Rechercher dans ce blog

Wednesday, June 30, 2021

AIS 5G หนุน "พาณิชย์ลดราคา" แบ่งเบาภาระคนไทย - Hoonsmart - https://ift.tt/2Sk5m8m

AIS 5G หนุน “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน” Lot12 เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระคนไทย ส่งแพ็กค่าโทร/เน็ต ให้ WFH พร้อมสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตราคานักศึกษาให้ LFH ได้เต็มประสิทธิภาพ

นายพงษกรณ์ คอวนิช หัวหน้าส่วนงานการตลาด ด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้า โพส​ต์เพด AIS กล่าวว่า  ในฐานะ Digital Life Service Provider บริษัท ฯ ได้ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยี Digital เข้าไปสนับสนุนการทำงานของภาคสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย” อีกด้วย

AIS  ได้ร่วมมือกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 12” จัดแพ็กเกจเสริมโทร/เน็ตพิเศษ กับโปรแกรม Working From Home อยู่บ้านก็ทำงานได้ กับ แพ็กเสริมสุดคุ้ม เพียง 75 บาท จาก 298 บาท ให้ลูกค้า AIS สามารถใช้บริการประชุม Online ผ่าน ZOOM และ Microsoft Team ได้ไม่อั้น

พร้อมเน็ตเต็มสปีดอีก 1 GB รวมทั้ง แพ็กเสริมค่าโทร 75 บาท ที่โทรได้ทุกเครือข่าย 100 นาที นาน 30 วัน โดยสามารถสมัครแพ็กเสริมนี้ได้ที่ myAIS Application หรือ ดูรายละเอียดได้ที่ www.ais.th/package สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2564”

นอกจากนี้ยังมีสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตในราคาพิเศษสำหรับนักศึกษาหลากหลายรุ่น อาทิ Samsung, OPPO , ฯลฯ ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,989 บาท พร้อมแพ็กเกจรายเดือนสุดคุ้มเพื่อการเรียนออนไลน์ สำหรับลูกค้าที่เปิดเบอร์ใหม่หรือย้ายค่ายเบอร์เดิม มีจำหน่ายที่เอไอเอส ช็อป, เทเลวิซ, A-Store by AIS และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ระยะเวลา 1-31 กรกฎาคม 2564

นายพงษกรณ์ กล่าวในตอนท้ายว่า “หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะมีส่วนช่วยให้การทำงาน การเรียนหนังสือ ของคนไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ต้องกักตัวอยู่กับบ้าน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าชาวเอไอเอสจะดูแลคุณภาพของเครือข่ายและบริการให้ตอบสนองลูกค้าได้อย่างดีที่สุดในทุกสถานการณ์”

Adblock test (Why?)


AIS 5G หนุน "พาณิชย์ลดราคา" แบ่งเบาภาระคนไทย - Hoonsmart - https://ift.tt/2Sk5m8m
Read More

HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch แท็บเล็ตพรีเมียม สเปกล้ำเครื่องเดียวเอาอยู่! - Techoffside.com

“แท็บเล็ต” อุปกรณ์อเนกประสงค์ที่ครบเครื่องเรื่องมัลติฟังก์ชัน ในยุคการทำงานแบบไฮบริดต้องเป็นแท็บเล็ตระดับพรีเมียมเท่านั้นถึงจะเอาอยู่!  เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ยกระดับความบันเทิง สนุกสุดทุกอารมณ์ ไร้ขีดจำกัดได้อย่างทั่วถึงผ่านทั้งขนาดจอ ความคมชัดของภาพ สี และเสียง รวมถึงฟังก์ชันใหม่ๆ

ฟินที่ 1: จอใหญ่ ให้ภาพคมชัด สีไม่เพี้ยน สายอาร์ตเห็นแล้วยิ้ม

แท็บเล็ตที่มีขนาดจอน้อยกว่า 10 นิ้ว ถือว่าค่อนข้างเล็กสำหรับสายงานอาร์ตอยู่พอสมควร ดังนั้นเพื่อเปิดโลกให้กว้างกับมุมมองที่ไร้ขอบเขต และเหมาะกับการทำงานสายออกแบบ หน้าจอแท็บเล็ตควรมีขนาด 10 นิ้วขึ้นไป ที่สำคัญมาตราฐานจอต้องได้ สีไม่เพี้ยน รวมถึงให้ความคมชัดระดับ FullHD ซึ่งที่กล่าวมานี้ HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch สามารทำได้และดีขึ้นไปอีกสำหรับงานสายอาร์ตด้วยหน้าจอที่กว้าง 12.6 นิ้ว มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่สูงถึง 90%

ทั้งนี้ HUAWEI FullView Display ยังเป็นแบบจอ OLED รองรับอัตราส่วนคอนทราสต์ได้มาก แถมมีค่าสม่ำเสมอ สะท้อนชัดทุกรายละเอียดไม่มีพลาดจุดเล็ก จุดน้อย และด้วยช่วงสี DCI-P3 ที่กว้างยิ่งทำให้มองจากมุมไหนสีสันก็ถูกตรงปกเหมือนตาเห็น ที่สำคัญรุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยลดแสงสีฟ้า ได้การรับรองจาก TÜV Rheinland Certified ว่าเป็นหน้าจอที่ช่วยปกป้องคุณจากแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายได้ ลดอาการเมื่อยล้าและปวดตาได้ขณะใช้งาน เรียกได้ว่าเข้ามาช่วยชีวิตสายอาร์ต สายตัดต่อที่ต้องทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนได้เลยทีเดียว ส่วนสายเอ็นเตอร์เทนที่ดูหนัง เล่นเกมไม่ยอมหลับยอมนอนก็ไม่หวั่นเพราะสามารถรับชมภาพได้สบายตามากยิ่งขึ้น

ฟินที่ 2: เสียงแจ๋ว เบสหนัก เรทชัดในทุกความถี่

สำหรับสายตัดต่อ และครีเอเตอร์ทั้งหลาย นอกจากภาพต้องชัด สีไม่เพี้ยนแล้ว ขั้นตอนเช็คซาวด์นั้นเสียงต้องไม่แตกอีกด้วย เพราะบางงานต้องออกแบบแสงและเสียงไปพร้อมกัน ขณะที่สายบันเทิง ก็ต้องการซาวน์หนักๆ ซัพพอร์ตการดูหนัง หรือเล่นเกมให้ได้อารมณ์ถึงใจ ดังนั้นขอแนะนำ HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch ที่ให้คุณสนุกได้ทุกความบันเทิงกับลำโพงสูงสุดถึง 8 ตัว พร้อมเทคโนโลยีแห่งเสียงที่ได้การรับรองจาก harman/kardon ให้เสียงที่คมชัดมีมิติด้วยเรทความถี่ที่กว้างรอบทิศ 360 องศา กังวานระดับ 79dB สำหรับใครที่อยากบันทึกวิดีโอ เสียง หรือบทสนทนาต่างๆ ก็มีชุดไมโครโฟนมาให้ด้วยกัน 4 ตัว เก็บเสียงได้ไกลถึง 5 เมตร และระบบ AI Noise Cancellation ตัดเสียงไม่พึงประสงค์รอบข้าง รองรับการทำงานได้ทุกสถานการณ์

ฟินที่ 3: เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน​ให้กับสาย Multi-tasking ด้วยฟังก์ชันอัปเกรดใหม่ ไฉไลกว่าเดิม

ดูเหมือนว่าการทำงานแบบ cross-functional ในคนๆ เดียวจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับคนในยุคนี้ เพื่อรองรับกับเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป เราจำเป็นต้องมีตัวช่วยที่ให้การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันเป็นเรื่องที่ง่าย พร้อมประหยัดเวลา และทำให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้นตามไปด้วย อย่าง HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch มีฟีเจอร์ประสานการทำงานระหว่างแล็ปท็อปที่เรียกว่า ฟีเจอร์ HUAWEI Multi-screen Collaboration with laptop ประกอบไปด้วย3 โหมดคือ Mirror Mode สามารถออกคำสั่งต่างๆ บนแล็ปท็อปผ่านเครื่องแท็บเล็ตได้เลย คล้ายหน้าจอสเก็ตช์ ไม่ว่าจะเขียนงานหรือวาดรูปอะไรบนแท็บเล็ต ก็จะแสดงผลทันทีบนหน้าจอแล็ปท็อป

เป็นอีกตัวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับงานออกแบบได้อย่างมืออาชีพ Extend Mode จอคู่ขนาน สามารถลากโปรแกรม หรือหน้าต่างบนแล็ปท็อปไปยังจอแท็บเล็ตได้ทันที และใช้งานสองหน้าจอไปพร้อมกัน ตอบสนองการทำงานที่หลากหลายได้อย่างรวดเร็ว และCollaborate Mode ส่งไฟล์งาน ข้อมูลต่างๆ ไปมาระหว่างสองดีไวซ์ได้ในพริบตาเดียว นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี HUAWEI Share ที่คอยช่วยส่งผ่านข้อมูลแบบไร้รอยต่อระหว่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนได้ด้วยเช่นกัน

ฟินยิ่งกว่ากับ ฟีเจอร์ Multi-Window ที่เปิดใช้งานหน้าต่างได้พร้อมกันสูงสุดถึง 4 แอปฯ 4 หน้าจอ และซ่อนหน้าต่างในแท็บเมนูด้านข้างได้มากสุด 10 หน้าต่าง เช่นเดียวกันกับฟีเจอร์ App-Multiplier ที่สามารถเปิดแอปฯ แบบสองหน้าต่างได้ในเวลาเดียวกัน มีแอปฯ ที่รองรับฟีเจอร์นี้แล้วกว่า 4000+ แอปฯ เลยทีเดียว

ฟินที่ 4: Work Smart ผ่านอุปกรณ์ชุดใหญ่ รองรับไลฟ์สไตล์แบบแอคทีฟ

อุปกรณ์เสริมนี่แหละที่ช่วยให้ชีวิตเราง่ายมากขึ้นในหลายเรื่อง อย่างหัวเว่ยมี HUAWEI M-Pencil (2nd generation) ปากกาที่เพิ่มความคล่องตัวไปกับแอคทีฟไลฟ์สไตล์และเพลิดเพลินไปกับการทำงาน รับรองว่างานสายช่างภาพ ตัดต่อ ดีไซน์ต้องหลงรักแน่นอน เพราะมาพร้อมตัวบอดี้กระชับขึ้น มีเซนเซอร์ที่แม่นยำ ความหน่วงน้อย รองรับแรงกดได้ที่ 4,096 ระดับ และฟังก์ชันใหม่ Double-tap สลับเครื่องมือระหว่างการใช้งานเพียงเคาะตรงหัวปากกาที่จับสองครั้ง ก็สามารถเปลี่ยนการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ปัจจุบันและอุปกรณ์ก่อนหน้านี้ หรือเรียกเปิดชุดสีต่างๆ ได้ง่าย ให้คุณสรรค์สร้างจินตนาการได้อย่างไม่ขาดช่วงแน่นอน

ขณะที่ฟังก์ชัน Free Script สร้างโซลูชันใหม่ในการเปลี่ยนลายมือให้เป็นตัวพิมพ์ได้แบบเรียลไทม์ รองรับแล้วทั้งภาษาไทย อังกฤษ และจีน พร้อมสัมผัสที่ใช่ ให้ทุกสิ่งเสร็จเร็วยิ่งขึ้นกับ HUAWEI Smart Magnetic Keyboard ที่ถูกดีไซน์ให้มีระยะห่างระหว่างตัวอักษรเป็น 1.3 มิลลิเมตร สะท้อนความรู้สึกเหมือนกำลังพิมพ์งานอยู่บนแป้นคอมพิวเตอร์พีซีทั่วไปเลยก็ว่าได้ นอกจากสะดวกในการพิมพ์มากขึ้นแล้ว ยังพกพาง่ายด้วยน้ำหนักเพียง 350 กรัมเท่านั้น

HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch พร้อมมอบสัมผัสที่แตกต่างเพื่อการใช้งานที่ง่าย และโปรกว่าที่เคยผ่านหน้าจอ HUAWEI FullView Display ประเภท OLED ขนาด 12.6 นิ้ว อัตราส่วนขนาดหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 90% มอบความแม่นยำของสีระดับสูง ช่วยสร้างสรรค์งานศิลปะในทุกจินตนาการ อีกระดับของเสียงคุณภาพด้วยการติดตั้งลำโพงสูงสุดถึง 8 ตัว พร้อมเอนจอยได้ต่อเนื่องกับการรับชมวิดีโอโหมดออฟไลน์ได้นานถึง 14 ชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 10,050 mAh และการอัปเดตฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มความสมาร์ทเพื่อรองรับการทำงานแบบไฮบริดยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น HUAWEI Multi-screen Collaboration with laptop, Multi-Window และ App-Multiplier 

ครั้งนี้มาในสี Matte Grey ราคาเพียง 28,990 บาทเท่านั้น! พร้อมโปรสุดคุ้มที่รันยาวมาตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2564 ไปถึง 7 กรกฎาคม 2564 เมื่อซื้อ HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch รับไปเลยของสมนาคุณเน้นๆ อย่าง HUAWEI Smart Magnetic Keyboard, HUAWEI M-Pencil, HUAWEI Cloud (200GB ระยะเวลา 3 เดือน), HUAWEI VDO (ระยะเวลา 1 เดือน), WPS VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) และ FilmoraGo VIP (ระยะเวลา 3 เดือน) มูลค่ารวม 11,517 บาท โดยสามารถสั่งซื้อได้ที่ https://bit.ly/2UkWgyR รวมถึง HUAWEI Store, JD Central, Lazada, Shopee, HUAWEI Experience Store, และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ เห็นของสมนาคุณพิเศษมากมายแบบนี้แล้วห้ามพลาดเด็ดขาด

ติดตามรายละเอียดโปรโมชันอื่นๆ ได้ทาง เฟซบุ๊กเพจ Huawei Mobile TH

รายละเอียดเงื่อนไขโปรโมชันเพิ่มเติม http://bit.ly/MatePadProTH

Adblock test (Why?)


HUAWEI MatePad Pro 12.6-inch แท็บเล็ตพรีเมียม สเปกล้ำเครื่องเดียวเอาอยู่! - Techoffside.com
Read More

AIS 5G หนุน “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน” Lot12 เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระคนไทย - mobileocta

นายพงษกรณ์ คอวนิช หัวหน้าส่วนงานการตลาดด้านผลิตภัณฑ์และลูกค้าโพส​ต์เพด AIS กล่าวว่า “ในฐานะ Digital Life Service Provider นอกเหนือจากการเดินหน้าพัฒนาบริการสื่อสารที่ดีที่สุด เพื่อลูกค้า และเพื่อเสริมขีดความสามารถในทุกภาคส่วนแล้ว

ในท่ามกลางวิกฤตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น เรายังได้ใช้ศักยภาพของเทคโนโลยี Digital เข้าไปสนับสนุนการทำงานของภาคสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อคนไทย” อีกด้วย

AIS 5G

“อย่างไรก็ตามจากสภาวะการแพร่ระบาดที่ยังคงน่าเป็นห่วง ดังนั้นการรักษาระยะห่าง กักตัวเองอยู่กับบ้าน จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อลดความเสี่ยงและชะลอการแพร่ระบาดให้ลดน้อยลงอย่างรวดเร็วที่สุด โดยที่ยังต้องสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆได้อย่างต่อเนื่องผ่าน Online ด้วยเช่นกัน

จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกับ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot12”  จัดแพ็กเกจเสริมโทร/เน็ตพิเศษ กับโปรแกรม Working From Home อยู่บ้านก็ทำงานได้ กับ แพ็กเสริมสุดคุ้ม เพียง 75 บาท จาก 298 บาท ให้ลูกค้า AIS สามารถใช้บริการประชุม Online ผ่าน ZOOM และ Microsoft Team ได้ไม่อั้น พร้อมเน็ตเต็มสปีดอีก 1 GB รวมทั้ง แพ็กเสริมค่าโทร 75 บาท ที่โทรได้ทุกเครือข่าย 100 นาที นาน 30 วัน

โดยสามารถสมัครแพ็กเสริมนี้ได้ที่ myAIS Application หรือ ดูรายละเอียดได้ที่ www.ais.th/package  สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2564”

นอกจากนี้ยังมีสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตในราคาพิเศษสำหรับนักศึกษาหลากหลายรุ่น อาทิ  Samsung, OPPO , ฯลฯ  ในราคาเริ่มต้นเพียง 4,989 บาท  พร้อมแพ็กเกจรายเดือนสุดคุ้มเพื่อการเรียนออนไลน์ สำหรับลูกค้าที่เปิดเบอร์ใหม่หรือย้ายค่ายเบอร์เดิม มีจำหน่ายที่เอไอเอส ช็อป, เทเลวิซ, A-Store by AIS  และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ระยะเวลา 1-31 กรกฎาคม 2564

นายพงษกรณ์ กล่าวในตอนท้ายว่า “หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะมีส่วนช่วยให้การทำงาน การเรียนหนังสือ ของคนไทย เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ต้องกักตัวอยู่กับบ้าน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าชาวเอไอเอสจะดูแลคุณภาพของเครือข่ายและบริการให้ตอบสนองลูกค้าได้อย่างดีที่สุดในทุกสถานการณ์”

Adblock test (Why?)


AIS 5G หนุน “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน” Lot12 เชื่อมต่อ ช่วยเหลือ แบ่งเบาภาระคนไทย - mobileocta
Read More

วันพลัสเปิดตัวสมาร์ทโฟน OnePlus Nord CE 5G - มติชน

‘ประสบการณ์ที่ดีกว่า’ ในราคาเริ่มต้นเพียง 5,990 บาท!
พรีออเดอร์ได้แล้ววันนี้ – 6 กรกฎาคม นี้เท่านั้น

OnePlus ประเทศไทย เปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ OnePlus Nord CE 5G อย่างเป็นทางการ ภายใต้สโลแกน “ประสบการณ์ที่ดีกว่า” เพื่อนำเสนอสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ มอบคุณสมบัติที่จำเป็น และทรงพลังในราคาที่เบากว่า ภายใต้การออกแบบที่สวยงามทันสมัยยิ่งกว่าเดิม ที่จะทำให้คุณสนุกไปกับทุกช่วงเวลาของชีวิตได้อย่างเต็มที่ ด้วยชิปเซ็ท Snapdragon 750G, 5G อันทรงพลัง, หน้าจอ AMOLED ลื่นไหล 90 Hz, ระบบกล้องหลักคมชัด 64 MP, แบตเตอรี่ที่อึดถึง 4,500 mAh และ Warp Charge 30T Plus ที่ปรับปรุงใหม่ขึ้นมาพิเศษ พร้อมกับระบบปฏิบัติการ OxygenOS 11 อันเป็นเอกลักษณ์ของ OnePlus ที่รวดเร็วและลื่นไหล เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าสำหรับผู้ใช้งาน  มีสีสันให้เลือกทั้งหมด 2 ได้แก่ สีดำ Charcoal Ink ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหยดหมึกสีดำ ผิวสัมผัสสะท้อนเงา เหมือนหยดหมึกใส และสีฟ้าพิเศษที่ต่อยอดจากสีเอกลักษณ์ของ OnePlus Nord รุ่นแรกกลายมาเป็น OnePlus Nord CE 5G ในสีฟ้า Blue Void ให้ความสีฟ้าแล่นแสงและเงามากยิ่งขึ้น ด้านหลังมีพื้นผิวด้านที่ต้านทานรอยนิ้วมือ เผยให้เห็นความสวยงามจากทุกมุมมอง

OnePlus Nord CE 5G เปิดราคาด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น
รุ่น RAM 8 + ROM 128GB ราคา 12,990 บาท (มี 2 สีฟ้า Blue Void และสีดำ Charcoal Ink)
รุ่น RAM 12+ ROM 256GB ราคา 15,990 บาท (เฉพาะสีดำ Charcoal Ink)

OnePlus Nord CE 5G เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 กรกฎาคม 2564 เปิดพรีออร์เดอร์ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2564 พร้อมรับของแถมพิเศษ รวมมูลค่ากว่า 7,488 บาท

– บัตรประกันจอแตก

– Gift Box

– หูฟัง OnePlus Buds Z (มีจำนวนจำกัด)

สนใจสั่งจองหรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/2SuGW2n

เท่านั้นยังไม่พอ ทาง OnePlus ยังมีกิจกรรม Lucky Experience จองแจกเพิ่ม : สำหรับผู้ที่จองสมาร์ทโฟน OnePlus Nord CE 5G ในระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม 2564 ผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย จะได้รับสิทธิลุ้นรับรางวัล Nintendo Switch และ Ring Fit จำนวน 15 รางวัล มูลค่ารวมกว่า 250,200 บาท โดยประกาศรายชื่อผู้โชคดีผ่านทาง Facebook Fanpage OnePlus Thai ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ในเวลา 18.00 น.

และพิเศษ!! โปรโมชั่นสำหรับช่องทางผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS, DTAC และ TrueMove H ในราคาเริ่มต้นเพียง 5,990 บาทเท่านั้น รายละเอียดเพิ่มเติม

โปรโมชันจาก  AIS

พิเศษ! เมื่อสั่งซื้อผ่านเครือข่าย AIS ราคาเริ่มต้นเพียง 5,990 บาท พร้อมแพ็กเกจรายเดือน 5G เริ่มต้น 699 บาท ตั้งแต่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฏาคม 2564 นี้ รายละเอียดเพิ่มเติม >> > https://bit.ly/2Uf9f5q

โปรโมชันจาก  Datc

พิเศษ! เมื่อสั่งซื้อผ่านเครือข่าย Dtac ราคาเริ่มต้นเพียง 6,490 บาท พร้อมแพ็กเกจรายเดือน 699 บาท พร้อมแพ็กเกจรายเดือนเริ่มต้น 699 บาทตั้งแต่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฏาคม 2564 นี้เท่านั้น รายละเอียดเพิ่มเติม >> > https://bit.ly/3x8daiI

โปรโมชันจาก   TrueMove H

พิเศษ! เมื่อสั่งซื้อผ่านเครือข่าย TrueMoveH ราคาเริ่มต้นเพียง 5,990 บาท พร้อมแพ็กเกจรายเดือน 5G เริ่มต้น 699 บาท ตั้งแต่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฏาคม 2564 นี้เท่านั้น รายละเอียดเพิ่มเติม >> > https://bit.ly/3AcMIX4

นอกจากนี้ตัวแทนจำหน่ายยังขนกองทัพโปรโมชันช่วงพรีออร์เดอร์สุดร้อนแรงมาเพื่อแฟนๆ และผู้ที่สนใจ OnePlus Nord CE 5G โดยเฉพาะ เริ่มที่ช่องทางหน้าร้านอย่าง

Jaymart >> > https://bit.ly/3joWn6Z
TG Fone >> > https://bit.ly/3jq4LDy

Com7 >> >  https://bit.ly/3qy5DY8

Jaymart >> > https://bit.ly/3joWn6Z

TG Fone >> > https://bit.ly/3jq4LDy
และช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ก็ไม่น้อยหน้ากัน ขนของแถมและโปรโมชันจัดเต็ม

Lazada >> > https://bit.ly/3h5DeUQ

Shopee >> > https://bit.ly/2U5s7n9

JD Central >> > https://bit.ly/2Ua5wpG

Thisshop >> > https://bit.ly/3sZ7XHY

#OnePlusNordCE_5G #ประสบการณ์ที่ดีกว่า #OnePlus

สามารถติดตามข่าวสารและข้อมูลของ OnePlus ประเทศไทยได้ที่ https://www.oneplus.com/th และ
Facebook Fanpage: OnePlus Thailand  >>> https://www.facebook.com/oneplusthailand/
Instagram: OnePlus Thailand >>> www.instagram.com/oneplus_thai/ หรือติดต่อสอบถาม OnePlus Call Center ได้ที่เบอร์ 02-793-3818

Adblock test (Why?)


วันพลัสเปิดตัวสมาร์ทโฟน OnePlus Nord CE 5G - มติชน
Read More

'สยามเฮลท์ กรุ๊ป' ผนึก 'ช้อปปี้' รุกตลาด Gen Y ด้วยคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งสร้างสรรค์ พร้อมอัดโปรฯ - อาร์วายที9

'สยามเฮลท์ กรุ๊ป' ผนึก 'ช้อปปี้' รุกตลาด Gen Y ด้วยคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งสร้างสรรค์ พร้อมอัดโปรฯ เอาใจกลุ่มลูกค้าใหม่บนอีคอมเมิร์ซ ในแคมเปญ Shopee 7.7

สยามเฮลท์ กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก "เดนทิสเต้" (Dentiste) และผลิตภัณฑ์เวชสำอาง "สมูท-อี" (Smooth-E) ผนึกกำลังกับ ช้อปปี้ ผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน เดินหน้าปั้นกลยุทธ์บุกตลาดอีคอมเมิร์ซเต็มรูปแบบ หวังเจาะกลุ่มลูกค้า Gen Y ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ด้วยคอนเท้นต์ที่สร้างสรรค์ และโปรโมชั่นสุดว้าวในแคมเปญ Shopee 7.7 Non-Stop Free Shipping Sale

กลุ่ม Gen Y หรือ Generation Y คือกลุ่มคนที่เกิดในช่วงปี พ.ศ. 2524 - 2543 ซึ่งเป็นกลุ่มคนวัยทำงานและมีกำลังซื้อสูง โดยปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึง 1 ใน 3 ของประชากรไทย จึงอาจกล่าวได้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศนั้นกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังซื้อของกลุ่มคน Gen Y โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ที่เข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตของคนกลุ่มนี้ที่มีความคุ้นเคยกับเทคโนโลยี และชื่นชอบการแบ่งปันประสบการณ์ผ่านโลกออนไลน์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้สยามเฮลท์กรุ๊ป ได้เริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อขยายฐานผู้บริโภคสู่กลุ่มคน Gen Y มากขึ้น

เภสัชกร ดร.แสงสุข พิทยานุกุล กรรมการผู้จัดการ สยามเฮลท์กรุ๊ป กล่าวว่า "ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ภายในเครือ สยามเฮลท์ กรุ๊ป ได้ติดตลาดจนกลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ชั้นนำที่เหล่าผู้บริโภคมักจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ เมื่อต้องการดูแลสุขภาพผิวพรรณและช่องปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้บริโภคกลุ่ม Gen X ที่ผลิตภัณฑ์ของเรามักจะได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ โดยในปี 2564 นี้ บริษัท สยามเฮลท์ กรุ๊ป มีแผนที่ต้องการขยายฐานผู้บริโภคให้กว้างขึ้น โดยเน้นเจาะกลุ่ม Gen Y ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง บวกกับไลฟ์สไตล์ที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีและการใช้โซเชียลมีเดีย จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่เราได้ร่วมมือ กับพันธมิตรทางอีคอมเมิร์ซชั้นนำอย่าง ช้อปปี้ ที่มีความเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคออนไลน์อย่างลึกซึ้ง โดยความร่วมมือในครั้งนี้ มีจุดประสงค์หลักเพื่อร่วมกันส่งเสริมนวัตกรรมการสื่อสารการตลาด และรูปแบบการนำเสนอคอนเทนต์ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การบริโภคสื่อของกลุ่มคน Gen Y มากยิ่งขึ้น จนสามารถทำให้สยามเฮลท์กรุ๊ป สามารถขยายฐานลูกค้ามายังบนโลกออนไลน์ และครองใจเหล่าผู้บริโภคในกลุ่ม Gen Y จนสามารถเป็นหนึ่งในแรงผลักดันให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการดันยอดขายออนไลน์ให้เติบโตถึง 25% ภายในสิ้นปี 2564 ได้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้"

เจาะฐานผู้บริโภค Gen Y ด้วยคอนเทนต์การตลาดและกิจกรรมโปรโมชั่นบน ช้อปปี้

ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ สยามเฮลท์กรุ๊ปจะสามารถใช้ประโยชน์จากเครื่องมือทางการตลาดของ Shopee Brands Suite และอินไซต์เชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ในการวางกลยุทธ์นวัตกรรมการสื่อสารการตลาดให้ตรงจุดและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 7 กรกฎาคม เหล่าผู้บริโภคจะได้พบกับกิจกรรมสุดสร้างสรรค์ในแคมเปญ Shopee 7.7 Non-Stop Free Shipping Sale มากมาย โดยมีไฮไลท์พิเศษอยู่ที่

- Shopee Live: เสริมแกร่งประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบเรียลไทม์พร้อมบอกเล่าตัวตนของแบรนด์ด้วยฟีเจอร์ Shopee Live ตอบโจทย์เทรนด์ตลาดในยุค Live Commerce ที่จะมาพร้อมกับคอนเทนต์สุดหรรษา พาช้อปไปกับสินค้าจาก Smooth-E และ Dentiste ในราคาพิเศษลดสูงสุด 50% และ โค้ดลดเพิ่มสูงสุด 200 บาท เฉพาะบน Shopee Live เท่านั้น

- Shopee Prizes: ร่วมดูแลผิวพรรณและสุขภาพช่องปากให้ดูดียิ่งขึ้น ไปพร้อมกับเกมยอดนิยมอย่าง Shopee Shake Shake และเกมใหม่ล่าสุด Shopee Pets Shopee Games ที่ได้ทั้งความสนุกและการล่าส่วนลดสุดพิเศษรวมถึงของรางวัลอีกมากมาย

- โปรแรงสุด ฉุดไม่อยู่: ตลอดแคมเปญ Shopee 7.7 Non-Stop Free Shipping Sale เหล่านักช้อปจะได้พบกับโปรเด็ดจาก Dentiste และ Smooth-E ด้วยส่วนลดสูงสุด 50% โค้ดส่วนลดเพิ่มสูงสุด 1,000 และสิทธิประโยชน์สุดคุ้มค่าอีกมากมายเมื่อชำระเงินผ่าน ShopeePay

ร่วมเพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้งและคอนเท้นต์สุดสร้างสรรค์จากสยามเฮลท์ กรุ๊ป ได้ในแคมเปญ Shopee 7.7 Non-Stop Free Shipping Sale พร้อมช้อปปี้ไปกับโปรโมชั่นเด็ดบน Shopee Mall จากร้าน Smooth E Official Store ได้ที่ https://ift.tt/3Abq41r หรือ ช้อปกับ Dentiste Official Store ได้ที่ https://ift.tt/2SCB8DX


Adblock test (Why?)


'สยามเฮลท์ กรุ๊ป' ผนึก 'ช้อปปี้' รุกตลาด Gen Y ด้วยคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งสร้างสรรค์ พร้อมอัดโปรฯ - อาร์วายที9
Read More

Unbox | แกะกล่องลองจับ Lenovo Legion Phone Duel 2 มือถือเกมมิ่งตัวแรง ของจริงเป็นยังไง แถมอะไรให้มาบ้าง - Droidsans

เรียกว่ามาทันใจคอเกมจริง ๆ สำหรับมือถือเกมมิ่งตัวแรงอย่าง Lenovo Legion Phone Duel 2 ที่ตอนแรกเปิดตัวแบบวางจำหน่ายทั่วโลกไปเมื่อเดือนเมษายน และใช้เวลาไม่นานนักก็มาวางจำหน่ายในบ้านเราไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวาน หากใครที่กำลังเล็ง ๆ อยากจะสอยมือถือรุ่นนี้อยู่ แต่อยากรู้ว่าตัวจริงมันจะเป็นยังไง และในกล่องมีอะไรให้มาบ้าง ตอนนี้ Legion Phone Duel 2 ก็ได้มาอยู่ในมือเราแล้วครับ…มาดูกันเลยว่าแกะกล่องออกมาแล้วจะเป็นยังไงกันบ้าง

แกะกล่อง

Lenovo Legion Phone Duel 2 มาในกล่องสีดำสนิท ดุดันสมกับเป็นมือถือเกมมิ่งพันธุ์แท้ เมื่อเปิดออกมาก็จะเจอกับกล่องด้านในที่มีสโลแกน Stylish Outside. Savge Inside. (ภายนอกมีสไตล์ ภายในดุดัน)

ส่วนของในกล่องก็มีมาให้แบบครบ ๆ ไม่ว่าจะเป็น เคสพลาสติกใสแบบแข็ง, ตัวแปลงพอร์ต USB-C เป็น 3.5 มม., หม้อแปลงชาร์จไวขนาด 90W และสายชาร์จ Type-C จำนวน 2 เส้น (ให้มาทำไมตั้ง 2 เส้น??? เดี๋ยวจะบอกทีหลังละกันนะ)

เคสพลาสติกใส

ตัวเครื่อง Legion Phone Duel 2

หน้าจอของมือถือรุ่นนี้เป็นพาเนลชนิด AMOLED แบบแบนราบมีขนาดใหญ่เต็มตาที่ 6.92 นิ้ว และไม่ได้มีขอบจอที่บางเฉียบเหมือนกับมือถือระดับไฮเอนด์รุ่นอื่น ๆ ในตลาด เพราะต้องทำให้มันจับได้ถนัดและจอไม่ลั่นเวลาโดนอุ้งมือ

นอกจากนี้ขอบจอด้านบน-ล่างยังต้องเว้นที่ไว้วางลำโพงแบบ Front Facing ให้เสียงพุ่งออกมาด้านหน้าโดยตรง ซึ่งจะได้อารมณ์และมีมิติกว่า และมือยังไม่บังลำโพงเวลาเล่นด้วย

มองด้านหน้าแล้วอาจจะไม่เห็นว่ามันเป็นมือถือเกมมิ่งยังไง แต่พอพลิกมาด้านหลังเท่านั้นแหละ…อารมณ์เกมมิ่งมาเต็มมาก ด้วยโลโก้ Legion สามแฉกตรงกลางเครื่องที่เป็นไฟ RGB เปลี่ยนสีและจังหวะกระพริบได้

กล้องหลังมี 2 ตัว 64MP + 16MP ก็มาอยู่ตรงกลางเครื่องอีกเช่นกัน คือมือถือรุ่นนี้จะเน้นใช้งานในแนวนอนเลย นอกจากนี้บริเวณกลางเครื่องที่มีทั้งไฟ RGB กับกล้องหลัง จะนูนออกมาจากตัวเครื่องอย่างเห็นได้ชัด เพราะว่าข้างใต้มีพัดลมระบายอากาศจำนวน 2 ตัว อยู่ด้วยนั่นเอง โดยจะเห็นว่ามีช่องระบายอากาศอยู่บริเวณเดียวกันนั่นแหละ

พลิกกลับมาดูด้านหน้าอีกทีเพื่อมาดูกล้องเซลฟี่ที่ซ่อนไว้เป็นแบบป๊อปอัพ อยู่ที่ขอบด้านซ้ายของเครื่อง (ในกรณีที่ถือแนวตั้ง)

ถ้าหากคนที่ใช้มือถือทั่วไปมาเจอกล้องเซลฟี่ด้านข้างแบบนี้แน่นอนว่าต้องรู้สึกแปลก ๆ เพราะถ้าถ่ายเซลฟี่แบบแนวตั้งแล้วมุมมันจะเอียง ๆ

แต่สำหรับสายแคสท์เกมบอกเลยว่าตำแหน่งนี้เหมาะที่สุด เพราะเวลาเล่นเกมถือเครื่องแนวนอน กล้องจะอยู่ตรงกลางพอดี ทำให้มือไม่บังเวลาสตรีมตอนเล่นเกมสด ๆ

ฟีเจอร์สำหรับเล่นเกม

ปุ่มพิเศษ 6 ปุ่ม

Legion Phone Duel 2 จัดว่าเป็นมือถือเกมมิ่งแท้ ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาที่ดูแว่บเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่มือถือทั่วไป และยังมีสิ่งสำคัญอีกอย่างคือ “ปุ่มพิเศษ” ที่มีทั้งปุ่ม L1, L2, R1, R2 บนขอบเครื่อง

และยังมีปุ่มที่เป็นแถบสัมผัสอยู่ที่ด้านหลังเครื่องอีกฝั่งละปุ่ม รวมแล้วมีทั้งหมดถึง 6 ปุ่ม ให้สามารถตั้งค่ากันได้ตามต้องการเลยว่าปุ่มไหนจะเป็นการแตะส่วนไหนของหน้าจอบ้าง

แถบสัมผัสหลังเครื่อง

การตั้งค่าสำหรับเล่นเกม

ภายในซอฟท์แวร์ยังมีการตั้งค่าต่าง ๆ ได้อีกเพียบเพื่อให้เหมาะกับสไตล์การใช้งานของเราเอง ทั้งการตั้งค่าพัดลมระบายอากาศ, ตั้งค่าปุ่ม, ตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอ, ไฟ RGB, ประสิทธิภาพเครื่อง ฯลฯ

พอร์ตชาร์จคู่

Legion Phone Duel 2 มีพอร์ต USB-C มาให้ทั้งหมด 2 พอร์ต อยู่ที่ขอบเครื่องด้านล่าง 1 และอยู่ที่ขอบเครื่องด้านขวาอีก 1 ซึ่งพอร์ตด้านขวาจะใช้สำหรับเสียบชาร์จในกรณีที่เล่นไปชาร์จไปแล้วสายจะได้ไม่เกะกะมือ

ส่วนที่ในกล่องให้สายชาร์จมาถึง 2 เส้น ก็เพราะให้เอามาเสียบเข้ากับพอร์ต USB-C ทั้งคู่ เพื่อเข้าสู่โหมดชาร์จโคตรไว Dual Turbo-Charge 90W นั่นเอง (แต่ชาร์จแบบนี้จะไม่เหมาะกับการชาร์จไปเล่นไปนะ…สายมันเกะกะจนเล่นไม่ถนัด)

ได้เห็นการแกะกล่องพร้อม Hands-on คร่าว ๆ แบบนี้ ก็น่าจะเรียกน้ำย่อยของเหล่าเกมเมอร์ตัวจริงได้แบบหอมปากหอมคอแล้วล่ะมั้ง…ส่วนรีวิวการใช้งานแบบเต็ม ๆ จะเป็นยังไง จะเทพแค่ไหน จะโหดแค่ไหน อดใจรอกันอีกแป๊บเดียวเท่านั้นครับ

Adblock test (Why?)


Unbox | แกะกล่องลองจับ Lenovo Legion Phone Duel 2 มือถือเกมมิ่งตัวแรง ของจริงเป็นยังไง แถมอะไรให้มาบ้าง - Droidsans
Read More

วันพลัสเปิดตัวสมาร์ทโฟน OnePlus Nord CE 5G เริ่มต้นเพียง 5,990 บาท! - WhatPhone

เปิดตัว ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที พกขุมพลัง 640 แรงม้า เร็วสุดในตระกูลคาเยนน์ - ผู้จัดการออนไลน์



ปอร์เช่ เปิดตัว คาเยนน์ เทอร์โบ จีที ตัวแรงสุดพร้อมขุมพลัง V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร รีดกำลังสูงสุดถึง 640 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 3.3 วินาทีเท่านั้น จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นตัวแรงสุดในตระกูลคาเยนน์


ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที ถูกวางให้เป็นตัวแรงสุดเหนือกว่ารุ่น เทอร์โบ และ เทอร์โบ เอส อี-ไฮบริด ในปัจจุบัน โดยมีให้เลือกเฉพาะตัวถังแบบคูเป้เท่านั้น (แต่ปอร์เช่ก็เลือกที่จะไม่ใส่คำว่า “Coupe” ลงในรุ่นเทอร์โบ จีที) โดยระบุว่าเป็นรถเอสยูวีที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาในตระกูลคาเยนน์ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในรถเอสยูวีที่เร็วที่สุดในโลกอีกด้วย


ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที ใช้เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ ขนาด 4.0 ลิตร สามารถรีดกำลังสูงสุดได้ 640 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากรุ่น Turbo ถึง 90 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 850 นิวตัน-เมตร เพิ่มขึ้นอีก 80 นิวตัน-เมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที ลดลงจากรุ่น Turbo ราว 0.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 300 กม./ชม. โดยระบุว่าสามารถทำเวลาบนสนาม Nürburgring Nordschleife ในเวลาเพียง 7:38.9 นาทีเท่านั้น


ส่วนระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Tiptronic S ที่พัฒนาให้สามารถเปลี่ยนอัตราทดได้รวดเร็วกว่าเดิม อีกทั้งยังมีการปรับจูนช่วงล่างมาเป็นพิเศษสำหรับรุ่น เทอร์โบ จีที โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการลดความสูงลง 17 มม. การปรับจูนระบบควบคุมช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management (PSAM) การปรับจูนพวงมาลัย Power Steering Plus และระบบเลี้ยวล้อหลัง รวมถึงระบบควบคุมการทรงตัว Porsche Dynamic Chassis Control (PDCC) ที่พัฒนาเพื่อรองรับสมรรถนะที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะ

นอกจากนี้ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที ยังถูกติดตั้งล้อ GT Design ขนาด 22 นิ้ว หุ้มด้วยยาง Pirelli P Zero Corsa ที่พัฒนามาสำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ เสริมด้วยระบบเบรกเซรามิก Ceramic Composite Brake (PCCB) ให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยไม่ต้องสั่งซื้อเพิ่ม


ภายในห้องโดยสารเพิ่มความโดดเด่นด้วยวัสดุ Alcantara บริเวณแผงคอนโซลและเบาะนั่ง พร้อมด้วยเบาะนั่งแบบสปอร์ตปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางคู่หน้า และเบาะนั่งด้านหลังแบบสปอร์ตเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ประดับด้วยสัญลักษณ์ “turbo GT” บริเวณพนักพิงศีรษะ เสริมด้วยพวงมาลัยที่มีมาร์กสีเหลืองบริเวณ 12 นาฬิกา และระบบอินโฟเทนเมนท์ Porsche Communication Management (PCM) 6.0 ใหม่ล่าสุด ที่สามารถรองรับการเชื่อมต่อ Android Auto ได้แล้ว


ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที จะเริ่มส่งมอบถึงมือลูกค้าชาวยุโรปตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้เป็นต้นไป


Adblock test (Why?)


เปิดตัว ปอร์เช่ คาเยนน์ เทอร์โบ จีที พกขุมพลัง 640 แรงม้า เร็วสุดในตระกูลคาเยนน์ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

รีวิว OnePlus Nord CE 5G ตัวแรงราคาดี มีชิปเกมมิ่ง พร้อมจอ 90Hz กล้อง 64MP และพลังชาร์จ 30W ในราคาพิเศษจาก dtac เริ่มเพียง 6,490 บาท - thaimobilecenter

Date : 30/06/2021

สมาร์ทโฟน Lite Flagship ตัวแรงราคาดี มีชิปเกมมิ่ง พร้อมจอ 90Hz Fluid AMOLED บวก 3 กล้อง 64MP และแบตพลังชาร์จ 30W ในราคาพิเศษจาก dtac เริ่มเพียง 6,490 บาท
 

30 มิถุนายน 2021 - ช่วงนี้กระแสสมาร์ทโฟน 5G ราคาราว 1 หมื่นบาทกำลังมาแรงเป็นพิเศษ เรียกว่ามีการเปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้ใช้งานที่มีงบประมาณไม่สูงมากนัก ล่าสุดทาง OnePlus ประเทศไทยได้เปิดตัวอีกหนึ่งรุ่น Lite Flagship จากตระกูล Nord Series อย่าง OnePlus Nord CE 5G ที่มาในสโลแกน "ประสบการณ์ที่ดีกว่า" เพื่อเกมเมอร์ตัวจริง ด้วยชิปตัวแรง รองรับ 5G แบตเตอรี่ชาร์จไว และกล้องความละเอียดสูง

ตัวอักษร CE ในชื่อรุ่นของ OnePlus Nord CE 5G นั้นย่อมาจากคำว่า Core Edition ที่หมายถึงแก่นที่สำคัญ ซึ่งมากับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 750G พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 619 ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการเล่นเกมที่ดีกว่าเดิม ทำงานร่วมกับ RAM ขนาดสูงสุด 12 GB อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบ 90Hz Fluid AMOLED Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ ที่มีค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hz ช่วยให้การเล่นเกม หรือใช้งานต่าง ๆ ลื่นไหลกว่าเดิม พร้อมรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+

OnePlus Nord CE 5G มีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ที่มาพร้อมระบบช่วยรักษาสุขภาพแบตเตอรี่ และมีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T Plus เวอร์ชันอัปเกรด ที่ช่วยย่นเวลาในการชาร์จได้เป็นอย่างดี โดยทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ซึ่งถูกครอบทับด้วย OxygenOS 11

อีกหนึ่งจุดเด่นของ OnePlus Nord CE 5G คือการถ่ายภาพ ด้วยกล้องหลัง 3 ตัว ประกอบด้วย กล้องหลักความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล โดยรอบรับฟังก์ชันการถ่ายภาพครบครัน ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพมุมกว้างสุด 119 องศา หรือการถ่ายภาพเวลากลางคืนในโหมด Nightscape และรองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K

จากข้อมูลในข้างต้นก็กล่าวได้ว่า OnePlus Nord CE 5G มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวเครื่องที่เรียบหรูดูดีมีความพรีเมียม, การประมวลผลที่รวดเร็วไหลลื่นทุกการใช้งาน, ฟีเจอร์ที่จัดมาให้แบบครบครัน และระบบการถ่ายภาพที่ดีกว่าเดิม กับราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเริ่มที่ xx,xxx บาท ส่วนการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ดีไซน์ตัวเครื่องจะสวยงามขนาดไหน และฟีเจอร์ที่มีอยู่จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเพียงใด ขอเชิญทุกท่านรับชมรีวิว OnePlus Nord CE 5G ไปพร้อมกันได้เลยค่ะ

รูปลักษณ์ภายนอกตัวเครื่อง และการออกแบบดีไซน์

OnePlus Nord CE 5G มากับแพ็กเกจสีดำแบบด้าน มีลวดลายแบบสะท้อนแสงคำว่า Nord และโลโก้ OnePlus

ภายในกล่องมีอุปกรณ์พื้นฐานมาให้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น อะแดปเตอร์ WarpCharge 30W (5V/6A), สายเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, เคส, สติกเกอร์โลโก้ Nord, เข็มสำหรับถอดถาดซิมการ์ด และคู่มือการใช้งาน

ภาพตัวอย่างการใส่เคสที่แถมมาในแพ็กเกจ

OnePlus Nord CE 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล 90Hz Fluid AMOLED Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 410 ppi) ในอัตราส่วน 20:9 พร้อมรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ บนตัวเครื่องขนาด 159.2x73.5x7.9 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 170 กรัม

โดยหน้าจอรองรับค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hz ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานต่าง ๆ โดยเฉพาะการเล่นเกมเป็นไปอย่างลื่นไหลกว่าที่เคย

และรองรับฟังก์ชัน Ambient Display ในการแสดงวันที่ เวลา และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ขณะล็อกหน้าจอ

ที่ด้านบนหน้าจอมีเพียงลำโพงสำหรับสนทนา และเซนเซอร์ต่าง ๆ สำหรับกล้องหน้าฝังอยู่บนจอ (In-Display Selfie) ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ด้วยเซนเซอร์ Sony IMX471 และรองรับระบบกันสั่นแบบ EIS

และมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor)

ด้านหน้าส่วนล่างใช้ปุ่มกดแบบ On-Screen ประกอบด้วย ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่ม Recent Apps

โดยเลือกใช้งานวิธีควบคุมแบบ Gestures ซึ่งเป็นการลาก และปัดบริเวณขอบหน้าจอเพื่อสั่งการได้

ที่ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัวที่สอง

ที่ด้านล่างประกอบด้วย ลำโพงเสียงตัวหลัก, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องเชื่อมต่อหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียง และถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Dual nano-SIM โดยไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD

สำหรับที่ด้านขวาตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง และล็อกหน้าจอ

OnePlus Nord CE 5G มีฝาหลังดีไซน์เงางาม ด้วยวัสดุแบบ AG Matte พร้อมคุณสมบัติลดการเกิดรอยนิ้วมือ โดยสีที่ทางทีมงานนำมารีวิวให้ได้ชมกันนั้นเป็นสีดำ (Charcoal Ink)

ที่ด้านหลังติดตั้งกล้องทั้งหมด 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย

- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียดระดับ 64 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน (64MP) หรือ 1.4 ไมครอน (4-in-1 Pixels 16MP), รูรับแสงขนาด f1.79, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.25 และมุมรับภาพ 119 องศา
- กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

พร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ PDAF+CAF, ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ EIS, โหมดถ่ายภาพกลางคืน Nightscape, โหมด UltraShot HDR, AI Beauty ปรับผิวให้เนียนสวย, ฟังก์ชัน Smart Scene Recognition และถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K (30 fps)

เปิดเครื่องใช้งาน พร้อมการทดสอบฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันต่าง ๆ

OnePlus Nord CE 5G ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย OxygenOS 11 เวอร์ชันใหม่ ที่มี User Interface แบบเรียบง่ายสบายตา พร้อมไอคอนดีไซน์สไตล์ minimal โดยเครื่องที่ได้มาทดสอบนี้เป็นรุ่นหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB พร้อมหน่วยความจำภายในตัวเครื่อง (ROM) แบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB (อีกรุ่นที่มีวางจำหน่ายพร้อมกันในไทยคือรุ่น RAM 12GB + ROM 256GB) แต่ไม่รองรับการใส่การ์ด microSD หรือแบบอื่น ๆ

และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด พร้อมรองรับการใช้งานบนเครือข่าย 4G แบบ Dual 4G LTE รวมถึงการใช้งานบนเครือข่าย 5G ที่ใช้งานได้ทันทีหลังแกะกล่อง

เมื่อลากจากขอบด้านบนของหน้าจอลงมาจะพบกับ Toggle Switch ปุ่มลัดสำหรับการเปิด-ปิดฟังก์ชันต่างๆ มากมาย เช่น การใช้งานอินเทอร์เน็ต, Bluetooth หรือการหมุนหน้าจออัตโนมัติ รวมถึง Notification Center แถบการแจ้งเตือนต่างๆ

โดยสามารถปรับตำแหน่งของคีย์ลัดต่าง ๆ ได้ตามที่ต้องการ

สามารถปรับค่าการแสดงผลต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ความสว่างอัตโนมัติ, การตั้งค่าพักหน้าจอ และการตั้งค่าขั้นสูง

โดยประกอบไปด้วย การแสดงผลสีของหน้าจอทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ Vivid, Natural และ Advance ที่สามารถปรับรูปแบบการแสดงสีสันได้เพิ่มเติมอีก 3 แบบ ได้แก่ AMOLED Wide Gamut, sRGB และ Display P3 รวมถึงอุณหภูมิของสี

เลือกใช้งานค่า Refresh Rate สูงสุดที่ระดับ 90Hz โดยจะช่วยให้การใช้งานต่างๆ โดยเฉพาะการเล่นเกมลื่นไหลกว่าเดิม

สำหรับ Refresh Rate เป็นค่าความเร็วในการเปลี่ยนภาพของหน้าจอแสดงผล กล่าวคืออัตราความเร็วในการเปลี่ยนภาพนิ่งที่เรียงต่อกันจนกลายมาเป็นภาพเคลื่อนไหว ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งค่า Refresh Rate มาก ก็จะทำให้การเปลี่ยนภาพของหน้าจอมีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้นไปด้วยนั่นเอง และโดยปกติแล้วหน้าจอสมาร์ทโฟนที่เราใช้งานกันจะมีค่า Refresh Rate อยู่ที่ประมาณ 60 Hz

รองรับการใช้งานแบบ Dark Mode ในการเปลี่ยนพื้นหลังเป็นสีดำ

พร้อมฟังก์ชัน Vision comfort และ Reading Mode ที่ช่วยให้ใช้งานได้สบายตายิ่งขึ้น

เลือกเปิด หรือปิดฟังก์ชัน Ambient Display ในการแสดงวันที่ เวลา และการแจ้งเตือนต่าง ๆ ขณะล็อกหน้าจอ

ผู้ใช้ OnePlus Nord CE 5G สามารถปรับรูปแบบการแสดงผลต่าง ๆ ในตัวเครื่องได้หลากหลายที่เมนู Customization ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ฟีเจอร์ Canvas ในการเปลี่ยนภาพถ่ายเป็นลายเส้นการ์ตูนในหน้า Lockscreen, การเปลี่ยนภาพพื้นหลัง, เลือกรูปแบบนาฬิกาในหน้า Ambient Display, รูปแบบ Animation การสแกนลายนิ้วมือ, ไฟวิ่งแจ้งเตือนที่ด้านข้างหน้าจอ, โทนสีเมนูต่าง ๆ ในเครื่อง, รูปแบบของไอคอน และรูปแบบ Font

OnePlus Nord CE 5G มาพร้อมฟังก์ชัน Dual-channel Network Acceleration ได้พร้อมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

และรองรับบริการชำระเงินผ่านระบบ NFC

สำหรับระบบรักษาความปลอดภัยบน OnePlus Nord CE 5G มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) โดยสามารถตั้งค่าการใช้งานเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับปลุกการทำงานของเครื่อง พร้อมทั้งสามารถเพิ่มลายนิ้วมือได้มากกว่า 1 ลายนิ้วมือ ซึ่งจากการทดสอบตัวเซนเซอร์ก็สามารถปลดล็อกหน้าจอได้รวดเร็วทันใจ

และการปลดล็อกด้วยใบหน้า (Facial Unlock) ที่สามารถปลดล็อกได้อย่างรวดเร็ว

ผู้ใช้สามารถเลือกการควบคุมด้วยปุ่ม Navigation Buttons หรือเลือกใช้งานการควบคุมแบบ Gestures ในการปัดหน้าจอจากด้านข้างลักษณะต่างๆ เพื่อสั่งการ

OnePlus Nord CE 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน พร้อมเปิดใช้งานในโหมดประหยัดพลังงานอย่าง Battery Saver ที่ช่วยจัดการพลังงานให้ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น

และรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูงแบบ Warp Charge 30T Plus (5V/6A) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0-70% ได้ในเวลา 30 นาที ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จได้เป็นอย่างดี

OnePlus Nord CE 5G รองรับฟีเจอร์ Parallel Apps สำหรับโคลนนิ่งแอปพลิเคชัน ซึ่งในเบื้องต้นนั้นสามารถโคลนนิ่งได้เฉพาะแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก เช่น Facebook, Line และ Instagram จึงทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินแอปพลิเคชันเหล่านี้ได้พร้อมกันถึง 2 แอคเคานท์

นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Split Screen ที่สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานสองแอปพลิเคชันได้พร้อม ๆ กัน

สำหรับเซนเซอร์ในเครื่อง OnePlus Nord CE 5G นั้นประกอบด้วย Accelerometer Sensor, Light Sensor, Orientation Sensor, Proximity Sensor, Gyroscope Sensor, Sound Sensor และ Magnetic Sensor

สามารถจับสัญญาณดาวเทียม GPS พร้อมรองรับระบบดาวเทียม GLONASS ของรัสเซีย โดยจากภาพตัวอย่างการทดสอบข้างต้นจะเห็นว่าสามารถจับสัญญาณดาวเทียมได้มีความแม่นยำ ในระดับบวกลบ 10 เมตร แต่อย่างไรก็ดีคุณภาพของสัญญาณดาวเทียม GPS ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ ที่กำลังใช้งานอยู่ หรือสภาพอากาศด้วยนั่นเอง

OnePlus Nord CE 5G มาพร้อมชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 750G บนเทคโนโลยีการผลิตระดับ 8nm แบบ 8-แกน (Octa-Core) ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงสุดที่ 2.2GHz พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 619 ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ มีหน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB, หน่วยความจำภายใน (ROM) มาตรฐาน UFS 2.1 ขนาด 128GB และทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ซึ่งถูกครอบทับด้วย User Interface แบบ OxygenOS 11

OnePlus Nord CE 5G มีผลทดสอบจากแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ที่ 387,652 คะแนน และผลทดสอบจาก Geekbench 5 ในด้านการประมวลผลแบบแกนเดี่ยว (Single-Core) ที่ 635 คะแนน และในด้านการประมวลผลหลายแกน (Multi-Core) ที่ 1,811 คะแนน

สำหรับการทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน 3D Mark แบบ OpenGL ES 3.1 ได้ผลการทดสอบที่ 2,759 คะแนน

OnePlus Nord CE 5G รองรับการสัมผัสได้พร้อมกันสูงสุด 10 จุด

และยังมาพร้อมกับฟีเจอร์สำหรับเกมเมอร์ตัวจริง อย่าง Pro Gaming Mode ที่ช่วยในเรื่องของภาพให้ออกมาสมจริง พร้อมเพิ่มอรรถรสเวลาเล่นเกม และสามารถบล็อกการแจ้งเตือน Pop-up ต่าง ๆ ขณะเล่นเกม รวมถึงการล็อกระดับความสว่างของหน้าจอได้

หากปิดโหมด Pro Gaming Mode มาเป็น Gaming Mode แบบปกติ ก็จะยังมีการแจ้งเตือนแบบ Pop-up โดยไม่ตัดเข้าหน้าจอการโทรแต่อย่างใด

ทดสอบการเล่นเกมที่มีกราฟิกแบบสามมิติอย่าง Marvel Future Fight, A3 : Still Alive, PUBG Mobile และ Cookie Run : Kingdom พร้อมเปิดการแสดงผลกราฟิกในระดับสูงสุด และเปิดค่าเฟรมเรทจะดับสูง (60fps) โดยแต่ละเกมมีการตั้งค่าดังนี้

*หมายเหตุ : ปรับการแสดงผลระดับสูงสุดเท่าที่ตัวเครื่องรองรับ

การตั้งค่าของเกม Marvel Future Fight

การตั้งค่าของเกม A3 : Still Alive

การตั้งค่าของเกม PUBG Mobile

การตั้งค่าของเกม Cookie Run : Kingdom

จากการทดสอบเล่นเกมบน OnePlus Nord CE 5G พบว่าตัวเครื่องสามารถแสดงผลได้อย่างไหลลื่น ด้วยหน้าจอที่มี Refresh Rate ระดับ 90Hz และมีการตอบสนองต่อการควบคุมฉับไว สามารถกดสลิกต่าง ๆ หรือเล็งศัตรูได้อย่างง่ายดาย ไม่พลาดทุกเหตุการณ์สำคัญ

Marvel Future Fight

A3 : Still Alive

PUBG Mobile

Cookie Run : Kingdom

อีกทั้งยังมีแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh จึงสามารถเล่นเกมได้ยแบบาว ๆ พร้อมรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T Plus จึงทำให้เล่นเกมได้ยาวนานต่อเนื่อง แต่ก็มีการสะสมความร้อนให้ได้เห็นบ้างเมื่อใช้งานเวลานาน หรือใช้งานขณะชาร์จ

OnePlus Nord CE 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลไร้ขอบแบบ 90Hz Fluid AMOLED Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้ว ในอัตราส่วน 20:9 คมชัดระดับ Full HD+ (1080x2400 พิกเซล : 108 ppi) จึงสามารถเปิดเล่นไฟล์วิดีโอความละเอียดระดับ Full HD 1080p ได้อย่างคมชัดเต็มอรรถรส และให้มุมมองที่กว้างเต็มตาเป็นพิเศษ

กล้องดิจิทัล การถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอ

OnePlus Nord CE 5G มาพร้อมกับชุดกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ซึ่งประกอบไปด้วย

- กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียดระดับ 64 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน (64MP) หรือ 1.4 ไมครอน (4-in-1 Pixels 16MP), รูรับแสงขนาด f1.79, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
- กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.25 และมุมรับภาพ 119 องศา
- กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

โดย Interface ของแอปพลิเคชันกล้องมีการดีไซน์เรียบหรู สบายตา และมีเมนูให้ได้เลือกใช้อย่างชัดเจน ซึ่งรองรับฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพมุมกว้างแบบ Ultra-Wide (0.6x) พร้อมฟังก์ชัน Smart Scene Recognition ในการตรวจจับซีนรูปแบบต่าง ๆ พร้อมปรับภาพให้สวยงามโดยอัตโนมัติ

รองรับการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอในโหมด Portrait โดยสามารถเปิดฟังก์ชัน AI Beauty เพื่อช่วยปรับให้ผิวแลดูเนียนสวยได้อีกด้วย

อีกหนึ่งจุดเด่นของ OnePlus Nord CE 5G ก็คือโหมดถ่ายภาพกลางคืนอย่าง Nightscape ด้วยเทคโนโลยีการรวมภาพ 8 ภาพที่มีระดับแสงแตกต่างกัน รวมออกมาเป็น 1 ภาพผลลัพธ์ จึงทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัด มีรายละเอียดต่าง ๆ ครบ อีกทั้งยังรองรับการถ่ายภาพในมุมกว้างพิเศษแบบ Ultra-Wide ในโหมดนี้ได้อีกด้วย

สำหรับการถ่ายวิดีโอบน OnePlus Nord CE 5G รองรับความคมชดสูงสุดที่ระดับ 4K UHD (30fps)

ด้านการถ่ายเซลฟี่ OnePlus Nord CE 5G ก็มีโหมดยอดนิยมอย่าง Portrait ในการถ่ายแบบหน้าชัดหลังเบลอให้ใช้ด้วยเช่นกัน โดยสามารถเลือกปรับระดับ AI Beauty สำหรับช่วยให้ใบหน้ามีผิวเนียนได้ทั้งหมด 3 ระดับ

ด้านการถ่ายวิดีโอก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยรองรับความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD 1080p ที่ 60fps เรียกได้ว่าเหมาะกับสายทำคอนเทนต์ ในการถ่าย Vlog เป็นอย่างดี

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ความละเอียดระดับ 64 + 8 + 2 ล้านพิกเซล ของ OnePlus Nord CE 5G

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายมุมกว้างแบบ Ultra-Wide

ภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิด AI Beauty

ตัวอย่างภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Nightscape

ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Nightscape มุมกว้างแบบ Ultra-Wide

ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Nightscape

ภาพถ่ายในเวลากลางคืนจากโหมด Nightscape มุมกว้างแบบ Ultra-Wide

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ของ OnePlus Nord CE 5G

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมดปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด AI Beauty ที่ระดับ 2

ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait พร้อมเปิด AI Beauty ที่ระดับ 2

สรุปผลการทดสอบของ OnePlus Nord CE 5G

จากที่มีโอกาสได้ใช้งาน OnePlus Nord CE 5G มาระยะหนึ่งก็พอจะสรุปได้ว่า OnePlus Nord CE 5G เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนสเปกแรงในราคาสบายกระเป๋า และเน้นการเล่นเกม หรือชมคอนเทนต์ต่าง ๆ บนมือถือ ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 750G พร้อมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 619 ที่มีประสิทธิภาพดีกว่ารุ่นก่อนหน้า 20% และ 10% ตามลำดับ โดยอัปเกรดให้รองรับการเล่นเกมได้ดีกว่าเดิม ประมวลภาพกราฟิกต่าง ๆ ได้ดีขึ้น จึงรองรับการเล่นเกมตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงเกมที่เน้นกราฟิกได้แบบไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G เพื่อประสบการณ์การใช้งานความเร็วในระดับกิกกะบิต (Gbps) ด้วยเช่นกัน

อีกทั้งยังมีหน้าจอแบบ 90Hz Fluid AMOLED Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้ว ที่ตอบโจทย์เกมเมอร์ด้วยค่า Refresh Rate ระดับสูงสุด 90Hz ที่ช่วยเพิ่มความลื่นไหล ไม่พลาดเหตุการณ์สำคัญ พร้อมความคมชัดระดับ Full HD+ และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+ จึงสามารถเล่นเกม หรือรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์ รวมถึงมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint) ที่ทำงานร่วมกับระบบสแกนใบหน้า บนตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 7.9 มิลลิเมตร พร้อมน้ำหนักเบาเพียง 170 กรัม จึงสามารถถือใช้งานได้อย่างคล่องตัว และไม่เมื่อยมือเมื่อถือใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน พร้อมฝาหลังที่ผลิตจากวัสดุแบบ AG Matte ที่มีความเงางาม กระทบกับแสงเป็นสีสันสะดุดตา และมีคุณสมบัติลดการเกิดรอยนิ้วมือ

นอกจากจะมีทั้งชิปตัวแรง กับหน้าจอลื่นแล้ว OnePlus Nord CE 5G ก็ยังมีอีกหนึ่งฟีเจอร์เด่นที่เหมาะกับเกมเมอร์ ซึ่งก็คือแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ที่มาพร้อมระบบรักษาสุขภาพแบตเตอรี่ จึงสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warp Charge 30T Plus (5V/6A) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากระดับ 0-70% ได้ในเวลา 30 นาที ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จได้เป็นอย่างดี

OnePlus Nord CE 5G ยังตอบโจทย์ด้านการถ่ายภาพ ด้วยชุดกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ที่มีกล้องหลัก (Main) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล พร้อมกล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ซึ่งมากับฟังก์ชันการถ่ายภาพครบครัน ได้แก่ โหมด Portrait สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, ฟังก์ชัน AI Beauty สำหรับปรับผิวให้เนียนสวย, โหมดถ่ายภาพกลางคืน NightScape, โหมด UltraShot HDR, AI Beauty สำหรับปรับผิวให้เนียนสวย, ฟังก์ชัน Smart Scene Recognition และถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K (30 fps) 

ส่วนทางด้านกล้องหน้ามีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ด้วยเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX471 พร้อมระบบกันสั่นแบบ EIS, เทคโนโลยี AI Beauty สำหรับปรับแต่งใบหน้าของตัวแบบให้มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ ผ่านการวิเคราะห์โดยปัญญาประดิษฐ์, โหมด Portrait และรองรับการถ่ายวิดีโอคมชัดสูงสุดที่ระดับ Full HD 1080p 60fps เรียกได้ว่าเหมาะกับสายทำคอนเทนท์ ในการถ่าย Vlog ด้วยเช่นกัน

โดยทั้งหมดนี้ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ถูกครอบทับด้วย OxygenOS 11 ซึ่งออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในปัจจุบัน ทั้งรูปแบบ UI/UX แบบมินิมอลเรียบง่ายสบายตา และฟีเจอร์ต่าง ๆ อีกทั้งยังการันตีการอัปเดตซอฟต์แวร์ 2 ปีเต็ม พร้อมการอัปเดตความปลอดภัย 3 ปีเต็มเทียบเท่ารุ่นเรือธง

สำหรับ OnePlus Nord CE 5G เปิดราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว เริ่มที่ 12,990 บาท ในรุ่น RAM 8GB + ROM 128 GB กับตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Charcoal Ink) และสีฟ้า (Blue Void) ส่วน OnePlus Nord CE 5G รุ่น RAM 12GB + ROM 256 GB มีราคาอยู่ที่ 15,990 บาท มีให้เลือกเฉพาะสีดำ (Charcoal Ink) โดยจะเริ่มวางจำหน่าย และเปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป

OnePlus Nord CE 5G เปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2564 ที่ AIS, DTAC, TrueMove H, COM7, Jaymart, TG FONE, OnePlus Experience Zone by TG Fone, Lazada, Shopee, Thisshop และ JD Central พร้อมลุ้นรับ Nintendo Switch + Ringfit 15 รางวัล ประกาศรางวัล ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 เวลา 18.00 น. ที่ FB OnePlus Thailand นอกจากนี้การสั่งจองในช่วงเวลาดังกล่าว ลูกค้าจะได้รับของสมนาคุณรวมมูลค่ากว่า 7,488 บาท ได้แก่

- บัตรประกันจอแตก มูลค่า 4,999 บาท
- กล่อง Gift Box มูลค่า 499 บาท
- รับฟรี หูฟัง OnePlus Buds Z มูลค่า 1,990 บาท (ของแถมมีจำนวนจำกัด)

*โปรโมชั่นเฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการเท่านั้น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

และสำหรับศูนย์บริการหลังการขาย ลูกค้าสามารถเข้าไปใช้บริการที่ศูนย์ร่วมกับ OPPO ทุกสาขาทั่วประเทศ

พิเศษ! เมื่อสั่งซื้อ OnePlus Nord CE 5G ผ่านเครือข่าย dtac สามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นเพียง 6,490 บาท พร้อมแพ็กเกจรายเดือน เริ่มต้น 699 บาท ตั้งแต่ 30 มิถุนายน - 6 กรกฏาคม 2564 นี้เท่านั้น (รายละเอียดเพิ่มเติม)

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณทาง OnePlus ประเทศไทย ที่ให้ความไว้วางใจส่งเครื่อง OnePlus Nord CE 5G มาให้ทางทีมงานได้ทำการรีวิวให้ท่านผู้อ่านได้รับชมกัน และขอขอบคุณสถานที่สวย ๆ ของร้านลาภปาก (Laappaak Dining room) สำหรับวันนี้ทางทีมงานต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่ในโอกาสหน้า สวัสดีค่ะ

จุดเด่นของ OnePlus Nord CE 5G

- ตัวเครื่องมีความโค้งมนบางเบา ด้วยความหนา 7.9 มิลลิเมตร กับน้ำหนัก 170 กรัม พร้อมครอบทับด้วยกระจกหน้าจอขอบนูนแบบ 2.5D และพื้นผิวด้านหลังแบบด้านที่มีคุณสมบัติป้องกันรอยนิ้วมือ
- มี 2 สีมาตรฐานให้เลือก (Blue Void และ Charcoal Ink)
- หน้าจอแสดงผล 90Hz Fluid AMOLED Punch-Hole Display ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล : 410 ppi) พร้อมอัตราการรีเฟรช (Refresh Rate) ที่ 90 Hz, อัตราส่วนแบบ 20:9, รองรับช่วงสีแบบ sRGB กับ Display P3 และรองรับการแสดงผลคอนเทนต์แบบ HDR10+
- เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบฝังใต้หน้าจอ (In-Display Fingerprint Sensor) พร้อมระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock)
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 750G ความเร็ว 2.2GHz
- หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) Adreno 619
- หน่วยความจำแรม (RAM) แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB หรือ 12GB
- หน่วยความจำภายใน (ROM) แบบ UFS 2.1 ขนาด 128GB หรือ 256GB
- แบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh พร้อมระบบชาร์จแบตเตอรี่ความเร็วสูงแบบ Warp Charge 30T Plus (5V/6A) ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ระดับ 0-70% ได้ภายในเวลา 30 นาที
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 พร้อมครอบทับด้วย OxygenOS 11
 

กล้องดิจิทัลด้านหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วย

> กล้องตัวหลัก (Main) ความละเอียดระดับ 64 ล้านพิกเซล พร้อมเม็ดพิกเซลขนาด 0.7 ไมครอน (64MP) หรือ 1.4 ไมครอน (4-in-1 Pixels 16MP), รูรับแสงขนาด f1.79, ทางยาวโฟกัส 26 มิลลิเมตร และโครงสร้างแบบ 6 ชิ้นเลนส์
> กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.25 และมุมรับภาพ 119 องศา
> กล้อง Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f2.4

- มาพร้อมระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบ Multi Autofocus (PDAF+CAF) และไฟแฟลชในตัว (LED Flash)
- ฟีเจอร์ Nightscape, UltraShot HDR, Portrait, Panorama, Pro Mode, Smart Scene Recogonition และ Filters
- รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K UHD (3840x2160 พิกเซล : 30 fps)
 

กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

พร้อมเซนเซอร์รับภาพ Sony IMX471 ขนาด 1/3.0 นิ้ว (เม็ดพิกเซลขนาด 1.0 ไมครอน), รูรับแสงขนาด f2.4, ระบบป้องกันการสั่นแบบ EIS และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 1080P FHD (1920x1080 พิกเซล : 60 fps)
 

- รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางระบบ 5G, 4G LTE, 3G WCDMA, EDGE, GPRS และ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac (2.4/5.0 GHz)
- เชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สายผ่านทาง Bluetooth 5.1 และ NFC
- รองรับการระบุตำแหน่งด้วยระบบดาวเทียม GPS, A-GPS, Glonass, Galileo, BeiDou และ NavIC
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (USB 2.0) พร้อมรองรับ OTG (USB On-the-Go)
- พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
- ฟังก์ชัน Parallel Apps สำหรับใช้งานแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลมีเดียได้พร้อมกัน 2 แอคเคานท์
- ลำโพงเสียงแบบ Super Linear Speaker พร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน (Noise Cancellation)
- ราคา 12,990 บาท (รุ่น RAM 8GB + ROM 128GB) กับ 15,990 บาท (รุ่น RAM 12GB+ROM 256GB) ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติโดยรวม

 

จุดที่อาจจะต้องพิจารณาเพิ่มเติมของ OnePlus Nord CE 5G

- ลำโพงเป็นแบบเดี่ยว
- ตัวเครื่องไม่มีคุณสมบัติของการป้องกันน้ำ หรือป้องกันฝุ่น
- ไม่รองรับการเพิ่มหน่วยความจำด้วยการ์ดแบบ microSD หรือแบบอื่น ๆ
- ตัวเครื่องมีการสะสมความร้อนเมื่อใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน
- กล้องถ่ายภาพไม่มีระบบป้องกันการสั่นด้วยฮาร์ดแวร์ หรือเลนส์

สรุปคุณสมบัติเครื่อง

ท่านสามารถตรวจสอบคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ OnePlus Nord CE 5G ได้โดยการคลิกที่ลิงก์ด้านล่างนี้

สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ OnePlus Nord CE 5G 8GB+128GB
สรุปคุณสมบัติ (สเปก) และราคา ของ OnePlus Nord CE 5G 12GB+256GB

 

โปรดทราบ

* โทรศัพท์มือถือที่ท่านเห็นในบทความรีวิวนี้เป็นเพียงเครื่องทดสอบจากทางผู้ผลิต เพราะฉะนั้นคุณสมบัติบางอย่างอาจมีความแตกต่างจากเครื่องที่วางจำหน่ายจริงบ้างไม่มากก็น้อย รวมถึงจุดด้อยบางประการที่พบในเครื่องทดสอบ อาจจะถูกแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นในเครื่องที่วางจำหน่ายจริง ดังนั้นหากท่านสนใจซื้อโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้ ควรตรวจสอบ หรือทดลองใช้งานสินค้าด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง *


วันที่ : 30/06/2021

Adblock test (Why?)


รีวิว OnePlus Nord CE 5G ตัวแรงราคาดี มีชิปเกมมิ่ง พร้อมจอ 90Hz กล้อง 64MP และพลังชาร์จ 30W ในราคาพิเศษจาก dtac เริ่มเพียง 6,490 บาท - thaimobilecenter
Read More

รีวิว Death Stranding Director's Cut เล่นบน iPad Pro M2 - iPhoneMod

ในที่สุดสาวก Apple อย่างเราก็ได้เล่นเกม Death Stranding เวอร์ชัน Director’s Cut บนอุปกรณ์ Apple กันแล้ว ใครอยากลองเล่นเข้าไปซื้อเกมใน App S...