 990 กรัมเท่านั้น พกติดตัวไปไหนมาไหนได้สะดวกสบายมาก
2. หน้าจอขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB ใช้แต่งสีของภาพและวิดีโอได้ แสดงเฉดสีได้กว้าง
3. กล้องหน้าเป็น IR Camera สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้สะดวกรวดเร็ว
4. เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรผ่านทาง Wi-Fi 6E
5. ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 ช่อง ต่อชาร์จแบตเตอรี่, หน้าจอและโอนไฟล์ได้ในตัว
6. กางหน้าจอได้แบนราบ 180 องศา แชร์หน้าจอให้เพื่อนร่วมงานดูได้สะดวก

ข้อสังเกต

1. ไม่ได้ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้เหมือนแบรนด์อื่น

สรุปสเปค 6 โน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดี ตัวไหนโดนประจำปี 2024

สเปคโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดี	Acer Swift Go 16 SFG16-71-58UH	ASUS ZenBook S 13 OLED UM5302LA	HP Victus 16-r0145TX
CPU & GPU	Intel Core i5-13500H Intel Iris Xe Graphics	AMD Ryzen 7 7840U AMD Radeon 780M	Intel Core i7-13700HX NVIDIA GeForce RTX 4050
SSD & RAM & Software	M.2 NVMe 512GB 16GB LPDDR5 6400MHz Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021	M.2 NVMe 1TB 16GB LPDDR5 6400MHz Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021	M.2 NVMe 512GB 16GB DDR5 4800MHz Windows 11 Home
Display & Weight	16″ 3.2K (3200*2000) OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 1.6 กก.	13.3″ 2.8K (2880*1800) OLED 100% DCI-P3 PANTONE Validated 1 กก.	16.1″ FHD IPS Refresh Rate 165Hz 100% sRGB 2.31 กก.
Connectivity	USB-A 3.2*2 Thunderbolt 4*2 HDMI*1 MicroSD Card Reader*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.1	USB-C 3.2*3 Audio combo*1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3	USB-A 3.2*3 USB-C 3.2 Full Function*1 HDMI*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3
Price	25,990	34,990	37,990

สเปคโน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดี	DELL Inspiron 14 7430	Lenovo IdeaPad Pro 5 16IRH8	MSI Prestige 13 Evo A13M
CPU & GPU	Intel Core i7-1355U Intel Iris Xe Graphics	Intel Core i5-13500H NVIDIA GeForce RTX 3050	Intel Core i7-1360P Intel Iris Xe Graphics
SSD & RAM & Software	M.2 NVMe 512GB 16GB DDR5 4800MHz Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021	M.2 NVMe 512GB 16GB DDR5 5200MHz Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021	M.2 NVMe 512GB 16GB LPDDR5 4800 MHz Windows 11 Home
Display & Weight	ทัชสกรีน 14″ FHD IPS 1.58 กก.	16″ 2.5K (2560*1600) IPS Refresh Rate 120Hz 100% sRGB 1.95 กก.	13.3″ Full HD+ (1920×1200) IPS 100% sRGB 990 กรัม
Connectivity	Thunderbolt 4*2 USB-A 3.2*1 HDMI 1.4*1 SD Card Reader*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.2	USB-A 3.2*2 USB-C 3.2 Full Function*1 Thunderbolt 4*1 HDMI 2.1*1 SD Card Reader *1 Audio cmobo*1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.1	Thunderbolt 4 x 2 USB-A 3.2 x 1 HDMI 2.0 x 1 MicroSD Card Reader x 1 DC-in x 1 Audio combo x 1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3
Price	37,990	37,790	38,990

ต้องถือว่าแต่ละแบรนด์ก็มีโน๊ตบุ๊คดีๆ ให้เลือกซื้อกันมากมาย โดยเฉพาะในช่วงงบประมาณ 20~40,000 บาท จะน่าสนใจมาก เพราะแต่ละแบรนด์จะเน้นกลุ่มราคาระดับนี้โดยส่งรุ่นน่าใช้สเปคดีมาให้เลือกเยอะ แถมยังมีให้เลือกหลายดีไซน์ทั้งพับกลับเป็นแท็บเล็ตได้หรือเบาสบายไหล่ด้วย ถ้าใครพร้อมจ่ายลงทุนซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่ ก็อยากแนะนำให้ลองซื้อกลุ่มราคานี้มาใช้สักครั้งจะได้ประสบการณ์ใช้งานที่น่าประทับใจแถมงานประกอบก็จัดว่าพรีเมี่ยมน่าใช้อย่างแน่นอน

FAQ

1. USB-C Full Function กับ Thunderbolt แตกต่างกันไหม?

ตอบ Thunderbolt เป็นชื่อที่ทาง Intel ใช้เรียกพอร์ต USB-C Full Function ซึ่งติดตั้งมากับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ของทางบริษัท ซึ่งพอร์ตนี้จะใช้ชาร์จแบตเตอรี่ตามมาตรฐาน Power Delivery, โอนไฟล์และต่อหน้าจอแยกตามมาตรฐาน DisplayPort ได้

2. Ryzen AI มีหน้าที่อะไรและมีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

ตอบ Ryzen AI เป็นระบบ AI ในซีพียู AMD Ryzen 7040 Series ซึ่งตัว AI จะช่วยจัดเฟรมภาพ, ตัดและเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, ปรับการสบตาทำ Eye contact ตอนประชุมออนไลน์ให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งปรับแต่ง Workloads งานเบื้องหลังให้ดีขึ้นและใช้ทำงานกับแอพฯ ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานกับ AI ได้ด้วย

3. เทียบระหว่าง sRGB กับ DCI-P3 แล้ว แบบไหนมีขอบเขตสีกว้างกว่า?

ตอบ DCI-P3 แสดงผลสีได้กว้างกว่า sRGB อยู่ 26% โดยได้ความลึกสีมากกว่าและ Contrast Ratio มากกว่าอย่างชัดเจน

4. โน๊ตบุ๊คแบบพับหน้าจอกลับได้ 360 องศาดีอย่างไร?

ตอบ ดีตรงใช้งานได้หลายแบบ ไม่ว่าจะใช้เป็นโน๊ตบุ๊คตามปกติ, พับกลับเป็นแท็บเล็ตและอาจจะเอาปากกาเขียนจอได้ หรือแม้แต่เป็นทรง Standy เพื่อใช้หน้าจออย่างเดียวเพื่อพรีเซนต์งานกับลูกค้า

5. การการันตี PANTONE (PANTONE Validated) คืออะไร?

ตอบ ตราการันตีคุณภาพจากบริษัท PANTONE เพื่อบอกว่าสินค้าอย่างหน้าจอหรือเครื่องปริ้นเตอร์ชิ้นนั้นได้รับการรับรองว่าผ่านการทดสอบ, ตั้งค่าและแสดงผลสีได้กว้างขวางตามมาตรฐานของทาง PANTONE

---

บทความที่เกี่ยวข้อง

Adblock test (Why?)

รวม 6 โน๊ตบุ๊ค 2024 ยี่ห้อไหนดี คิดไม่ออกมาทางนี้ รวมตัวเด็ดน่าโดนทุกรุ่น! - NBS
Read More

Meike AF 50mm F1.8 เมาท์ Nikon Z และ Sony E สำหรับสายประหยัด เตรียมวางขายกุมพาพันธ์ 2024 - MSN

[unable to retrieve full-text content]

Meike AF 50mm F1.8 เมาท์ Nikon Z และ Sony E สำหรับสายประหยัด เตรียมวางขายกุมพาพันธ์ 2024  MSN
Meike AF 50mm F1.8 เมาท์ Nikon Z และ Sony E สำหรับสายประหยัด เตรียมวางขายกุมพาพันธ์ 2024 - MSN
Read More

OPPO Reno11 Series 5G ถ่ายคนอย่างโปร กล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 32MP - Siamphone

ออปโป้ ไทยแลนด์ เปิดตัว OPPO Reno11 Series 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปรรุ่นใหม่ล่าสุด ยกระดับแนวคิด ถ่ายคนอย่างโปรไปอีกขั้นกับการพัฒนาก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการถ่ายภาพคนระดับมืออาชีพให้ภาพสวยคมชัดระดับ DSLR พร้อมด้วย Portrait Expert Engine ระบบปรับแต่งภาพคนอย่างโปร ในดีไซน์ใหม่หมดจดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สัมผัสพร้อมกันได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยเปิดตัวพร้อมกัน 3 รุ่น ได้แก่

OPPO Reno11 Series 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปรรุ่นใหม่ล่าสุด คือการยกระดับอีกขั้นของกล้องบนสมาร์ตโฟนไปสู่คุณภาพระดับกล้อง DSLR ทั้งด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำให้ได้ภาพสวยคมชัดอย่างโปร มาพร้อมฟีเจอร์ที่มอบประสบการณ์การทำงานที่ลื่นไหลและเสถียรที่สุด ในดีไซน์โฉมใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เปิดตัวพร้อมกัน 3 รุ่นให้เลือกสรรตามไลฟ์สไตล์  

OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปร ชูไฮไลท์ถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายอย่างเป็นธรรมชาติด้วยเลนส์ Telephoto Portrait Camera

OPPO Reno11 5G รุ่นกลางที่ถ่ายคนอย่างโปรได้ด้วยระบบกล้องพอร์ตเทรตคมชัดพิเศษ โดยกล้องหลักความละเอียด 50MP พร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ ½” Sony LYT600 และ OIS กันสั่น เสริมด้วยกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ความละเอียด 32MP ด้วยฮาร์ดแวร์อันทรงพลังทำให้ไม่ว่าจะถ่ายภาพคนในสภาพแสงแบบใด ก็ทำให้ได้ภาพถ่ายคุณภาพสูงหน้าชัดหลังละลายอย่างเป็นธรรมชาติ และยังสามารถเปิดโหมดพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพ เพื่อตั้งค่ารูรับแสงระหว่าง f/1.4 - f/1.6 เพื่อให้ได้เอฟเฟ็กต์โบ้เก้ แสงแฟลร์ และการแบ่งเลเยอร์ที่เทียบเท่าเลนส์ DSLR เกรดโปร นอกจากนี้ออปโป้ยังได้พัฒนาระบบปรับแต่งภาพคนอย่างโปร Portrait Expert Engine ซึ่งการจากการทำงานร่วมกับช่างภาพพอร์ตเทรตมืออาชีพจากทั่วโลก ทำให้ได้ระบบที่สามารถปรับแต่งแสงเงา ความคมชัด และ Skin Tone ได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ

ในด้านดีไซน์ OPPO Reno11 5G ได้รับการออกแบบโค้ง 3D คู่ทั้งหน้าจอด้านหน้าและฝาหลัง ตัวเครื่องเพรียวบางเพียง 7.99 มม. และน้ำหนักเพียง 182 กรัม มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ (Wave Green) และสีเทาดำดูดทรัพย์ (Rock Grey) อัดแน่นด้วยฟีเจอร์เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลทั้ง LinkBoost และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับชาร์จไว 67W SUPERVOOC และหน่วยความจำ RAM 12GB + ROM 256GB

นอกจากนี้ยังมีรุ่นท็อปสุดกับ OPPO Reno11 Pro 5G มาพร้อมเซนเซอร์ Sony IMX890 เสริมด้วย AI Portrait Retouching ที่ช่วยให้ปรับแต่งภาพเซลฟี่ได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ดวงตา เฉดสีลิป หรือโครงหน้าก็สามารถปรับให้สวยเป๊ะไม่ง้อแอปฯ เสริม มาในแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,600mAh รองรับการชาร์จไว 80W SUPERVOOC แบตเตอรี่เต็ม 100% ภายใน 28 นาที มาใน 2 สี ได้แก่ สีขาวไข่มุกจุกทรัพย์ (Pearl White) และสีเทาดำดูดทรัพย์ (Rock Grey)

โดย OPPO Reno11 5G วางจำหน่ายราคา 14,990 บาท และ OPPO Reno11 Pro 5G วางจำหน่ายในราคา 19,990 บาท

OPPO Reno11 F 5G รุ่นเริ่มต้นดีไซน์เบาบาง สีใหม่เอี่ยม ถ่ายภาพคนสวยทุกระยะ สนุกทุกโมเมนต์

OPPO Reno11 F 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปรรุ่นเริ่มต้น มาในดีไซน์ขอบเหลี่ยมบางเพียง 7.54 มม. และมีน้ำหนักเบาเพียง 178 กรัม ให้ความรู้สึกหรูหราและจับถือใช้งานได้เป็นเวลานานไม่เมื่อยมือ ฝาหลังตัวเครื่องออกแบบอย่างมีสไตล์และได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ พร้อมความหมายสีมงคลเสริมดวงรับปีใหม่สำหรับสายมู เริ่มจากสีไฮไลท์ สีฟ้าน้ำทะเลโดนเปย์ไม่อั้น (Ocean Blue) ที่มาในลวดลายคลื่นน้ำทะเลสีฟ้าใสทอประกายระยิบระยับยามต้องกับแสงพระอาทิตย์ โดดเด่นทุกมุมมอง พร้อมตัวเลือกสีม่วงฉ่ำนำเทรนด์ (Purple Coral) และสีเขียวดำนำโชค (Palm Green) ให้สนุกทุกโมเมนต์บนหน้าจอใหญ่ขนาด 6.7” ด้วยอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz ทำให้ดูหนังหรือเล่นเกมได้อย่างเต็มตา ลื่นไหล มีชีวิตชีวา และพร้อมให้พกพาไปลุยทุกสถานการณ์ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP65 อีกด้วย

OPPO Reno11 F 5G ให้ถ่ายคนอย่างโปรด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP ให้ถ่ายภาพคนได้สวยทุกระยะ หน้าชัดหลังละลาย และยังสามารถเก็บภาพทิวทัศน์หรือภาพหมู่ได้ครบไม่ตกหล่นใครด้วยกล้องมุมกว้างพิเศษ 112 องศา ความละเอียด 8MP พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ Sony IMX355 นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ 4K 30fps ถูกใจสายวล็อกและวิดีโอสั้นแน่นอน สำหรับคนที่ชอบตัดภาพเพื่อนมาทำเป็นมีมตลกๆ ออปโป้จัดให้ด้วยลูกเล่นใหม่ Smart Image Matting ที่สามารถไดคัทตัดต่อรูปภาพให้เป็นสติกเกอร์ได้อย่างรวดเร็วทันใจเพียงขั้นตอนเดียว

OPPO Reno11 F 5G ขจัดปัญหาสัญญาณไม่เสถียรเวลาอยู่ในลานจอดรถ ลิฟต์ รถไฟใต้ดิน หรือในฮอลล์คอนเสิร์ตด้วย LinkBoost เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณเครือข่ายที่ออปโป้พัฒนาขึ้นเอง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถโทรศัพท์ ท่องเว็บ หรือแชทได้อย่างเสถียรมากกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับการชาร์จไว 67W SUPERVOOC พูดคุยได้เสียงดังฟังชัดกว่าเดิม 300% ด้วยโหมด Clear Voice และ Ultra Volume รวมถึงหน่วยความจำแบบจุใจ RAM 8GB + ROM 256GB อีกด้วย โดย OPPO Reno11 F 5G สนนราคาอยู่ที่ 11,990 บาท

เตรียมสัมผัสกับ OPPO Reno11 Series 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปรรุ่นใหม่ล่าสุดทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno11 F 5G, OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พิเศษสุด! สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ OPPO Reno11 Series 5G ล่วงหน้าระหว่างวันนี้ – 29 มกราคม 2567 รับฟรีทันทีของสมนาคุณรวมมูลค่าสูงสุด 12,797 บาท ประกอบไปด้วย

• E-VIP Card รับประกันหน้าจอแตก
• Reno Special Edition Backpack 
• เปลี่ยนฟิล์มกันรอย 2 ครั้ง และ เปลี่ยนเคส 2 ครั้งได้ภายใน 2 ปี

และเป็นเจ้าของ OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G ได้ง่ายขึ้นเมื่อซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่ายในราคาลดสูงสุด 7,100 บาท โดย OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมกันวันที่ 30 มกราคม 2567 และ OPPO Reno11 F 5G วางจำหน่ายวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai/ 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

Adblock test (Why?)

OPPO Reno11 Series 5G ถ่ายคนอย่างโปร กล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 32MP - Siamphone
Read More

10 เกมที่ลงเฉพาะเครื่อง playstation 3 ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด - TrueID News

[unable to retrieve full-text content]

10 เกมที่ลงเฉพาะเครื่อง playstation 3 ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด  TrueID News
10 เกมที่ลงเฉพาะเครื่อง playstation 3 ที่เราไม่อยากให้คุณพลาด - TrueID News
Read More

OPPO Reno11 Series 5G ถ่ายคนอย่างโปร กล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 32MP - Siamphone

ออปโป้ ไทยแลนด์ เปิดตัว OPPO Reno11 Series 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปรรุ่นใหม่ล่าสุด ยกระดับแนวคิด ถ่ายคนอย่างโปรไปอีกขั้นกับการพัฒนาก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการถ่ายภาพคนระดับมืออาชีพให้ภาพสวยคมชัดระดับ DSLR พร้อมด้วย Portrait Expert Engine ระบบปรับแต่งภาพคนอย่างโปร ในดีไซน์ใหม่หมดจดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ สัมผัสพร้อมกันได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยเปิดตัวพร้อมกัน 3 รุ่น ได้แก่

OPPO Reno11 Series 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปรรุ่นใหม่ล่าสุด คือการยกระดับอีกขั้นของกล้องบนสมาร์ตโฟนไปสู่คุณภาพระดับกล้อง DSLR ทั้งด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำให้ได้ภาพสวยคมชัดอย่างโปร มาพร้อมฟีเจอร์ที่มอบประสบการณ์การทำงานที่ลื่นไหลและเสถียรที่สุด ในดีไซน์โฉมใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เปิดตัวพร้อมกัน 3 รุ่นให้เลือกสรรตามไลฟ์สไตล์  

OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปร ชูไฮไลท์ถ่ายภาพหน้าชัดหลังละลายอย่างเป็นธรรมชาติด้วยเลนส์ Telephoto Portrait Camera

OPPO Reno11 5G รุ่นกลางที่ถ่ายคนอย่างโปรได้ด้วยระบบกล้องพอร์ตเทรตคมชัดพิเศษ โดยกล้องหลักความละเอียด 50MP พร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ ½” Sony LYT600 และ OIS กันสั่น เสริมด้วยกล้องพอร์ตเทรตซูมได้ความละเอียด 32MP ด้วยฮาร์ดแวร์อันทรงพลังทำให้ไม่ว่าจะถ่ายภาพคนในสภาพแสงแบบใด ก็ทำให้ได้ภาพถ่ายคุณภาพสูงหน้าชัดหลังละลายอย่างเป็นธรรมชาติ และยังสามารถเปิดโหมดพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพ เพื่อตั้งค่ารูรับแสงระหว่าง f/1.4 - f/1.6 เพื่อให้ได้เอฟเฟ็กต์โบ้เก้ แสงแฟลร์ และการแบ่งเลเยอร์ที่เทียบเท่าเลนส์ DSLR เกรดโปร นอกจากนี้ออปโป้ยังได้พัฒนาระบบปรับแต่งภาพคนอย่างโปร Portrait Expert Engine ซึ่งการจากการทำงานร่วมกับช่างภาพพอร์ตเทรตมืออาชีพจากทั่วโลก ทำให้ได้ระบบที่สามารถปรับแต่งแสงเงา ความคมชัด และ Skin Tone ได้อย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ

ในด้านดีไซน์ OPPO Reno11 5G ได้รับการออกแบบโค้ง 3D คู่ทั้งหน้าจอด้านหน้าและฝาหลัง ตัวเครื่องเพรียวบางเพียง 7.99 มม. และน้ำหนักเพียง 182 กรัม มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเขียวเหนี่ยวทรัพย์ (Wave Green) และสีเทาดำดูดทรัพย์ (Rock Grey) อัดแน่นด้วยฟีเจอร์เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลทั้ง LinkBoost และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับชาร์จไว 67W SUPERVOOC และหน่วยความจำ RAM 12GB + ROM 256GB

นอกจากนี้ยังมีรุ่นท็อปสุดกับ OPPO Reno11 Pro 5G มาพร้อมเซนเซอร์ Sony IMX890 เสริมด้วย AI Portrait Retouching ที่ช่วยให้ปรับแต่งภาพเซลฟี่ได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ดวงตา เฉดสีลิป หรือโครงหน้าก็สามารถปรับให้สวยเป๊ะไม่ง้อแอปฯ เสริม มาในแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,600mAh รองรับการชาร์จไว 80W SUPERVOOC แบตเตอรี่เต็ม 100% ภายใน 28 นาที มาใน 2 สี ได้แก่ สีขาวไข่มุกจุกทรัพย์ (Pearl White) และสีเทาดำดูดทรัพย์ (Rock Grey)

โดย OPPO Reno11 5G วางจำหน่ายราคา 14,990 บาท และ OPPO Reno11 Pro 5G วางจำหน่ายในราคา 19,990 บาท

OPPO Reno11 F 5G รุ่นเริ่มต้นดีไซน์เบาบาง สีใหม่เอี่ยม ถ่ายภาพคนสวยทุกระยะ สนุกทุกโมเมนต์

OPPO Reno11 F 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปรรุ่นเริ่มต้น มาในดีไซน์ขอบเหลี่ยมบางเพียง 7.54 มม. และมีน้ำหนักเบาเพียง 178 กรัม ให้ความรู้สึกหรูหราและจับถือใช้งานได้เป็นเวลานานไม่เมื่อยมือ ฝาหลังตัวเครื่องออกแบบอย่างมีสไตล์และได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ พร้อมความหมายสีมงคลเสริมดวงรับปีใหม่สำหรับสายมู เริ่มจากสีไฮไลท์ สีฟ้าน้ำทะเลโดนเปย์ไม่อั้น (Ocean Blue) ที่มาในลวดลายคลื่นน้ำทะเลสีฟ้าใสทอประกายระยิบระยับยามต้องกับแสงพระอาทิตย์ โดดเด่นทุกมุมมอง พร้อมตัวเลือกสีม่วงฉ่ำนำเทรนด์ (Purple Coral) และสีเขียวดำนำโชค (Palm Green) ให้สนุกทุกโมเมนต์บนหน้าจอใหญ่ขนาด 6.7” ด้วยอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz ทำให้ดูหนังหรือเล่นเกมได้อย่างเต็มตา ลื่นไหล มีชีวิตชีวา และพร้อมให้พกพาไปลุยทุกสถานการณ์ด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP65 อีกด้วย

OPPO Reno11 F 5G ให้ถ่ายคนอย่างโปรด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP ให้ถ่ายภาพคนได้สวยทุกระยะ หน้าชัดหลังละลาย และยังสามารถเก็บภาพทิวทัศน์หรือภาพหมู่ได้ครบไม่ตกหล่นใครด้วยกล้องมุมกว้างพิเศษ 112 องศา ความละเอียด 8MP พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ Sony IMX355 นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายวิดีโอคมชัดระดับ 4K 30fps ถูกใจสายวล็อกและวิดีโอสั้นแน่นอน สำหรับคนที่ชอบตัดภาพเพื่อนมาทำเป็นมีมตลกๆ ออปโป้จัดให้ด้วยลูกเล่นใหม่ Smart Image Matting ที่สามารถไดคัทตัดต่อรูปภาพให้เป็นสติกเกอร์ได้อย่างรวดเร็วทันใจเพียงขั้นตอนเดียว

OPPO Reno11 F 5G ขจัดปัญหาสัญญาณไม่เสถียรเวลาอยู่ในลานจอดรถ ลิฟต์ รถไฟใต้ดิน หรือในฮอลล์คอนเสิร์ตด้วย LinkBoost เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณเครือข่ายที่ออปโป้พัฒนาขึ้นเอง ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถโทรศัพท์ ท่องเว็บ หรือแชทได้อย่างเสถียรมากกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh รองรับการชาร์จไว 67W SUPERVOOC พูดคุยได้เสียงดังฟังชัดกว่าเดิม 300% ด้วยโหมด Clear Voice และ Ultra Volume รวมถึงหน่วยความจำแบบจุใจ RAM 8GB + ROM 256GB อีกด้วย โดย OPPO Reno11 F 5G สนนราคาอยู่ที่ 11,990 บาท

เตรียมสัมผัสกับ OPPO Reno11 Series 5G สมาร์ทโฟนถ่ายคนอย่างโปรรุ่นใหม่ล่าสุดทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno11 F 5G, OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ พิเศษสุด! สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ OPPO Reno11 Series 5G ล่วงหน้าระหว่างวันนี้ – 29 มกราคม 2567 รับฟรีทันทีของสมนาคุณรวมมูลค่าสูงสุด 12,797 บาท ประกอบไปด้วย

• E-VIP Card รับประกันหน้าจอแตก
• Reno Special Edition Backpack 
• เปลี่ยนฟิล์มกันรอย 2 ครั้ง และ เปลี่ยนเคส 2 ครั้งได้ภายใน 2 ปี

และเป็นเจ้าของ OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G ได้ง่ายขึ้นเมื่อซื้อกับผู้ให้บริการเครือข่ายในราคาลดสูงสุด 7,100 บาท โดย OPPO Reno11 5G และ OPPO Reno11 Pro 5G จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการพร้อมกันวันที่ 30 มกราคม 2567 และ OPPO Reno11 F 5G วางจำหน่ายวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/oppothai/ 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

Adblock test (Why?)

OPPO Reno11 Series 5G ถ่ายคนอย่างโปร กล้องพอร์ตเทรตซูมได้ 32MP - Siamphone
Read More

ASUS เปิดตัวกราฟฟิกการ์ด NVIDIA GeForce RTX 40 SUPER Series - NBS

KEY POINTS

• SUPER graphics cards ในซีรี่ส์ ROG, TUF Gaming, ProArt และ Dual
• GeForce RTX™ 4070 Ti SUPER มี VRAM ขนาด 16 GB เพื่อประสิทธิภาพที่สูงกว่า
• GeForce RTX™ 4070 SUPER มีขั้วต่อไฟ 12VHPWR 16 พินเพื่อให้สอดคล้องกับพาวเวอร์ซัพพลายรุ่นล่าสุด รวมถึง พาวเวอร์ซัพพลาย ที่มาจาก ASUS

ASUS ประกาศเปิดตัวกราฟิกการ์ดซีรีส์ NVIDIA® GeForce RTX™ 40 SUPER ซึ่งประกอบด้วย GeForce RTX 4080 SUPER, GeForce RTX 4070 Ti SUPER และ GeForce RTX 4070 SUPER สำหรับผู้ใช้ที่พร้อมจะอัพเกรดเป็นประสิทธิภาพกราฟิกล่าสุดและยิ่งใหญ่ที่สุด ASUS ขอเสนอชุดกราฟิกการ์ดใหม่สำหรับ ROG, TUF Gaming, ProArt และอีกมากมาย นอกจากนี้ ASUS จะเสนอ RTX 4080 SUPER รุ่น Noctua Edition สำหรับผู้ที่ต้องการการ์ดที่เงียบเพื่อลดเสียงกวนใจ

GeForce RTX SUPER GPU เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการสัมผัสประสบการณ์ AI บนพีซี AI Tensor Core แบบพิเศษมอบ AI TOPS สูงสุดถึง 836 เพื่อให้ได้ความสามารถที่เปลี่ยนแปลงได้สำหรับ AI ในเกม การสร้างสรรค์ และการใช้งานประจำวัน นักเล่นเกมบน PC ต้องการคุณภาพภาพที่ดีที่สุด และ NVIDIA Deep Learning Super Sampling (DLSS) Super Resolution, Frame Generation และ Ray Reconstruction ที่จับคู่กับการติดตามระยะแสง เพื่อนำเสนอโลกที่น่าทึ่ง ด้วย DLSS, เพียงเจ็ดจากแปดพิกเซลสามารถถูกสร้างขึ้นโดย AI ทำให้การติดตามระยะแสงทั้งหมดสามารถถูกเร่งด้วย AI ได้สูงสุดถึง 4 เท่าพร้อมคุณภาพภาพที่ดีขึ้น

Advertisement

ROG Strix นำทีมด้วยความเร็วด้วยความเป็น top-tier clock speeds  และระบบการระบายความร้อน

ROG Strix ซีรี่ส์พร้อมที่จะให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดด้วยประสิทธิภาพ, ดีไซน์ที่โดดเด่นของ ROG และระบบระบายความร้อนชั้นนำสำหรับเครื่องที่มีพลังงานมาก. การ์ดจอในซีรีส์ GeForce RTX 40 SUPER นี้ใช้โครงสร้างที่นำทางได้ในระดับหนึ่งเท่ากับรุ่นที่ไม่ใช่ SUPER, แต่มีการเพิ่ม 16-pin 12VHPWR power connector บน GeForce RTX 4070 SUPER. พัดลม Axial-tech สามตัวช่วยรักษาความเย็นขณะใช้งานหนัก, โหมด 0 dB ทำให้พัดลมหยุดทำงานทั้งหมดเมื่อทำงานง่าย ๆ. โครงเหล็กภายนอกมอบความมั่นคงที่ไม่เคยมี, และสวิตช์ ASUS

จะมีเพียง Strix ซีรี่ส์เท่านั้นที่มี FanConnect II headers ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อพัดลมเพิ่มขึ้นสูงสุดอีกสองตัว โดยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ GPU, เพื่อควบคุมการสร้างทิศทางในเคสได้ดีขึ้น. และสามารถปรับแต่งได้ด้วยกับ Aura Sync ทำให้ผู้ใช้มีอิสระในการปรับแต่งลักษณะการ์ดและซิงโครไนซ์แสงกับระบบทั้งหมดของพวกเขาได้ นี้คือการ์ดที่ ROG Strix ซีรีส์ที่มาพร้อมกับ RTX 40 SUPER เตรียมจัดจำหน่ายในเวลาอีกไม่นานนี้ที่ร้านค้า IT ชั้นนำทั่วประเทศและรูปแบบออนไลน์

TUF Gaming นำเสนอประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งสำหรับเกมเมอร์ที่มีความหลากหลาย

สำหรับทางเลือกที่ดีและน่าเชื่อถือ, TUF Gaming ซีรี่ส์ ขอเสนอประสิทธิภาพระดับสูงในราคาที่คุ้มค่า. ไม่เพียงแต่ว่ามีโครงสร้างโลหะเดียวกับ Strix , พร้อมระบบระบายความร้อนที่มีพัดลมสามตัวและ Heat pipes ขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน รวมถึงคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น สวิตช์ Dual BIOS ที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งประสิทธิภาพได้โดยการเลื่อนสวิตช์. แม้ว่าพวกเขาจะไม่มี RGB หรือ FanConnect II headers เท่ากับการ์ด Strix, , แต่การ์ด TUF ยังคงให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมและความทนทานที่ยาวนานสำหรับการสร้างประสบการณ์เล่นเกมระดับสูง. สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบ ASUS BTF, กรุณาคลิกที่นี่.

สามารถพบ GPU GeForce RTX 40 SUPER ในการ์ด TUF Gaming นี้ โดยสอบถามกับร้านค้า IT ชั้นนำทั่วประเทศและรูปแบบออนไลน์

ในเร็ว ๆ นี้

ProArt ที่สุดสำหรับการเรนเดอร์ในดีไซน์ที่โดดเด่นสำหรับเหล่า Content Creator

กราฟิกการ์ดระดับสูงที่ไม่ได้ให้ประโยชน์เพียงเฉพาะกับเกมเมอร์เท่านั้น — ผู้ใช้ยังจะพบการ์ดเหล่านี้ในเวิร์กสเตชันทั่วโลกที่ใช้เพื่อขับเคลื่อนปัญญาประดิษฐ์, การแก้ไขรูปภาพและวิดีโอ, การพัฒนาเกม, การผลิต และอื่น ๆ อีกมากมาย. กลุ่มที่เชี่ยวชาญต้องการการ์ดที่เชี่ยวชาญ, เพื่อนำเสนอ ProArt cards สำหรับผู้สร้างและผู้มีความเชี่ยวชาญอื่น ๆ ที่กำลังมองหาสิ่งที่มีสไตล์ที่สะอาดและโปรไฟล์ที่กระชับ, ASUS ยังตกแต่งด้วยพัดลม Axial-tech ที่มีใบมี 11 ใบ, เทคโนโลยี 0dB และแผ่นหลังที่เปิดรับอากาศสำหรับการระบายความร้อนอย่างดี — ทั้งหมดมีขนาดที่เข้ากับความต้องการของ creator ในปัจจุบัน

ซีรีส์ NVIDIA GeForce RTX 40 SUPER จะมีให้ใน ProArt รุ่นต่างๆต่อไปนี้

ASUS Dual cards supply excellent value in a compact form factor

ASUS Dual ให้คุณค่าที่ยอดเยี่ยมในขนาดที่กระชับ

For users looking for something even more compact — perhaps a small-form-factor build — ASUS Dual cards are a great choice. Featuring a retro-futuristic space-age design, these cards offer a unique look for any build, with a 2.56-slot heatsink for wide case compatibility (2.5-slot on the EVO edition). In addition, with multiple heat pipes and two Axial-tech fans, these cards offer excellent cooling performance in an accessible package for gamers and creators alike, no matter what case they are using.
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการขนาดที่กระชับมากขึ้น – บางทีอาจเป็นการประกอบเครื่องที่มีขนาดเล็ก – การ์ด ASUS Dual เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม. มีดีไซน์ที่แสนเรโทร-ฟิวเจอริสติก, การ์ดเหล่านี้นอกจากนี้ยังมีลักษณะที่ไม่ซ้ำใคร, พร้อมทั้งมีเทคโนโลยี heatsink 2.56 สล็อตสำหรับความเข้ากันได้ดีกับเคสขนาดใหญ่ (2.5 สล็อตบนรุ่น EVO edition). นอกจากนี้, ด้วย heat pipes หลายเส้นและพัดลม Axial-tech สองตัว, การ์ดเหล่านี้ให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมในขนาดที่กระทัดรัดสำหรับทุกกลุ่ม, ไม่ว่าจะเป็นเคสไหนก็ตามที่พวกเขากำลังใช้งาน

ASUS is offering the GeForce RTX 4070 SUPER in the following Dual variants. Watch for them at favorite retailers and e-tailers ― they will be arriving in the near future.

GeForce RTX 4070 SUPER ในรุ่น Dual เหล่านี้ จะมีขายในไม่ช้าในอนาคต

ติดตั้งกราฟิกการ์ดใหม่ด้วย Power supply ที่เหมาะสม

หากไม่ได้ทำการอัปเกรดกราฟิกการ์ดมานาน, อาจจะต้องการเปลี่ยน Power Supply ใหม่ให้เข้ากับการ์ดใหม่ที่สามารถให้พลังงานเพียงพอ (และช่องต่อไฟต่างๆที่จำเป็น). ASUS และ ROG มีหลายตัวเลือกที่เหมาะสมกับการประกอบ, ไม่ว่าจะเลือกใช้การ์ดจอใหม่ๆรุ่นไหนในซีรีส์ใหม่

สำหรับผู้ที่ตั้งใจจะใช้ GeForce RTX 4080 SUPER ที่มีประสิทธิภาพระดับสูง จำเป็นต้องมี Power Supply ที่สามารถรองรับการใช้พลังงานดังกล่าว เช่น ROG Thor 1000W Platinum II. ด้วยส่วนประกอบที่มีคุณภาพสูงและประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง, มันเป็นหนึ่งใน Power Supply ที่เงียบที่สุดในหมวดหมู่ของมัน, ให้พลังงานที่ผู้ใช้ต้องการโดยไม่มีเสียงรบเสียงเพิ่มเติม. นอกจากนี้, มีหน้าจอ OLED ด้านข้างที่ให้ดูการดึงพลังงานได้ในเวลาจริง, รวมทั้งรองรับ Aura Sync เพื่อการแสดงสี RGB พิเศษ. ผู้ใช้ที่ต้องการบางสิ่งที่คุ้มค่ากว่าอาจต้องการจับคู่กับ TUF Gaming 1000W Gold กับ GeForce RTX 4080 SUPER.
สำหรับ GeForce RTX 4070 Ti SUPER ควรใช้งานร่วมกับ ROG Thor 850W Platinum II, ซึ่งมีส่วนประกอบที่คุณภาพสูงเหมือนกัน, ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมและหน้าจอ OLED เหมือนรุ่น 1000 วัตต์ที่กล่าวถึงข้างต้น, เพียงแต่ความต่างอยู่ที่วัตต์เล็กน้อยเพื่อตอบโจทย์ในด้านของส่วนประกอบอื่นๆ และ ASUS ยังมี TUF Gaming 850W Gold สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประหยัดในเรื่องของงบประมาณ

สุดท้ายนี้ สำหรับ 4070 SUPER อาจจะไม่ต้องการพลังงานมากเท่ากับรุ่นอื่นๆ, แต่ยังมี Slot สำหรับ 16-pin 12VHPWR ซึ่ง ASUS แนะนำ ROG Strix 750W Gold Aura Edition, ซึ่งมีการให้กำลังไฟที่ยอดเยี่ยมในแพคเกจที่น่าสนใจ. ผู้ใช้ยังสามารถเลือก TUF Gaming 750W Gold, หรือ — ขึ้นอยู่กับลักษณะรูปทรงของ PC  — ASUS Prime 750W Gold ซึ่งจะดูที่ดีกับการ์ด Dual ที่กล่าวถึงข้างต้น. สำหรับตัวเลือก Power Supply เพิ่มเติมและระบบคำนวณที่ช่วยคำนวณหาวัตต์ที่ถูกต้องสำหรับคอมพิวเตอร์, ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ASUS Power Supply portal.

ให้ประสิทธิภาพการฟิกการ์ด SUPER สูงสุดด้วย GPU Tweak III

To unleash the best performance these new graphics cards offer, ASUS is also releasing a new version of its GPU Tweak III software, with new features and
เพื่อปลดล็อคประสิทธิภาพที่ดีที่สุดที่การ์ดจอใหม่เหล่านี้, ASUS ได้ปล่อยตัวอัพเกรดของซอฟต์แวร์ GPU Tweak III พร้อมคุณลักษณะใหม่และการปรับแต่งที่อัพเดทสำหรับ GPU ซีรีส์ GeForce RTX 40 SUPER ของ ASUS. โปรไฟล์ดต่างๆที่ตั้งไว้ล่วงหน้าของ ASUS จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มพลังของการ์ดหรือลดเสียงรบเสียงด้วยการคลิกเดียว, และผู้ใช้สามารถตั้งค่าโปรไฟล์ของตนเองได้ตามเกมแต่ละเกม. ASUS Mobile Monitor เป็นหนึ่งในคุณลักษณะใหม่ที่น่าตื่นเต้นที่สุด, ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับ GPU Tweak ผ่านโทรศัพท์หรืออุปกรณ์รีโมทอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบ GPU โดยไม่ต้องเพิ่มการแสดงผลลงบนหน้าจอเกม เพียงแค่ตั้งโทรศัพท์หรือแท็บเล็ตไว้บนที่ตั้งข้างๆ PC, เชื่อมต่อกับ GPU Tweak mobile monitor interface, และดูสถานะของระบบโดยไม่ต้องปรับหน้าจอ

นอกจากนี้, ASUS ได้อัพเกรดให้ Voltage-Frequency Tuner มีการใช้งานที่ง่ายขึ้นมาก, มีการควบคุมที่ละเอียดต่อความเร็วของ GPU. อัพเกรดการแสดงผลบนหน้าจอ, ฟังก์ชันการนำเข้าและการส่งออก, และเพิ่มอินเตอร์เฟซ GPU-Z เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูล GPU ที่ละเอียดโดยไม่ต้องติดตั้ง GPU-Z โดยแยกออกมา การอัพเกรดล่าสุดของ GPU Tweak III จะเป็นไปในเร็ว ๆ นี้, และผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมที่นี่.

Adblock test (Why?)

ASUS เปิดตัวกราฟฟิกการ์ด NVIDIA GeForce RTX 40 SUPER Series - NBS
Read More

ของดี! เผยสเปคกล้องหลัก realme 12 Pro Series 5G ใช้เซ็นเซอร์ระดับแนวหน้าจาก Sony IMX! - iphone-droid.net

realme 12 Pro Series 5G เตรียมเปิดตัวทางการในวันที่ 29 มกราคมนี้แล้ว ในเรื่องดีไซน์เราได้เห็นมาพอสมควร รวมถึงตัวอย่างภาพจากกล้องบางส่วนด้วย ล่าสุดก็มีการยืนยันสเปคกล้องหลักออกมาเพิ่มเติม โดยทั้ง 2 รุ่นใหม่จะใช้เซ็นเซอร์กล้องหลักจาก Sony ครับผม

realme ยืนยันรหัสรุ่นที่ใช้ไว้ชัดเจนเลยด้วย แบ่งเป็น

• realme 12 Pro ใช้เซ็นเซอร์ IMX882
• realme 12 Pro+ ใช้เซ็นเซอร์ IMX890

จะเห็นว่าบนรุ่น 12 Pro+ นั้นใช้เซ็นเซอร์ไฮเอนด์อย่าง IMX890 ขนาด 1/1.56″ ที่เคยใช้เป็นกล้องหลักของ realme GT5 และ OnePlus 11 มาแล้วด้วย คุณภาพถือว่าไม่ธรรมดาและเป็นที่ยอมรับอย่างมาก

ส่วน IMX882 นั้นยังเป็นเซ็นเซอร์ตัวใหม่ที่ไม่มีข้อมูลออกมามากนัก แต่เชื่อว่าคุณภาพคงลดทอนลงมาไม่เยอะ และยังคงน่าสนใจมาก ๆ เช่นกันครับ

ที่มา : realmeGlobal

Adblock test (Why?)

ของดี! เผยสเปคกล้องหลัก realme 12 Pro Series 5G ใช้เซ็นเซอร์ระดับแนวหน้าจาก Sony IMX! - iphone-droid.net
Read More

JBL Soundgear Sense หูฟังไร้สาย Open-Ear ตัวแรกจาก JBL กับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ - mxphone

[unable to retrieve full-text content]

JBL Soundgear Sense หูฟังไร้สาย Open-Ear ตัวแรกจาก JBL กับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์  mxphone
JBL Soundgear Sense หูฟังไร้สาย Open-Ear ตัวแรกจาก JBL กับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ - mxphone
Read More

จะแรงไปไหน !? iQOO Neo9 Pro เวอร์ชั่น Global ทำคะแนน AnTuTu สูง 1.7 ล้าน+ เคลมเป็นเรือกลางที่แรงที่สุด! - iphone-droid.net

iQOO Neo9 Pro เรือกลางรุ่นใหม่จาก iQOO เตรียมเปิดตัวเวอร์ชั่น Global ที่อินเดียวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ และระหว่างรอเปิดตัวจริง ก็มีทีเซอร์ยืนยันเรื่องความแรงออกมายั่วแฟน ๆ สักหน่อย ว่ากันว่ารุ่นนี้จะเป็นเรือกลางที่แรงที่สุดเลยด้วยครับ!

โดย iQOO อินเดียได้โพสต์ผ่าน X ว่า iQOO Neo9 Pro นั้นทำคะแนน AnTuTu Benchmark ได้สูงระดับ 1.7 ล้าน+ และนี่คือคะแนนที่สูงที่สุดในกลุ่มเรือกลางเลยด้วยครับ

ซึ่งหากเทียบคะแนนระดับนี้ต้องบอกเลยว่าสูงจริง ๆ เพราะ 1.7 ล้านแต้มนั้นมากกว่าเรือธงหลายรุ่นในปี 2023 ที่ผ่านมาเสียอีกนะ

สำหรับชิปเซ็ตของ iQOO Neo9 Pro เวอร์ชั่น Global ก็ยืนยันแล้วว่าจะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 2 พร้อมชิปปรับแต่งเองอย่าง Q1 เข้ามาช่วยจัดการเรื่องพลังงานให้ดีขึ้นไปอีกด้วยครับ

นอกจากนี้สเปคด้านอื่น ๆ ของ iQOO Neo9 Pro นี้ยังไม่ธรรมดาเพราะให้มาทั้ง จอ OLED 1.5K 144Hz, RAM LPDDR5X, Storage แบบ UFS 4.0 และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5160mAh พร้อมชาร์จเร็ว 120W เลยด้วย สมแล้วที่คะแนนจะสูงขนาดนั้นเนาะ

ที่มา : Gizmochina

Adblock test (Why?)

จะแรงไปไหน !? iQOO Neo9 Pro เวอร์ชั่น Global ทำคะแนน AnTuTu สูง 1.7 ล้าน+ เคลมเป็นเรือกลางที่แรงที่สุด! - iphone-droid.net
Read More

OPPO Pad Neo, OPPO Enco Air3s และ OPPO Enco Buds2 แท็บเล็ต หูฟังไร้สายใหม่จาก OPPO ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ - thaimobilecenter

ออปโป้เปิดศักราชใหม่ด้วยทัพผลิตภัณฑ์ IoT แนะนำแท็บเล็ตรุ่นใหม่ “OPPO Pad Neo” พร้อม “OPPO Enco Air3s” หูฟังไร้สายดีไซน์หรู และ “OPPO Enco Bud2” หูฟังไร้สายมาพร้อมสีใหม่

(กรุงเทพฯ – 24 มกราคม 2567) ออปโป้ ไทยแลนด์ ขนทัพผลิตภัณฑ์ IoT เปิดตัวยิ่งใหญ่รับต้นปี นำโดย “OPPO Pad Neo” แท็บเล็ตรุ่นใหม่ให้จอยทุกความสนุกเหนือระดับ จัดเต็มทั้งหน้าจอขนาดใหญ่ 11.4 นิ้ว และลำโพง 4 ตัว ในราคา 10,990 บาท เสริมทัพด้วย “OPPO Enco Air3s” หูฟังไร้สายดึงดูดทุกสายตาด้วยเคสชาร์จสีทอง Champagne Gold ในราคา 1,999 บาท และ “OPPO Enco Buds2” หูฟังไร้สายตัวเล็กเบสทรงพลัง ในสีใหม่สีฟ้า Lilac Blue ราคา 999 บาท เปิดตัวพร้อมกับโปรโมชันสุดอลังการ สัมผัสผลิตภัณฑ์ IoT รุ่นล่าสุดจากออปโป้ได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ออปโป้เดินหน้าเปิดตัวไลน์อัพผลิตภัณฑ์กลุ่ม IoT พร้อมเติมเต็มชีวิตสุดล้ำตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ มอบประสบการณ์ใช้งานด้านความบันเทิงแบบจัดเต็มไม่อั้น พร้อมด้วยดีไซน์อันโดดเด่นมีสไตล์ เปิดตัวพร้อมกัน 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ OPPO Pad Neo, OPPO Enco Air3s และ OPPO Enco Buds2 สีใหม่

OPPO Pad Neo แท็บเล็ตทรงพลัง จัดเต็มทุกอรรถรสภาพและเสียงด้วยหน้าจอใหญ่และระบบลำโพงคุณภาพสูง

OPPO Pad Neo แท็บเล็ตที่เปิดประตูความบันเทิงให้จอยทุกความสนุกเหนือระดับด้วยหน้าจอแสดงผลถนอมสายตา 2.4K ขนาดใหญ่ถึง 11.4 นิ้วตัวแรกในอุตสาหกรรมให้ความละเอียดสูง ในขณะที่ปล่อยแสงสีฟ้าต่ำทำให้สามารถอ่านหรือรับชมเนื้อหาได้อย่างสบายตา แสดงผลภาพในอัตราส่วนภาพ 7:5 ขนาดคล้ายกับหน้าจอ PC, กระดาษ A4 หรือหนังสือ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างคุ้นเคย โดยไม่ต้องปรับขนาดเนื้อหาด้วยตนเองอีกต่อไป เมื่อดูในด้านดีไซน์ OPPO Pad Neo ให้ความรู้สึกเรียบหรูด้วยสีเทา (Space Grey) ตัวเครื่องเพรียวบาง โดยมีความบางเพียง 6.89 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 538 กรัม ทำให้สามารถพกพาสะดวกตลอดวัน ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือดูหนังบน OPPO Pad Neo ก็เต็มอรรถรสจุใจด้วยลำโพงสเตอริโอ 4 ตัวมาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos® มอบประสบการณ์เสียงหลายมิติสมจริงรอบด้านและรองรับเสียง Hi-Res จอยไปกับความบันเทิงตลอดวันอย่างไร้กังวลด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 8,000mAh รองรับการชาร์จไว 33W SUPERVOOC

OPPO Pad Neo ได้รับการพัฒนาการเชื่อมต่อที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันข้ามอุปกรณ์ได้อย่างลื่นไหลเหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบันด้วยระบบ Auto Connect โดยเมื่อวาง OPPO Pad Neo ไว้ใกล้กับโทรศัพท์ที่รองรับและลงชื่อเข้าใช้บัญชี OPPO เดียวกัน อุปกรณ์ที่ใช้ Bluetooth ทั้งสองเครื่องจะสามารถเชื่อมต่อได้โดยอัตโนมัติ และเปิดชุดฟีเจอร์ข้ามอุปกรณ์ได้อย่างราบรื่น รวมถึงยังรองรับซิมการ์ดและไวไฟ และยังสามารถแชร์ไวไฟฮอตสปอตให้เครื่องอื่นได้ ในขณะที่กินพลังงานน้อยลงผ่าน Communication Sharing โดย OPPO Pad Neo มาในสีเทา (Space Grey) วางจำหน่ายในราคา 10,990 บาท

OPPO Enco Air3s เก็บทุกท่วงทำนอง ดึงดูดทุกสายตาด้วยเคสชาร์จสีทอง Champagne Gold

OPPO Enco Air3s หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุดบรรจุอยู่ในเคสสีทอง Champagne Gold ที่หรูหรา เปล่งประกายเมื่อแสงตกกระทบจากมุมที่แตกต่างกัน เติมเต็มสไตล์ที่โดดเด่นเมื่อจับคู่กับสมาร์ตโฟน OPPO Reno11 series 5G รุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีฝาเคสที่เปิดได้ 110° สามารถหยิบหูฟังไร้สายออกจากเคสได้อย่างง่ายดาย และใช้แม่เหล็กยึดหูฟังไร้สายให้เข้าที่ได้อย่างแน่นหนาอีกด้วย ด้วยน้ำหนักเบาพิเศษเพียง 3.7 กรัมต่อหูฟังแต่ละข้างที่ได้รับการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ช่วยให้ใส่หูฟังไร้สายได้อย่างพอดีกับทรงหูทุกแบบ ใส่สบายแม้ใช้งานเป็นเวลานาน เมื่อพูดถึงคุณภาพเสียง OPPO Enco Air3s คือหูฟังไร้สายคู่แรกในช่วงราคานี้ที่มาพร้อมสถาปัตยกรรม HiFi 5 DSP ที่ผสมผสานกับไดรเวอร์คอมโพสิตขนาดใหญ่ 13.4 มม. มอบคุณภาพเสียงทรงพลัง รับฟังดนตรีที่มีเสียงแม่นยำและมีระบบเสียงรอบทิศทางแบบเรียลไทม์ได้นานมากยิ่งขึ้น ทำงานร่วมกับระบบ OPPO Alive Audio มอบเสียงเซอร์ราวด์ 360° นำประสบการณ์ภาพและเสียงระดับโรงภาพยนตร์มาสู่อุปกรณ์ในมือได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังสามารถคุยโทรศัพท์ได้อย่างชัดเจนด้วยอัลกอริธึมตัดเสียงรบกวน DDN แยกเสียงออกจากเสียงพื้นหลังแบบเรียลไทม์ โดย OPPO Enco Air3s สามารถการเชื่อมต่อได้ง่าย ลื่นไหล และเสถียรด้วยการส่งสัญญาณ Bluetooth 5.3 และ Google Fast Pair รวมถึงใช้งานได้ยาวนาน 25 ชั่วโมงเมื่ออยู่ในเคสชาร์จ วางจำหน่ายในราคา 1,999 บาท

OPPO Enco Buds2 สีใหม่ สีฟ้า Lilac Blue หูฟังไร้สายตัวเล็ก เบสทรงพลัง

OPPO Enco Buds2 หูฟังไร้สายตัวเล็กมาพร้อมเบสทรงพลังด้วย Titanized Driver ขนาดใหญ่ 10 มม. มอบเบสที่คมชัด ลึกล้ำ และหนักแน่น ดื่มด่ำไปกับจังหวะดนตรีได้เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น ใช้งานได้นานด้วยแบตเตอรี่ทนทาน ฟังเพลงต่อเนื่องได้ยาวนานไร้สะดุดถึง 28 ชั่วโมง พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานในชีวิตประจำวันด้วยโหมด AI deep noise cancellation ที่ช่วยให้ได้ยินเสียงได้อย่างชัดเจนแม้อยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสียงรบกวน ได้รับการออกแบบหูฟังไร้สายตามหลักสรีรศาสตร์ช่วยให้เข้ารับกับหูได้อย่างพอดี และยังมีน้ำหนักเบาเพียง 4 กรัม สวมใส่สบายตลอดทั้งวัน มาในสีใหม่แกะกล่องสีฟ้า Lilac Blue ในราคาเพียง 999 บาท

เปิดต้นปีด้วยโปรแรง! ออปโป้นำเสนอโปรโมชันสำหรับลูกค้าคนพิเศษที่สนใจผลิตภัณฑ์ IoT รุ่นใหม่ล่าสุด ดังนี้

• เมื่อซื้อ OPPO Pad Neo คู่กับสินค้า IoT รุ่นที่กำหนดไว้รับส่วนลดสูงสุด 500 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2567 - 31 มีนาคม 2567 (อุปกรณ์ IoT ที่ร่วมรายการ OPPO Band, OPPO Band 2, OPPO Enco Buds, OPPO Enco Air3, OPPO Enco Air3s, OPPO Enco Air3 Pro)
• เมื่อซื้อ OPPO Pad Neo รับฟรี OPPO Pad Neo Smart Case มูลค่า 799 ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2567 - 29 กุมภาพันธ์ 2567
• เมื่อซื้อสมาร์ตโฟน OPPO คู่กับ OPPO Enco Air3s รับส่วนลด 500 บาท  ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2567 - 31 มีนาคม 2567

ผู้ที่สนใจสามารถไปทดลองสัมผัสได้แล้ววันนี้ ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://ift.tt/lgDmdsR

#OPPOPADNeoTH #จอยทุกความสนุกเหนือระดับ #OPPOEncoAir3sTH #เก็บทุกท่วงทำนอง #OPPOEncoBuds2 #ตัวเล็กเบสทรงพลัง

วันที่ : 24/1/2567

Adblock test (Why?)

OPPO Pad Neo, OPPO Enco Air3s และ OPPO Enco Buds2 แท็บเล็ต หูฟังไร้สายใหม่จาก OPPO ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ - thaimobilecenter
Read More