เกม Wordle เล่นยังไง? ทำไมถึงเป็นกระแสในขณะนี้ - Siamphone

กระแสสังคมออนไลน์ในต่างประเทศ กำลังให้ความสนใจกับเกม Wordle พอสมควร ไม่พอแค่นั้นยังมีผู้เล่น Wordle เป็นหลักแสนหลักล้านต่อวันเลยทีเดียว ส่วนในประเทศไทยยังดูไม่ค่อยบูมเท่าไหร่ แต่ในอนาคตอาจมีผู้เล่นจากประเทศไทยเพิ่มขึ้นก็เป็นได้ โดยตอนนี้ในโลกออนไลน์หากเห็นใครคนแชร์ข้อความ Wordle xxx x/6 พร้อมสัญลักษณ์เป็นรูปสี่เหลี่ยม มีสีเทา สีเหลือง หรือสีเขียว สลับๆ กัน นั้นแสดงว่าเพื่อนคนนั้นได้เล่นเกม Wordle มาแล้ว

เกม Wordle คือเกมอะไร และมาจากไหน
เกม Wordle เป็นเกมปริศนาคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยต้องทายคำศัพท์ที่มี 5 ตัวอักษรเท่านั้น ซึ่งถูกคิดค้นโดย Josh Wardle นักพัฒนาซอฟต์แวร์ในย่าน Brooklyn นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเจ้าตัวเป็นคนชอบเล่น Crossword กับเพื่อนเป็นทุนเดิม จึงได้หาอะไรทำในช่วงล็อกดาวน์ จนออกมาเป็นเกม Wordle ที่ตัวเกมมีความคล้ายกับเกม Crossword และชื่อคล้ายกับนามสกุลของเขา ในช่วงแรก Josh Wardle ได้ส่งเกม Wordle ไปให้เพื่อนฝูง และครอบครัว จากนั้นเกมก็เริ่มถูกบอกกันปากต่อปาก จนแพร่หลายไปในโลกออนไลน์ ตอนนี้เกม Wordle ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และมีผู้เล่นรวมกันเป็นล้านคน ซึ่งจะเห็นได้ตามสังคมออนไลน์อย่าง Twitter

วิธีเล่นเกม Wordle
การเล่นเกม Wordle (ของ Josh Wardle) ต้องเข้าเล่นเกมบนเว็บเบราว์เซอร์ผ่านเว็บไซต์ https://www.powerlanguage.co.uk/wordle/ ไม่ต้องมีการสมัครบัญชี หรือใดๆ และไม่เสียค่าใช้จ่าย

เมื่อเข้าเว็บไซน์มาแล้วจะพบกับช่องตารางสี่เหลี่ยม 6x5 ซึ่งเป็นช่องให้ใส่คำศัพท์ แถวบนสุดคือช่องใส่คำตอบแรก และไล่ๆ ลงมาเป็นคำตอบ 2 ถึง 6 ตรงนี้แสดงว่าผู้เล่นจะสามารถใส่คำศัพท์ได้สูงสุด 6 คำศัพท์

เริ่มแรกต้องลองเดาว่าคำศัพท์ที่ถูกต้องคืออะไร ซึ่งต้องเป็นคำศัพท์ที่มี 5 ตัวอักษร และมีความหมาย (ไม่สามารถใส่มั่วๆ หรือลักไก่ใส่แต่สระ AEIOU) จากนั้นกด Enter ระบบจะทำการตรวจสอบ และให้เบาะแสมา 3 สีคือ

• สีเขียว = มีตัวอักษรนี้ในคำศัพท์ และตรงตำแหน่ง
• สีเหลือง = มีตัวอักษรนี้ในคำศัพท์ แต่ไม่ตรงตำแหน่ง
• สีเทา = ไม่มีตัวอักษรนี้ในคำศัพท์ และไม่ตรงตำแหน่ง

เมื่อใดเบาะแสแล้ว ก็ลองเดาๆ คำศัพท์ในบรรทัดต่อไปได้เลย ซึ่งสามารถหาคำตอบที่ถูกได้ 6 ครั้ง หากตอบผิดทั้ง 6 ครั้ง ก็ต้องรอเล่นใหม่ในวันถัดไป

ระบบเกม
ระบบเกมจะเป็นการเล่นแบบวันต่อวัน และมีการเปลี่ยนคำศัพท์ใหม่ในทุกๆ วัน หากตอบผิดครบ 6 คำศัพท์ ก็ต้องรอวันใหม่ และเป็นคำศัพท์ใหม่อีกด้วย (บ้านเราจะรีเซ็ตตอนเที่ยงคืน) ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นเสน่ห์ของเกม Wordle ก็ว่าได้ เพราะผู้เล่นต้องการจะแก้ตัวในวันถัดไป ทำให้ต้องเข้ามาเล่นอยู่วัน

เมื่อจบเกมแล้วก็จะมีหน้าต่าง Pop-Up เด้งขึ้น บอกสถิติการเล่น และมีปุ่มแชร์ให้กด Copy ทันที ซึ่งผู้เล่นสามารถนำไปแชร์บนโลกออนไลน์ เอาไว้ขิงเพื่อนๆ หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน (ตรงนี้แหละคือความสนุก และทำให้ Wordle เป็นกระแสในช่วงนี้)

ก็ถือว่า Wordle เป็นอีกเกมที่สนุกได้ใช้สมองในการค้นหาคำศัพท์ แถมเป็นการหาคำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ๆ ให้กับตัวเองด้วย ใครที่อยากลองเล่นเกม Wordle ก็สามารถเข้าไปได้ตามลิ้งก์ตรงนี้ได้เลย https://www.powerlanguage.co.uk/wordle/ อย่างไรก็ตามเกมแนว Wordle ไม่ได้มีให้เล่นเฉพาะที่นี่ที่เดียว เพราะยังมีให้เลือกเล่นอีกหลายที่ ซึ่งหาดาวน์โหลดได้ทั้ง App Store และ Play Store แต่จะเป็นนักพัฒนารายอื่นแทน

แหล่งที่มา : The Guardian , Tomsguide , Theverge

บทความที่เกี่ยวข้อง

Adblock test (Why?)

เกม Wordle เล่นยังไง? ทำไมถึงเป็นกระแสในขณะนี้ - Siamphone
Read More

เปิดราคา ASUS Expert Series คอมพิวเตอร์ตอบโจทย์ทุกรูปแบบธุรกิจและการใช้ชีวิตคุณในปี 2022 - Sanook

เอซุส (ประเทศไทย) จำกัด เดินเครื่องบุกตลาดโน้ตบุ๊กพรีเมียมกลุ่มคอมเมอร์เชียล นำเสนอโน้ตบุ๊กรุ่นล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนทำงานมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ASUS ExpertBook B3 Flip ตัวเครื่องกะทัดรัด ขนาด 13.3 นิ้ว พับได้ 360 องศา และปากกาสไตลัส, ASUS ExpertBook B5 OLED Series น้ำหนักเบาเริ่มต้นเพียง 1.2 กก. พกพาสะดวก พร้อมหน้าจอ ASUS OLED ให้สีสันสวยงาม

และ ASUS ExpertBook B7 Flip ที่มาพร้อมอัตราส่วนหน้าจอพิเศษ16:10 และฟีเจอร์พิเศษ ASUS Private View*  (สำหรับรุ่น Core i7) ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เป็นตัวเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การทำงานแต่ละคน

พร้อมเปิดตัวคอมพิวเตอร์ All-in-One ใหม่ ExpertCenter E5 AiO (E5202) และ ExpertCenter A5 AiO (A5402) ที่มาพร้อม ASUS VeriView* หรือหน้าจอที่สองติดตั้งบริเวณด้านหลังตัวเครื่อง  ออกแบบมาเพื่อการใช้งานบนโลกธุรกิจ

 

มร.ชาร์ลส์ ลิว ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กลุ่มโน้ตบุ๊กธุรกิจ บริษัท เอซุส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “หลายไตรมาสที่ผ่านมา เอซุสประสบความสำเร็จในด้านการนำผลิตภัณฑ์ที่ล้ำสมัย พร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาสู่ตลาดประเทศไทย ส่วนแบ่งทางการตลาดโน้ตบุ๊กสำหรับองค์กร (Commercial) เติบโตขึ้นมาอยู่ที่ 7% จากก้าวแรกเมื่อสองปีครึ่งที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี

แต่เรายังต้องการเพิ่มสัดส่วนการเติบโตของตลาดคอมเมอร์เชียลในไทย และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า พร้อมมุ่งมั่นที่จะลงทุนในประเทศไทยพร้อมนำเสนอบริการหลังการขายมาตรฐานระดับองค์กร เพื่อเป็นผู้นำตลาด ในฐานะเจ้าแห่งนวัตกรรมและเป็นที่ไว้วางใจในวงการไอที

เราจะมาเจาะลึกกันสั้นๆ ดีกว่า

ASUS ExpertBook B7 Flip (B7402F)

 

โน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอสัมผัส 14 นิ้ว FHD อัตราส่วนพิเศษ 16:10 เพิ่มเนื้อที่การทำงาน กางบานพับได้ 360 องศา พร้อมปากกา ASUS Pen ช่วยให้ทำงานสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระมากยิ่งขึ้น ทั้งในโหมดพับหน้าจอใช้งานเป็นแท๊ปเล็ต (Tablet Mode), การใช้งานทั่วไปแบบโน้ตบุ๊ก (Notebook Mode), ตั้งพับเป็นสามเหลี่ยม สำหรับดูหนังหรือเล่นเกมส์ (Tent Mode) หรือใช้งานแบบพลิกคีย์บอร์ดไปอยู่ด้านหลังจอ ใช้งานเพื่อความบันเทิง (Stand Mode)

พร้อมนำเสนอเทคโนโลยี NFC ที่ช่วยในการถ่ายโอนข้อมูลกับโทรศัพท์มือถือหรือแท็ปเล็ตและรองรับการจ่ายเงินแบบอิเล็กโทรนิกส์สำหรับองค์กร โดยเซ็นเซอร์ NFC จะติดตั้งอยู่บริเวณทัชแพด พร้อมแนะนำฟีเจอร์พิเศษ ‘ASUS Private View’ (สำหรับรุ่น Core i7) ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยอีกขั้นของการใช้งาน ปกป้องข้อมูลสำคัญจากบุคคลรอบข้าง พร้อมถนอมสายตาผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมไฟ LED บริเวณฝาเครื่อง แสดงสถานะการใช้งาน

 

โดยไฟจะสว่างเมื่อผู้ใช้งานติดการประชุมหรือเรียนออนไลน์ เพิ่มความเป็นส่วนตัวระหว่างการทำงานยิ่งขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนรอบข้าง AI Noise Canceling เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องเน้นการทำงานที่บ้านและทำงานทางไกลมากขึ้น โดยจะตัดเสียงรบกวนรอบข้างของผู้ใช้ ช่วยให้ปลายคู่สนทนาได้ยินเสียงชัดเจน พร้อมกับการลดเสียงรบกวนรอบข้างของคู่สนทนา ช่วยยกระดับประสบการณ์วีดีโอคอลให้ดียิ่งขึ้น

 

ExpertBook B7 Flip ยังขึ้นชื่อด้านความแข็งแรงทนทาน ผ่านการทดสอบ MIL-STD 810H US military standard ทั้งการตก กระแทก อุณหภูมิที่สูง และความชื้นกว่า ผู้ใช้สามารถอุ่นใจได้ว่า ExpertBook B7 Flip มีความทนทานต่อการใช้งานในแต่ละวัน

ExpertBook B7 Flip มาพร้อมโปรเซสเซอร์สูงสุด Intel® Core™ i7 พร้อมรองรับ RAM สูงสุด 32 GB, กราฟิก Intel® Iris Xᵉ เพื่อประสิทธิภาพที่รวดเร็วรอบด้าน และยังรองรับ PCle® SSD สูงสุด 2 TB จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ได้ พร้อม Intel WiFi 6 สำหรับการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ที่เร็วยิ่งขึ้น

สำหรับราคาของเครื่องมีดังนี้

• B7402FEA-L90347WS: 14" WQXGA Flip (2560 x 1600) 16:10 Anti-glare display / Intel® Core™ i5-1155G7 Processor 2.5 GHz / Intel® Iris Xᵉ Graphics / 16GB DDR4 SO-DIMM / 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD / NFC / Stylus / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included ราคา 40,900 บาท
• B7402FEA-LA0349WS: 14" WQXGA Flip (2560 x 1600) 16:10 Integrated privacy screen Anti-glare display / Intel® Core™ i7-1195G7 Processor 2.9 GHz / Intel® Iris Xᵉ Graphics / 16GB DDR4 SO-DIMM / 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD / NFC / Stylus / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included ราคา 49,900 บาท  (พร้อมจำหน่ายประมาณเดือนมีนาคม)
• B7402FEA-LA0350X: 14" WQXGA Flip (2560 x 1600) 16:10 Integrated privacy screen Anti-glare display / Intel® Core™ i7-1195G7 Processor 2.9 GHz  / Intel® Iris Xᵉ Graphics / 16GB DDR4 SO-DIMM / 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD / NFC / Stylus / Windows 11 Pro / 1-month trial for new Microsoft 365 customers ราคา 54,900 บาท (พร้อมจำหน่ายประมาณเดือนมีนาคม)

ASUS ExpertBook B5 OLED Series

 

วางจำหน่ายสองรุ่นด้วยกัน ได้แก่ ExpertBook B5 OLED (B5302C) โน้ตบุ๊กมาตรฐาน หน้าจอขนาด 13.3 นิ้ว กางได้ 180 องศา และรุ่น ExpertBook B5 Flip OLED (B5302F) หน้าจอสัมผัสขนาด 13.3 นิ้ว พับหน้าจอได้ 360 องศา ใช้งานได้สะดวกด้วยปากกาสไตลัสที่มาพร้อมกับเครื่อง รองรับแรงกดถึง 4096 ระดับ

ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผล FHD OLED ให้สีสันสดใส ภาพชัดสมจริง ด้วยขอบเขตสี DCI-P 3 100% หน้าจอยังมีการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนเพื่อการทำงานที่สบายตาแม้ในที่มีแสงจ้า ได้รับการรับรอง VESA Display HDR™ True Black สำหรับสีดำลึก และช่วงไดนามิกสีที่กว้างขึ้น และช่วยปกป้องสายตาจากแสงสีฟ้า ผ่านการรับรองจากสถาบันชั้นนำ TÜV Rheinland

 

พกพาได้สะดวก น้ำหนักเบาเริ่มต้นเพียง 1.2 กก. ใช้งานแบตเตอรี่ได้นานสูงสุด 14 ชั่วโมง รองรับ Dual-SSD RAID และผ่านมาตรฐานจาก Intel EVO พร้อมประสิทธิภาพการทำงานระดับสูงด้วยโปรเซสเซอร์สูงสุด 11th Gen Intel Core i7, กราฟิก Iris Xᵉ และ Intel WiFi 6 พร้อมอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ SSD 2 ตัว ให้ความจุสูงสุด 2 TB (Raid 0) รองรับเทคโนโลยี RAID เพื่อการทำงานที่เร็วยิ่งขึ้น

ผู้ใช้งานยังอุ่นใจกับการรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร ตั้งแต่เรื่องฮาร์ดแวร์ อาทิ ปุ่มเลื่อนเปิด – ปิดกล้อง, ระบบสแกนลายนิ้วมือที่ติดตั้งไว้บริเวณปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง, Trusted Platform Module 2.0 (TPM) การเข้ารหัสข้อมูลก่อนบันทึกลงพื้นที่จัดเก็บของเครื่อง และ Kensington Lock ช่องรองรับอุปกรณ์เสริม เพื่อป้องกันการโจรกรรมตัวเครื่อง ไปจนถึงเรื่องการรักษาความปลอดภัยข้อมูลตัวตน

 

นอกจากนี้ ExpertBook B5 OLED Series ยังผ่านมาตรฐานการทดสอบความทนทาน MIL-STD 810H US military พร้อมมอบประสบการณ์ใช้งานเหนือระดับแก่ผู้ใช้ด้วยเทคโนโลยี AI Noise Canceling ให้ประสบการณ์การวีดีโอคอลที่ดีที่สุด พร้อมด้วยไฟ LED แสดงสถานะการใช้งาน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวเมื่อต้องประชุมออนไลน์

สำหรับราคาของเครื่องมีดังนี้

• B5302FEA-LF0774WS: 3" OLED FHD Flip (1920 x 1080) 16:9 Anti-glare display / EVO Platform / Intel® Core™ i5-1135G7 Processor 2.4 GHz / Intel® Iris Xᵉ Graphics / 8G DDR4 on board / 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Stylus / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included ราคา 32,900 บาท
• B5302FEA-LF0775X: 3" OLED FHD Flip (1920 x 1080) 16:9 Anti-glare display / EVO Platform / Intel® Core™ i5-1135G7 Processor 2.4 GHz / Intel® Iris Xᵉ Graphics / 8G DDR4 on board / 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Stylus / Windows 11 Pro / 1-month trial for new Microsoft 365 customers ราคา 37,900 บาท
• B5302FEA-LF0776WS: 3" OLED FHD Flip (1920 x 1080) 16:9 Anti-glare display / EVO Platform / Intel® Core™ i7-1165G7 Processor 2.8 GHz / Intel® Iris Xᵉ Graphics / 16G DDR4 on board / 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Stylus / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included ราคา 39,900 บาท

ASUS ExpertBook B3 Flip (B3402F)

 

โน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว ตัวเครื่องพับได้ 360 องศา ทำงานได้หลากหลายสไตล์ มาพร้อมปากกาสไตลัส เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน ทั้งยังมีช่องเก็บปากกาในตัวเครื่อง หมดกังวลเรื่องการสูญหาย ชาร์จไฟได้รวดเร็ว เพียง 15 วินาที สามารถใช้งานปากกาสไตลัสได้นานกว่า 45 นาที

 

ExpertBook B3 Flip ยังรองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE (สำหรับรุ่น Core i7) เพิ่มความคล่องตัวในการทำงานทุกสถานที่ พร้อมด้วยการเชื่อมต่อ WiFi 6 เพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ ประชุมธุรกิจได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด มาพร้อมโปรเซสเซอร์สูงสุด Intel Core i7, กราฟิก Iris Xᵉ และหน่วยเก็บข้อมูลแบบ Dual SSD เพื่อการทำงานและจัดเก็บข้อมูลที่รวดเร็ว

ExpertBook B3 Flip ยังมาพร้อมกับความทนทาน ผ่านการทดสอบทางการทหาร, การรักษาความปลอดภัยระดับองค์กร และเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนรอบข้าง AI Noise Canceling เพื่อการประชุมวีดีโอคอลแบบมืออาชีพ

สำหรับราคาของเครื่องมีดังนี้

• B3402FEA-EC0544WS: 14" FHD Flip (1920 x 1080) 16:9 Glossy display / Intel® Core™ i3-1115G4 Processor 3.0 GHz / 4G DDR4 on board / 256GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Stylus /  Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included ราคา 26,900 บาท
• B3402FEA-EC0544WS: 14" FHD Flip (1920 x 1080) 16:9 Glossy display / Intel® Core™ i5-1135G7 Processor 2.4 GHz / Intel® Iris Xᵉ Graphics / 8G DDR4 on board / 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Stylus / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included ราคา 30,900 บาท
• B3402FEA-EC0961WS: 14" FHD Flip (1920 x 1080) 16:9 Glossy display / Intel® Core™ i7-1165G7 Processor 2.8 GHz / Intel® Iris Xᵉ Graphics / 8G DDR4 on board / 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / 4G LTE support / Stylus / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included ราคา 35,900 บาท

ASUS ExpertBook B3 Flip, ExpertBook B5 OLED Series และ ExpertBook B7 Flip วางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปในราคาเริ่มต้นที่ 26,900 บาท มาพร้อมโปรแกรมบริการหลังการขาย ASUS Exclusive Care ครอบคลุมการบริการซ่อมถึงที่ (on-site service) 3 ปี, ประกันระหว่างประเทศ 57 ประเทศทั่วโลก และประกันอุบัติเหตุ (Perfect Warranty) 1 ปีเต็ม Windows 11 Pro หรือ Windows 11 Home ล่าสุด  ที่มาพร้อม Microsoft Office Home and Student 2021 ติดตั้งพร้อมใช้งานตลอดอายุเครื่อง

ExpertCenter A5/ E5 AiO (A5402 / E5202)

 

ExpertCenter A5 AiO (A5402) เครื่องคอมพิวเตอร์ออลอินวัน ออกแบบมาสำหรับการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ ชูนวัตกรรมล่าสุดหน้าจอ ASUS VeriView* หรือหน้าจอที่สองติดตั้งบริเวณด้านหลังตัวเครื่อง เปิดประสบการณ์ใหม่ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ รองรับแอปพลิเคชั่นทางธุรกิจที่หลากหลาย อาทิ ธุรกิจโรงแรมที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องได้ทันทีเมื่อทำการเช็คอินห้องพัก

หรือแสดงรายการอาหารและเครื่องดื่มสำหรับร้านอาหาร ทั้งยังสามารถใช้เพื่อการโฆษณาโปรโมชั่น หรือข่าวสารต่างๆ แก่ลูกค้าได้โดยสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ExpertCenter A5 และ E5 AiO ยังมาพร้อมโปรเซสเซอร์สูงสุด 11th Gen Intel Core i5 มั่นใจทุกการใช้งาน พร้อมการเชื่อมต่อความเร็วสูง WiFi 6E เพื่อการทำงานแบบไร้สายที่รวดเร็วและการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพ, หน่วยความจำอัปเกรดได้สูงสุด 32 GB DDR4, 

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแบบ SSD อัปเกรดได้ สูงสุด 2TB พร้อมระบบความปลอดภัยและระบบรักษาความเป็นส่วนตัวมาตรฐานองค์กร อาทิ ชิป Trusted Platform Module (TPM) 2.0 ที่ติดตั้งมา ป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล พร้อมด้วยตัวล๊อก Kensington ปกป้องตัวเครื่องจากการโจรกรรม

 

ExpertCenter AiO พร้อมวางจำหน่ายสองรุ่น ได้แก่ ExpertCenter A5 AiO 24 (A5402) หน้าจอขนาด 23.8 นิ้ว และ ExpertCenter E5 AiO 22 (E5202) ขนาดหน้าจอ 21.5 นิ้ว ในราคาเริ่มต้นที่ 19,550 บาท มาพร้อมโปรแกรมบริการหลังการขาย ครอบคลุมการบริการซ่อมถึงที่ (on-site service) 3 ปี และประกันอุบัติเหตุ (Perfect Warranty) 1 ปีเต็ม Windows 11 Pro หรือ Windows 11 Home  ล่าสุด ที่มาพร้อม Microsoft Office Home and Student 2021 ติดตั้งพร้อมใช้งานตลอดอายุเครื่อง

สำหรับราคาของเครื่องมีดังนี้

• E5202WHAK-BA040M: 21.5" FHD (1920 x 1080) 16:9 / Intel® Core™ i3-11100B Processor 3.6Ghz/ Intel® HM570 Chipset / 4GB DDR4 SO-DIMM / 256GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Wired keyboard / Wired optical mouse ราคา 19,550 บาท
• E5202WHAK-BA056M: 21.5" FHD (1920 x 1080) 16:9 / Intel® Core™ i3-11100B Processor 3.6Ghz/ Intel® HM570 Chipset / 8GB DDR4 SO-DIMM / 256GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Wired keyboard / Wired optical mouse ราคา 20,825 บาท
• E5202WHAK-BA042M: 21.5" FHD (1920 x 1080) 16:9 / Intel® Core™ i5-11500B Processor 3.3Ghz/ Intel® HM570 Chipset / 8GB DDR4 SO-DIMM / 256GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Wired keyboard / Wired optical mouse ราคา 24,161 บาท
• A5402WHAK-BA013WS: 23.8" FHD (1920 x 1080) 16:9  / Intel® Core™ i5-11500B Processor 3.3Ghz/ Intel® HM570 Chipset / 16GB DDR4 SO-DIMM / 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included / Wired keyboard / Wired optical mouse ราคา 28,990 บาท
• A5402WHAT-BA003WS: 23.8" FHD (1920 x 1080) 16:9  Touch screen + VeriView / Intel® Core™ i5-11500B Processor 3.3Ghz/ Intel® HM570 Chipset / 16GB DDR4 SO-DIMM / 512GB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 SSD / Windows 11 Home / Office Home and Student 2021 included / Wired keyboard / Wired optical mouse ราคา 31,990 บาท

Adblock test (Why?)

เปิดราคา ASUS Expert Series คอมพิวเตอร์ตอบโจทย์ทุกรูปแบบธุรกิจและการใช้ชีวิตคุณในปี 2022 - Sanook
Read More

Apple แก้บั๊ก Core Animation ปลดล็อกอัตรารีเฟรช 120Hz ท... - Droidsans

Apple ได้ปล่อย iOS 15.4 เวอร์ชันเบตาสำหรับนักพัฒนาออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน นอกเหนือจากฟีเจอร์ปลดล็อกด้วย Face ID แบบไม่ต้องถอดหน้ากากอนามัยตามที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ ยังมีอัปเดตใหม่อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการที่หน้าจอ ProMotion ถูกปลดล็อกให้สามารถแสดงผลที่ 120Hz ได้ทุกแอปแล้ว

Apple ได้ใส่หน้าจอ ProMotion เข้ามาใน iPhone 13 Pro และ Pro Max แต่ทว่า จนถึงก่อนหน้านี้ไม่สามารถแสดงผล 120Hz ได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากข้อบกพร่องในส่วนของแอนิเมชันที่สร้างด้วย Core Animation แต่ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้วใน iOS 15.4 เบตา

Christian Selig ที่เป็นผู้พัฒนาแอป Apollo ได้ออกมายืนยันถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยเจ้าตัวได้รับแจ้งจาก Apple พร้อมบอกว่า ในอนาคตแอปจะแสดงผลเป็น 120Hz โดยอัตโนมัติบน iPhone รุ่นที่รองรับ (ตอนนี้มีเฉพาะ iPhone 13 Pro และ Pro Max)

Yay, got a little message from someone at Apple today that this is fixed in the iOS 15.4 betas and all apps automatically get 120 Hz animations on supported iPhones going forward, and just confirmed myself. (See attached, 1/120 = 8.33 ms) 🥳🥳🥳 https://t.co/EtZ9zkrM6S pic.twitter.com/04cl8uLb11

— Christian Selig (@ChristianSelig) January 27, 2022

ที่มา : MacRumors

Adblock test (Why?)

Apple แก้บั๊ก Core Animation ปลดล็อกอัตรารีเฟรช 120Hz ท... - Droidsans
Read More

"Moo Monster" เกม NFT ฝีมือคนไทย เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว! - ผู้จัดการออนไลน์

เปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับกับเกมมือถือแนว NFT ฝีมือคนไทย "Moo Monster" (หมูมอนสเตอร์) เกมแนว Play-to-Earn จากทีมพัฒนา Astra Studio เปิดให้บริการ Open Beta เต็มรูปแบบแล้วทั้งในระบบ iOS และ Android

"Moo Monster" เป็นเกมแนว Play-to-Earn ที่ผู้เล่นจะได้ผจญภัยในโลกของ Mooniverse ร่วมกับเหล่ามอนสเตอร์หมูสุดน่ารัก โดยต้องสร้างทีมเพื่อเอาชนะศัตรูและอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีลักษณะแพ้ทางซึ่งกันและกัน ผู้เล่นจะต้องหาจุดอ่อนและหมั่นเก็บเลเวล เพื่อนำมาพัฒนาตัวละครให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ตัวเกมยังมีฟีเจอร์ให้เล่นมากมายทั้ง PVE, PVP, Farming และ Metaverse สามารถเริ่มต้นเล่นได้ฟรี

กิจกรรมต้อนรับการเปิด Open Beta เพียงเข้าเล่นเกม MooMonster วันนี้ รับฟรีไอเทม MOO x2 จำนวน 2 ชิ้นต่อ Wallet และปรับเพิ่มอัตราการดรอปไข่เพิ่มขึ้น 1.2 เท่า พิเศษ! ลุ้นรับ Token Drop จากด่านที่ 4 - 8 รวมรางวัลมูลค่ากว่า 20,000$ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3L7Bxom (ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนในแต่ละครั้ง)

"Moo Monster" เปิดให้บริการแล้วทั้งในระบบ iOS และ Android ดูวิธีตั้งค่า Wallet ได้ที่ https://bit.ly/32JxhKe ติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดได้ทาง https://moo-monster.com และแฟนเพจ Moo Monster

*ทีมงานผู้จัดการเกม เรียนเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมเป็นแฟนเพจ ManagerGame ทางเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มช่องทางการรับข่าวสารวงการเกมครับ*

Adblock test (Why?)

"Moo Monster" เกม NFT ฝีมือคนไทย เปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว! - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Apple แก้บั๊ก Core Animation ปลดล็อกอัตรารีเฟรช 120Hz ท... - Droidsans

Apple ได้ปล่อย iOS 15.4 เวอร์ชันเบตาสำหรับนักพัฒนาออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อน นอกเหนือจากฟีเจอร์ปลดล็อกด้วย Face ID แบบไม่ต้องถอดหน้ากากอนามัยตามที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ ยังมีอัปเดตใหม่อีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการที่หน้าจอ ProMotion ถูกปลดล็อกให้สามารถแสดงผลที่ 120Hz ได้ทุกแอปแล้ว

Apple ได้ใส่หน้าจอ ProMotion เข้ามาใน iPhone 13 Pro และ Pro Max แต่ทว่า จนถึงก่อนหน้านี้ไม่สามารถแสดงผล 120Hz ได้อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากข้อบกพร่องในส่วนของแอนิเมชันที่สร้างด้วย Core Animation แต่ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้วใน iOS 15.4 เบตา

Christian Selig ที่เป็นผู้พัฒนาแอป Apollo ได้ออกมายืนยันถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยเจ้าตัวได้รับแจ้งจาก Apple พร้อมบอกว่า ในอนาคตแอปจะแสดงผลเป็น 120Hz โดยอัตโนมัติบน iPhone รุ่นที่รองรับ (ตอนนี้มีเฉพาะ iPhone 13 Pro และ Pro Max)

Yay, got a little message from someone at Apple today that this is fixed in the iOS 15.4 betas and all apps automatically get 120 Hz animations on supported iPhones going forward, and just confirmed myself. (See attached, 1/120 = 8.33 ms) 🥳🥳🥳 https://t.co/EtZ9zkrM6S pic.twitter.com/04cl8uLb11

— Christian Selig (@ChristianSelig) January 27, 2022

ที่มา : MacRumors

Adblock test (Why?)

Apple แก้บั๊ก Core Animation ปลดล็อกอัตรารีเฟรช 120Hz ท... - Droidsans
Read More

รีวิว "HUAWEI P50 Pro" สมาร์ทโฟนกล้องดีไซน์แบบ Dual-Matrix สบายตาด้วยรีเฟรชหน้าจอ 120 Hz - Sanook

กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง ในรอบนี้ทีมได้รับมือถือเรือธงจากทาง Huawei อีกรุ่นอย่าง Huawei P50 Pro เรือธงที่มาพร้อมกับกล้องดีจนเป็นตำนาน มาดูกันว่ามือถือใหม่นี้จะมีกล้องดีจริงหรือไม่และถ่ายภาพได้สวยจบหรือไม่และมันใช้งานดีแค่ไหน

หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) ประกาศเปิดตัว HUAWEI P50 Pro ที่กลับมาทวงบัลลังก์สมาร์ทโฟนแห่งการถ่ายภาพระดับตำนาน พร้อมการสานต่อความร่วมมือกับ Leica เปิดการเดินทางบทใหม่ของกล้องสมาร์ทโฟน สุนทรียะแห่งดีไซน์ และประสบการณ์รอบด้าน พร้อม HUAWEI P50 Pocket สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่ล่าสุดที่เป็นอีกก้าวสำคัญของการผสานความงามและเทคโนโลยี

รายละเอียดสเปกของ Huawei P50 Pro

• หน้าจอ OLED พิกเซล ขนาด 6.4 นิ้วความละเอียดระดับ FHD+ (2400x1080 พิกเซล) พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz  
• ขนาดตัวเครื่อง 158.8 x 72.8 x 8.5 มม. 
• น้ำหนัก 195 กรัม 
• ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888 4G
• กราฟิก : Adreno 660
• หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB 
• หน่วยความจำภายในความจุ 128GB
• หน่วยความจำภายนอก Nano Memory
• การเชื่อมต่อ WiFi 802.11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, 4G 
• ลำโพง Stereo ทั้งบนและล่าง 
• กล้องหน้า 1 ตัวความละเอียด 13 ล้านพิกเซล 
• กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวประกอบด้วย 
  • ตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล PDAF, Laser Focus + OIS
  • กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล Telephoto แบบ Periscope พร้อมกับ OIS, PDAF ซูมได้ที่ระยะ 3.5 เท่า
  • กล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 13 ล้านพิกเซลมุมกว้าง 13 มิลลิเมตร
  • กล้องตัวที่ 4 ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล แบบขาวดำ
  • LED Flash  
  • รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30/60 FPS, FHD 30/60 FPS, HD, Super Slowmotion (เฉพาะกล้องหลัง), Timelapse, Dual Recording บันทึกภาพได้ 2 กล้องหน้าหลัง

• ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP68 
• ระบบปลดล็อค Face Recognition + Optical Finger Print
• แบตเตอรี่ความจุ 4360 mAh 
• รองรับ Super Charge 66W (แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย Qi กำลัง 50W
• ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 มาพร้อมกับ EMUI 12 ไม่มี Google Mobile Service
• สี ทอง และ ดำ

เปิดกล่อง Huawei P50 Pro

• Huawei P50 Pro 
• สายชาร์จไฟ USB-C to USB-A รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว
• ที่ชาร์จกำลัง 66W
• คู่มือ
• เคสใส

สัมผัสแรกกับเรื่องของ Design – การออกแบบ ของ HUAWEI P50 Pro

เกริ่นกันมาขนาดนี้แล้วเรามาเปิดกล่อง กันดีกว่าครับ HUAWEI P50 Pro มาพร้อมหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 6.6 นิ้ว ขอบโค้งมนแบบ 3D หน้าจอใช้งานลื่นไหลและรวดเร็วทันใจด้วยค่า Refresh Rate ที่สูงถึง 120Hz และค่า Touch Sampling Rate 300 Hz รองรับการแสดงผล 1.07 พันล้านสี ทำให้เราได้รับประสบการณ์รับชมที่ไหลลื่น

• ความแม่นยำสีระดับมืออาชีพ หน้าจอแสดงสีอย่างมีชีวิตชีวา ให้ขอบเขตสีระดับ P3 และมากถึง 1.07 พันล้านสีเพื่อการแสดงเม็ดสีอย่างสม่ำเสมอจากหน้าจอสู่สายตา
• ความราบรื่นที่เพลิดเพลิน อัตรารีเฟรชหน้าจอ 120 Hz และอัตราตอบสนองการสัมผัสหน้าจอ 300 Hz มอบประสบการณ์รับชมราบรื่น ตอบสนองรวดเร็ว
• ความปลอดภัยต่อดวงตา อัตราเฟรม 1440 Hz PMW Dimming Control ช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของสายตา แม้ในสภาวะแสงน้อยคุณก็สามารถรื่นรมย์กับประสบการณ์รับชมที่สบายตาได้อย่างคมชัด

ขนาดตัวเครื่อง 158.8 x 72.8 x 8.5 มม. และมีน้ำหนักเบาเพียง 195 กรัม และทำให้ยามใช้งานรู้สึกได้ว่าเบาจับกระชับมือ

 

ส่วนบนของหน้าจอจะมีกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมกับเซนเซอร์ที่ฝั่งซ่อนไว้ในจอ และลำโพงสำหรับฟังเสียงสนทนาจะอยู่ที่เส้นขอบสีดำ

ส่วนล่างของหน้าจอนั้นจะมีปุ่มกดตามสไตล์มือถือระบบปฏิบัติการ Android และสามารถเปลี่ยนเป็นแบบ ปัดสัมผัสหรือกดก็ได้

รอบตัวเครื่องออกแบบให้มนรับกับมือได้อย่าง เท่ากับกระจกด้านหน้าและด้านหลัง ออกแบบให้โค้งรับกับมือได้ดี และไม่ได้มีองศาต่างจาก Huawei P40 Pro ที่เปิดตัวในปีที่แล้วด้วยครับ ประกอบด้วยฝั่งซ้ายไม่มีปุ่มอะไร

ฝั่งขวาจะมีปุ่มสำหรับปรับระดับเสียงและปุ่ม Power ไว้่ปิด / เปิด หรือสั่งงาน Restart หากจะ Caputre หน้าจอนอกจากปัดที่หน้าด้วย 3 นิ้ว ยังสามารถกดปุ่ม Power และ ลดเสียงได้ด้วย

ด้านบนจะมีไมโครโฟนทั้งหมด 2 ตัววางข้างทำให้เสียงที่ได้ออกมาเก็บรายละเอียดดีมาก พร้อมกับ IR Blaster สั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ และยังมีลำโพงตัวที่ 2 ติดตั้งให้ด้านบนอีกด้วย

ด้านล่างมีช่องใส่ซิมการ์ด 2 ช่องพลิกบนล่าง และยังรองรับการเพิ่มความจำผ่าน NM Card (Nano Memory) และมีไมโครโฟนหลัก, USB-C และ ลำโพงของตัวเครื่องมาให้ด้วย

ด้านหลังของเครื่อง จะมีกล้องติดตั้งในรูปแบบของ Dual Matrix Camera แบ่งออกเป็นกล้อง 2 ช่วงที่ทำให้ดูแตกต่างจากมือถือที่จำหน่ายในเวลานี้ และมีโลโก้ Huawei, Leica และด้านล่างนี้ยังรองรับระบบชาร์จไฟไร้สายและปล่อยไฟออกได้ด้วย เท่าดที่ดูนั้นผู้ชายถือก็เท่ห์ ผู้หญิงถือก็ดูแพง

สำหรับในรอบนี้เราได้ตัวเครื่องสีทอง Cocoa Gold มาทดสอบกัน ซึ่งในรุ่นนี้บอกจากแล้วยังมีสี Cocoa Gold และเขายังมีดำ Golden Black เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับทุกคน

การน้ำหรือไม่(กันละอองน้ำก็วางใจได้)

Huawei P50 Pro ออกแบบตัวเครื่องให้ผ่านมาตรฐาน IP68 ลงน้ำได้ 1 เมตร 30 เซนติเมตรได้นาน 30 นาที แต่ไม่แนะนำให้ลงน้ำทะเล แต่ถ้าจำเป็นสามารถโดนน้ำได้แต่ต่องทำความสะอาดอย่างถูกต้องจะดีที่สุด

การแสดงผล / ระบบเสียง

สำหรับหน้าจอของ Huawei P50 Pro มีจุดเด่นในเรื่องของการแสดงผลสีสันที่คมชัดเพราะเป็นจอ OLED พร้อมกับค่า Refresh Rate 120 Hz และนอกจากนี้ยังมีความโค้งทำให้หน้าจอที่มีขนาดใหญ่ดูเล็กและถือได้ง่าย

ส่วนระบบเสียงนั้นให้ลำโพงคู่ทั้งด้านบนและล่างออกมา โดยมีจุดเด่นในเรื่องการแสดงผลระบบเสียงที่คมชัดพร้อมกับ Huawei Histen ที่สามารถปรับรูปแบบของเสียงได้ทำให้เหมาะกับการดูหนังและฟังเพลงอีกด้วย

เปิดเครื่องเพื่อทดลองใช้งานรวมไปถึงฟังก์ชัน และแอปพลิเคชันพื้นฐานต่าง ๆ เริ่มกันที่หน้า Home

ภายในระบบปฏิบัติการของ P Huawei P50 Pro ยังคงได้ MIUI 12 เหมือนกับมือถือรุ่นอื่นที่อยู่ในเครือเดียวกัน จุดเด่นของระบบปฏิบัติการนี้คือความเสถียร และยังออกแบบการตกแต่ง UI ที่ครบครันเลยครับ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือครบแถมยังสามารถ ดาวน์โหลดเพิ่มผ่านทาง Google Play Store ด้วยครับ

 

ในระบบปฏิบัติการมาพร้อมกับ HUAWEI P50 Pro จะมาพร้อมกับ EMUI 12 ใหม่ล่าสุด ยังคงออกแบบให้สามารถทำงานได้รวดเร็ว รองรับการทำงานแบบ Muti Window ทั้งหมด 3 รูปแบบทั้งการแบ่งครึ่งหน้าจอ (ปัดข้างซ้ายหรือขวา ค้างไว้ แล้วลากโปรแกรมวางไว้บนหรือล่างจากที่เปิดก่อนหน้านี้) แตะตรงกลางเป็นหน้าจอแบบ Popup และเลือกใช้หน้าจอเต็ม 

ลูกเล่นของ HUAWEI P50 Pro มาครบครันเช่นเครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, และอื่นๆ ที่สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ 

ส่วนระบบปลอดภัย และการเข้าถึงเครื่องสามารถใช้ทั้งระบบสแกนลายนิ้วมือ ทางด้านในหน้าจอ และ สแกนใบหน้าที่สามารถเปิดหน้าจอก็สามารถใช้ได้ทันที  

HUAWEI AppGallery 

หลายคนกังวลนั้นก็คือการใช้งานแอปพลิเคชันในต่างๆ ใน HUAWEI อย่างที่บอกไปครับแม้ว่า HUAWEI จะไม่มี Google และไม่มี แอปพลิเคชันใน Google Play มันก็ไม่มีปัญหาเพราะทางหัวเว่ยเองเขามี HUAWEI AppGallery ทำงานในลักษณะเดียวกับแอปฯ สโตร์อื่น ๆ 

มีแอปพลิเคชั่นมากมายรองรับและให้ดาวน์โหลด เช่น Microsoft Office, Agoda, Joox, KPlus, SCB TikTok, Lazada, LINE, Twitter Facebook และอื่น ๆ ที่เราต้องใช้งานพื้นฐานเพียบ 

ในส่วนของแอปพลิเคชั่นเอนเตอร์เทนเมนต์เขาก็มีมาให้ครบไม่ว่าจะช้อปปิ้งคลายเครียดหลังเสร็จงานก็ทำได้ผ่านแอปพลิเคชั่น ช้อปยอดฮิต Shopee Lazada และ JD Central หรือหากอยากเสพย์คอนเทนต์ ดูหนัง ฟังเพลง ก็จัดไปให้หนำใจผ่าน Line TV, VIU, WeTV, HUAWEI VDO และ Monomax ส่วนสาย creator ก็ยิ่งถูกใจด้วยแอปพลิเคชั่น ตัดต่อวิดีโอดีๆ อย่าง FilmoraGo HD  บอกเลยทำงานได้รวดเร็ว ฉับไว ได้คุณภาพ ก็ต้องมีแอปพลิเคชั่นเพื่อการทำงานดีๆ อยู่ในมือ อย่างแอปพลิเคชั่น WPS Noteself และ HUAWEI Notepad งานเอกสารแนวไหนก็เอาอยู่ 

แต่เราสามารถดาวน์โหลด Microsoft Office ได้ผ่าน Huawei AppGallery เช่นเดียวกัน แน่นอนครับว่าสำหรับใครที่กังวลเรื่องแอปพลิเคชันที่คิดว่าไม่สามารถใช้งานได้ใน HUAWEI เราขอบอกว่าหากคุณเปิดใจแล้วมันไม่ใช่ปัญหาหลัก เพราะแอปพลิเคชันใน HUAWEI AppGallery ยังคงมีเพิ่มมากขึ้นในทุกวันและมีการอัปเดตใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเสมออย่างต่อเนื่องเช่นกันครับ แอปพลิเคชันพื้นฐานที่เราจำเป็นต้องใช้ทางหัวเว่ยก็จัดมาให้แล้วบางส่วน แต่ถ้าหาไม่พอเราก็สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้ครับ 

 อยากใช้งานบริการของ Google ต้องทำอย่างไร 

และสำหรับคนที่ไม่สามารถหลีกการใช้งานบริการของ Google ได้นั้น HUAWEI P50 Pro ก็สามารถใช้บริการ Google ผ่านทางเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการรับชม YouTube, Gmail, Maps ดูข้อมูลได้, ค้นหาด้วย Google และ เข้าสู่ระบบ Google Drive ได้ 

ประสิทธิภาพของเครื่อง / การเล่นเกม

Huawei P50 Pro เป็นอีกมือถือเรือธงที่มาพร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 888 มาพร้อมกับความสามารถเยอะและความแรงของเครื่องไม่เบาเลยครับ โดยคะแนนทดสอบประสิทธิภาพมีดังนี้

AnTuTu V.9.2.7 = 606,576 คะแนน

 

Geekbench 5 = 698 คะแนน (Single Core) | 2235 คะแนน (Multi Core)

 

คะแนนประสิทธิภาพจาก 3DMark 

 

การทดสอบ Multi Touch รองรับ 10 จุด

 

คะแนนที่ออกมานั้นต้องยอมรับว่า อาจจะไม่ได้เท่ากับ P50 Pro ที่ก่อนหน้านี้ แต่ว่ามันก็ไม่ได้แย่สักทีเดียวครับ ส่วนการเล่นเกมของมือถือรุ่นนี้รองรับหลายเกมสามารถดาวน์โหลดผ่านทาง HUAWEI AppGallery ที่ครบเครื่องไม่แพ้ระบบปฏิบัติการอื่นๆ ส่วนลูกเล่นของการเล่นเกมมือถือรุ่นนี้ ก็สามารถปิดการแจ้งเตือน, ตั้งอัดหน้าจอจากการปัดที่ฝั่งลงมาได้ โดยช่วยให้เครื่องตอบสนองการเล่นเกมได้กำลังดี ซึ่งจากที่ได้ทดลองเกมอย่าง Asphalt 9 Legend ให้แสดงผลหน้าจอลื่นระดับ 60 FPS ได้เลยครับ 

 

ส่วนการเชื่อมต่อของ Huawei P50 Pro นั้นรองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth เวอร์ชั่น 5.2 และยังรองรับ GPS, A-GPS นำทางได้สบายๆ ส่วนการเชื่อมต่อเครือข่ายรองรับ 4G LTE เท่านั้น

เปิดกล้องลองถ่ายภาพ HUAWEI P50 Pro

HUAWEI P50 Pro มอบประสบการณ์ภาพถ่ายที่สมจริง ด้วยเทคโนโลยี XD Optics ยกระดับความสามารถในการถ่ายภาพที่คมชัดให้กับสมาร์ทโฟน ในขณะที่กลไกการทำงานของ HUAWEI XD Fusion Pro Image Engine ก็ช่วยปรับรายละเอียดของภาพให้ดียิ่งขึ้น กล้องหลักจะช่วยบันทึกภาพที่ให้สีสันที่เป็นธรรมชาติ และกล้องเทเลโฟโต้จะช่วยจับความคมชัดของภาพไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะมุมกว้างหรือมุมแคบ

สำหรับ Huawei P50 Pro ถือว่าเป็นมือถือที่จัดว่ากล้องเด็ดมาก โดยการออกแบบด้วยแนวคิด Dual Matrix Camera ที่ประกอบด้วยกล้องทั้งหมด 4 ได้แก่

• กล้องหลัก 50ล้านพิกเซล True-Chroma Camera (Color) พร้อมเซ็นเซอร์ multi-spectrum colour temperature sensor 10 ระดับ รับแสงได้มากกว่า HUAWEI P40 Pro ถึง 103% เก็บภาพคมชัด ด้วย Super High-res Image Processing Engine ช่วยให้ได้ภาพถ่ายที่สว่างขึ้น คมชัดขึ้น
• กล้อง 40ล้านพิกเซล True-Chroma Camera (Monochrome) เข้ามาช่วยเก็บรายละเอียดภาพจากกล้องหลักให้ครบสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
• กล้อง 64ล้านพิกเซล Telephoto Camera SuperZoom ถ่ายภาพ Telephoto กับระยะซูมเข้าออกกว้าง 200 เท่า (-0.5x ถึง 100x) ที่มาพร้อมกับระบบกันสั่นแบบ OIS ควบคู่กับเทคโนโลยีกันสั่นอัจฉริยะแบบ AIS เก็บทุกความเคลื่อนไหวได้คมชัดยิ่งขึ้น
• กล้อง 13MP Ultra-Wide Angle Camera พร้อมเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง ที่เก็บภาพได้ 120 องศา พร้อมการถ่ายภาพระยะใกล้เลนส์มาโครระยะห่างจากวัตถุแค่ 5 ซม.

กล้องหลักทั้ง 4 ตัวนี้ยังทำงานร่วมกับนวัตกรรมอย่างเทคโนโลยี HUAWEI XD Optics ที่คอยช่วยแก้ไขจุดผิดพลาดและสร้างรายละเอียดสุดเนี้ยบขึ้นใหม่ได้ รวมถึงเทคโนโลยี XD Fusion Pro Image Engine ที่เข้ามายกระดับการเก็บรายละเอียด สี และขอบเขตรายละเอียดของภาพ พร้อมกันนั้นยังมีนวัตกรรม True-Chroma Image Engine ที่ช่วยให้ได้สีที่แม่นยำเท่าที่จะเป็นไปได้ เรียกได้ว่าภาพถ่ายที่ออกมานั้นแทบจะสะท้อนสิ่งที่เห็นได้ด้วยตามนุษย์

ฟีเจอร์ของกล้องถ่ายภาพ

 

สำหรับลูกเล่นของกล้อง HUAWEI P50 Pro ถือว่า ครบตามแบบของมือถือ HUAWEI ที่เน้นฟีเจอร์ครบทั้ง การถ่ายภาพและวิดีโอ เช่น การถ่ายภาพ Pro Mode ปรับแต่งภาพด้วย, การถ่ายภาพนิ่งที่รองรับ Master AI ปรับรูปแบบของภาพได้ และมี การละลายหลังทั้งบุคคลและถ่ายสิ่งของก็ได้ และถ่ายภาพ Monochrome (ขาวดำ) เป็นต้น 

ส่วนการถ่ายวิดีโอนั้นจะมีฟีเจอร์ทั้ง Story Creator มีรูปแบบสำเร็จให้เลือกใช้งาน, Dual-View การถ่ายภาพแบบวิดีโอทั้งหน้าและหลัง, Slowmotion ได้แบบ 960 FPS, Timelapse และรวมไปถึงการระบบโฟกัสถือว่านิ่งมาก

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องด้านหลังในสภาวะแสงต่าง ๆ

 

ลองเล่นโหมด Macro การถ่ายภาพระยะใกล้ๆ

ทดสอบใช้งานโหมด Portrait ถ่ายบุคคลอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยในรุ่นนี้ส่วนของกล้องถ่ายบุคคลด้านหลังที่ได้รับการอัปเกรดเพื่อให้ทุกเฟรมมอบสีสันสวยงามและคืนความสว่างไสวให้กับผิวคุณ

ต่อกันที่ โหมด Mono (ขาว-ดำ) ซึ่งในกล้องหลังของ Huawei P50 Pro มีกล้อง True-Colour Camera ซึ่งเป็นเลนส์ Mono ความละเอียด 40ล้านพิกเซล

โหมดกลางคืนก็ทำออกมาได้ดีมากๆ

โหมดมุมกว้างจะใช้กล้อง Ultra-Wide Angle

อันนี้คือภาพที่ถ่ายออกมาละชอบมาก คือถ่ายย้อนแสงสุด ^^

ลองถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าของ Huawei P50 Pro 

สำหรับกล้องหน้าของ Huawei P50 Pro มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ลูกเล่นมาให้ทั้งการละลายหลัง และรวมไปถึงการถ่ายวิดีโอในแบบความละเอียดสูง และมีมุมมองที่กว้างมากพอสมควร โดยกว้างได้ถึง 0.6 เท่า เมื่อคุณถ่ายเซลฟี่หรือภาพหมู่ ด้วยกล้องหน้าเก็บภาพมุมกว้างได้ 100° ให้ใบหน้าคมชัดแม้รายละเอียดเล็กน้อย ด้วยระยะโฟกัสอัตโนมัติเพียง 14 ซม. ช่วยให้การถ่ายภาพระยะใกล้ออกมาสวยงาม

นอกจากนี้ HUAWEI P50 Pro ยังรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดคมชัดระดับ 4K ด้วยโซลูชัน XD Fusion HDR Video พร้อมความสามารถในการกันสั่นแบบ AIS Pro ช่วยให้ได้งานวิดีโอระดับมืออาชีพ พร้อมกล้องหน้า 13MP True-Chroma Front Camera จับภาพมุมกว้างเซลฟี่แบบกลุ่มได้ครบเต็มจอ สีสันคมชัดสมจริง ด้วย AI ที่ช่วยจัดสรรความลงตัวในภาพให้สมดุลย์แม้ถ่ายภาพคนจำนวนมาก

แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ

แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4360 mAH

สำหรับแบตเตอรี่ของ Huawei P50 Pro ให้แบตเตอรี่อยู่ที 4360 mAh อาจจะฟังดูน้อยไปหน่อย ถ้าใช้งานไม่นักยังไงก็อยู่รอด

แต่ถ้าใช้เครื่องเดียวให้ทำทุกอย่างตั้งแต่ การนำทาง, การถ่ายภาพ เล่นเกม แบบหน้าจอไม่ปิดเลยยาวถึงเกือบ 5 ชั่วโมง ในเวลา 7:50 น. แบตเตอรี่จะหมดราวๆ 19:29น ซึ่งสอดคล้องกับการทดสอบ PC Mark ที่ทำได้ 10 ชั่วโมง 18 นาที

• HUAWEI SuperCharge 66 W มอบพลังอันน่าประทับใจแม้ในขณะช่วงเวลาพักของคุณ
• แค่วางเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ Wireless HUAWEI SuperCharge 50 Wเปลี่ยนความยุ่งยากในการชาร์จเป็นความง่ายดาย

ส่วนระบบการชาร์จไฟนอกจากที่ชาร์จกำลัง 66W ทำให้ชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว และรวมไปถึงแทนชาร์จที่รองรับการชาร์จไฟแบบไร้สายกำลัง 50W และยังใจดีจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่นๆ ได้ด้วย

สรุปหลังจากลองใช้ Huawei P50 Pro มาสักระยะเวลาหนึ่ง

 

เรียกได้ว่าเป็นอีกมือถือเรือธงที่ครบเครื่องมาทั้งดีไซน์สวย สเปกความแรงไว้ใจได้ และเรื่องกล้องครบน้ำหนักเบา เหมาะกับการพกพาได้อย่างดี แม้ว่าอาจจะให้แบตเตอรี่ที่มีกำลังน้อยไปหน่อย และ HMS ที่ตอนนี้มีบริการต่างๆ ใกล้เคียงกับมือถือในระบบปฏิบัติการ Android ทั่วไปทำให้มันดูน่าคบหามากขึ้น ใครเป็นแฟนของ Huawei ยังคงแนะนำว่าควรไปลองสักครั้งก่อนตัดสินใจก็ยังดี

 ราคา HUAWEI P50 Pro และข้อมูลการวางจำหน่าย

HUAWEI P50 Pro วางจำหน่ายในประเทศไทยที่ราคา 33,990 บาท มีให้เลือกทั้งสีทอง Cocoa Gold และสีดำทอง Golden Black พร้อมโปรโมชันพรีออเดอร์สุดคุ้มเมื่อจองสินค้าที่ HUAWEI Experience Store และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ พิเศษ! สำหรับลูกค้า AIS และ TrueMove H เป็นเจ้าของ HUAWEI P50 Pro ได้ในราคาเริ่มต้น 9,990 บาท เมื่อชำระค่าบริการตามเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการกำหนด

โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ระหว่างวันที่ 28 มกราคม 2565 ถึง 11 กุมภาพันธ์ 2565 รับฟรี HUAWEI WATCH GT 2 Pro มูลค่า 8,990 บาท พร้อมฟรีแพ็กเกจ HUAWEI Video plus VIP 1 เดือน และฟรี HUAWEI Video Movie Pass 2 ใบ รวมมูลค่า 200 บาท, ฟรีคูปอง HUAWEI Themes 3 เดือน มูลค่า 149 บาท, ฟรีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล HUAWEI Mobile Cloud storage 2TB ระยะเวลา 1 เดือน มูลค่า 349 บาท พร้อมบริการหลังการขายที่จะทำให้ลูกค้าหมดกังวล โดยมอบความคุ้มครองพิเศษ ได้แก่ บริการรับส่งเครื่องซ่อมถึงบ้าน, รับประกันหน้าจอ 1 ครั้งในระยะเวลา 3 เดือน มูลค่า 499 บาท (ไม่รวมค่าแรงและภาษี) และรับทันทีส่วนลด 20% เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ HUAWEI Care

สามารถเป็นเจ้าของได้ที่ร้านค้าออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee และ JD

จุดเด่น

• ดีไซน์สวยบางเบา
• กล้องเป็นทุกอย่างให้คุณแล้ว
• EMUI 12 ให้ความลื่นไหลดี
• Huawei AppGallery มี Apps ให้ครบจบในที่เดียวแล้ว
• ชาร์จไฟเร็วมาก
• ราคาถือว่าไม่แรงเกินไป

ข้อสังเกต

• แบตเตอรี่ให้ปริมาณที่น้อยไปหน่อย
• บริการของ Google รองรับแต่จะต้องเปิดบนเว็บถึงจะเหมาะสม

 สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่ พร้อมทั้งติดตามอัปเดตข่าวสารล่าสุดก่อนใครได้ทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ HUAWEI Mobile TH

Adblock test (Why?)

รีวิว "HUAWEI P50 Pro" สมาร์ทโฟนกล้องดีไซน์แบบ Dual-Matrix สบายตาด้วยรีเฟรชหน้าจอ 120 Hz - Sanook
Read More