Rechercher dans ce blog

Monday, October 31, 2022

POVA 4 Pro สมาร์ทโฟนล่าสุดจาก TECNO ดีไซน์อัปเกรดทรงพลัง - แอพดิสคัส (APPDISQUS)

TECNO แบรนด์สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อัจฉริยะพรีเมียมระดับโลก เปิดตัว POVA 4 Pro โดยนำนวัตกรรมและประสิทธิภาพของ POVA ซีรีส์ยอดนิยมของ TECNO ไปสู่อีกเลเวลใหม่ด้วยชิปเซ็ต MTK Helio G99 ที่ก้าวล้ำ พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh บวกกับ 45W Super Charge หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.66 นิ้ว พร้อมด้วยดีไซน์ล้ำสมัย ที่ได้แรงบันดาลใจจากลวดลายผลึกโครงสร้าง “วิดแมนสแตทเทน” (Widmanstätten) POVA 4 Pro เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพที่สุดในซีรีส์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

3.POVA 4 Pro ประสบการณ์เล่าเกมไม่มีใครเทียบ | POVA 4 Pro | POVA 4 Pro สมาร์ทโฟนล่าสุดจาก TECNO ดีไซน์อัปเกรดทรงพลัง

ประสิทธิภาพทรงพลังสู่ประสบการณ์สุดยอดของชีวิต

POVA 4 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของ TECNO ที่ใช้ชิปเซ็ต Helio G99 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประสิทธิภาพที่มากกว่า ในขณะที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่น้อยที่สุด จากชิป TSMC N6 6nm ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมกับ HyperEngine 2.0 และ CPU octa-core ให้มั่นใจกับความเสถียรของเครื่องอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่ออยู่ในขณะเล่นเกม ชิปเซ็ตอันทรงพลังนี้มอบประสบการณ์ความบันเทิงและการเล่นเกมขั้นสูงสุดให้กับผู้ใช้ การรวม RAM แบบขยาย 256GB+8GB และอัลกอริธึม RAM เพิ่มเติมสูงถึง 5GB ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถเรียกใช้แอป ฯ ในพื้นหลังได้สูงสุด 20 แอปฯ และเพิ่มความเร็วเฉลี่ยในการเริ่มต้นแอป ฯ 61% ทำให้ใช้งานได้อย่างลื่นไหลไม่ติดขัด

2.POVA 4 Pro ระบบแบตเตอรี่พิเศษ | POVA 4 Pro | POVA 4 Pro สมาร์ทโฟนล่าสุดจาก TECNO ดีไซน์อัปเกรดทรงพลัง

ระบบแบตเตอรี่พิเศษ รองรับประสิทธิภาพการใช้งานที่ยาวนาน

POVA 4 Pro ยังคงอัปเกรดระบบแบตเตอรี่ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6000mAh และ Super Charge 45W รวมถึงการชาร์จแบบย้อนกลับ 10W ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาในซีรีส์

POVA 4 Pro ที่ชาร์จเต็มแล้วสามารถใช้เล่นเกมได้ประมาณ 10 ชั่วโมง และสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จ เทคโนโลยี STS ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ช่วยให้มั่นใจกับความปลอดภัยของแบตเตอรี่ ด้วยการเพิ่มการเคลือบเพิ่มเติม เพื่อป้องกันความเสียหายภายนอก และ Super Charge 45W ช่วยให้สามารถชาร์จโทรศัพท์ได้ถึง 50% ภายใน 24 นาที นับเป็นขุมพลังแบบพกพาที่แท้จริงสำหรับเกมเมอร์ และผู้ใช้ที่มีงานรัดตัวในขณะเดินทาง

1.POVA 4 Pro ประสิทธิภาพทรงพลัง | POVA 4 Pro | POVA 4 Pro สมาร์ทโฟนล่าสุดจาก TECNO ดีไซน์อัปเกรดทรงพลัง

ประสบการณ์การเล่นเกม ให้ภาพและเสียงแบบที่ไม่มีใครเทียบ

POVA 4 Pro ยังเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในซีรีส์ POVA ที่ติดตั้งหน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.66 นิ้ว พร้อมอัตราการรีเฟรช 90Hz ให้ประสบการณ์การรับชมที่เหนือชั้นกับผู้ใช้งาน หน้าจอ AMOLED เป็นนวัตกรรมใหม่ ช่วยให้สามารถแสดงผลแบบไดนามิก ที่จับความสว่างและความซับซ้อนของสีที่อย่างสดใส ในขณะที่อัตราการรีเฟรชที่สูงช่วยให้มั่นใจได้ถึงความราบรื่นของภาพระหว่างการเรียกดูแบบสบาย ๆ

นอกจากนี้ ลำโพงคู่สเตอริโอล้ำ พร้อมการลดเสียงรบกวนด้วย AI เทคโนโลยีเสียง DTS และรับรองความละเอียดสูง พร้อมเอฟเฟกต์การสั่นสะเทือน 4D ที่สมจริงและสดใสจาก Linear Motor แกน Z และ Hard Gyroscope จะทำให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ดีเยี่ยมและน่าจดจำอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีท่อระบายความร้อนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น 22% จากรุ่นก่อน ช่วยให้ตัวเครื่องเย็นลงในขณะที่การแข่งขันภายในเกมกำลังร้อนแรงขึ้น POVA 4 Pro ตอบโจทย์สิ่งที่เกมเมอร์ทุกคนต้องการอย่างครบถ้วน

4.สมรรถนะทรงพลัง ประสิทธิภาพถึงขีดสุด | POVA 4 Pro | POVA 4 Pro สมาร์ทโฟนล่าสุดจาก TECNO ดีไซน์อัปเกรดทรงพลัง

คัดมาเพื่อคุณ
Best Action games Youtube Thumbnail 1 | 2022 | วิธีแก้ไข Samsung Android เครื่องช้า หน่วง หน้าจอทัชยาก ต้องทำอย่างไร? อัพเดทปี 2022

การออกแบบ ID ลวดลายผลึกโครงสร้าง “วิดแมนสแตทเทน” (Widmanstätten) แห่งอนาคต สำหรับผู้บริโภคที่มองหานวัตกรรมล้ำสมัย

สอดรับกับโทนการออกแบบที่เท่และผสานเทคโนโลยีใน POVA 3 Series สมาร์โฟน POVA 4 Pro ได้รวบรวมดีไซน์ ผลึกโครงสร้าง “วิดแมนสแตทเทน” (Widmanstätten) สุดล้ำ ที่นำเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาสู่ชีวิต เป็นรูปแบบเฉพาะที่สามารถพบได้บนอุกกาบาตจากนอกโลก การออกแบบผลึกของแสงสีเป็นที่รู้จักบน POVA 4 Pro ที่เป็นสัญลักษณ์ของการระเบิดและการเกิดใหม่ที่เกิดขึ้นในจักรวาล ซึ่งจะเติมเต็มรสนิยมที่โดดเด่นและการแสดงออกถึงตัวตนของผู้บริโภคยุคใหม่

“สมรรถนะทรงพลัง ประสิทธิภาพถึงขีดสุด” ด้วยความสามารถด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมที่ทรงพลัง และรูปลักษณ์ที่มองการณ์ไกลที่ไม่มีใครเทียบได้ TECNO POVA 4 Pro เป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ชื่นชอบเทคโนโลยี ชอบประสิทธิภาพอันทรงพลังและความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมทั้งการอัปเกรดขั้นสูงสุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ POVA ซีรีส์ที่มีมาก่อนหน้านี้

วางจำหน่ายแล้วที่ช่องทาง Shopee กับราคาเปิดตัวพิเศษตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.  – 15 พ.ย.  2565 ห้ามพลาด! ในราคาพิเศษ 6,599 บาท จากราคาปกติ 7,999 บาท สำหรับ POVA 4 Pro รุ่น 256GB + 8GB https://bit.ly/3MEs6Og

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมทาง https://www.tecno-mobile.com/th/phones/product-detail/product/pova-4-pro-4/

Adblock test (Why?)


POVA 4 Pro สมาร์ทโฟนล่าสุดจาก TECNO ดีไซน์อัปเกรดทรงพลัง - แอพดิสคัส (APPDISQUS)
Read More

คาด Apple เปิดตัว MacBook Pro รุ่น 14" และ 16" มี.ค. 2023 - SpringNews

เมื่อ Apple เปิดตัว MacBook Pro รุ่น 14" และ 16" ใหม่เมื่อ ต.ค. 2021 อุปกรณ์ดังกล่าวเพิ่มรายรับจาก Mac 1.09 หมื่นล้านดอลลาร์ และดูเหมือนว่า Apple จะไม่คาดหวังแนวโน้มเดียวกันในปีนี้

MacBook Pro รุ่น 14" และ 16" อัปเกรดแล้วนั้นไม่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบครั้งใหญ่ แต่น่าจะมีโปรเซสเซอร์ M2 Pro และ M2 Max ที่ทรงพลังกว่า

จากข้อมูลลือว่า ชิป M2 Max จะมี CPU 12 คอร์ และ GPU สูงสุด 38 คอร์ อัพเกรดจาก CPU ใน M1 Max ที่มี 10 คอร์ และ GPU สูงสุด 32 คอร์

ในขณะที่ Apple เปิดตัว MacBook Pro ขนาด 13" ไปเมื่อ มิ.ย. มันมาพร้อมกับชิป M2 พื้นฐาน (รวมอยู่ใน MacBook Air ใหม่ด้วย) ที่มีคอร์ CPU แปดคอร์และคอร์ GPU สูงสุด 10 คอร์

Adblock test (Why?)


คาด Apple เปิดตัว MacBook Pro รุ่น 14" และ 16" มี.ค. 2023 - SpringNews
Read More

Sunday, October 30, 2022

Redmi Note 12 Pro Discovery Edition มีปัญหาชาร์จได้ไม่ถึงตามที่โฆษณา - SP : SPECPHONE

Redmi Note 12 Pro Discovery Edition สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟฟ้าสูงสุดในโลก ณ ปัจจุบันถูกทดสอบแล้วว่าไม่ตรงปกตามที่ Xiaomi โฆษณาเอาไว้

Redmi Note 12 Pro Discovery Edition
Redmi Note 12 Pro Discovery Edition

Redmi Note 12 Pro Discovery Edition สมาร์ทโฟนระดับกลางที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่อย่างแท้จริงของทาง Xiaomi กับความสามารถในการชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟฟ้าที่สูงมากถึง 210W ซึ่งทาง Xiaomi ได้เผยเอาไว้ในงานวันเปิดตัวว่าตัวเครื่องสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มจาก 0% ได้ภายในระยะเวลาเพียง 9 นาทีเท่านั้น(เครื่อง Redmi Note 12 รุ่นอื่นที่เปิดตัวมาพร้อมกับจะไม่ได้มาพร้อมกับเทคโนโลยีการชาร์จเร็วถึง 210W แบบเวอร์ชัน Pro Discovery Edition)

แน่นอนว่างานนี้เหล่านักทดสอบชื่อดังต่างก็อยากทดสอบเทคโนโลยีการชาร์จเร็วดังกล่าวว่าจะเป็นไปตามที่ทาง Xiaomi โฆษณาเอาไว้ในงานเปิดตัวหรือไม่เพราะหากผลทดสอบนั้นออกมาเป็นไปตามที่โฆษณาจริงนี่ถือได้ว่าเป็นการปฎิวัติวงการสมาร์ทโฟนเลยทีเดียวเพราะจะทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนในระดับกลางไม่จำเป็นต้องรอชาร์จสมาร์ทโฟนเป็นระยะนานๆ อีกต่อไป งานนี้ทาง Chongdiantou สื่อออนไลน์ของจีนหลังจากได้เครื่องมาก็จับทำการทดสอบให้ได้เห็นกัน

2022102801060592

ก่อนที่จะไปดูในส่วนของการทดสอบนั้นเรามาดูในส่วนของที่ชาร์จที่มาพร้อมกับกำลังไฟฟ้า 210W ของ Redmi Note 12 Pro Discovery Edition กัน

2022102801053322

ทาง Chongdiantou นั้นระบุเอาไว้ว่าที่ชาร์จ 210W ของ Redmi Note 12 Pro Discovery Edition นั้นจะมีสเปคดังต่อไปนี้

  • พอร์ตเชื่อมต่อที่หัวชาร์จเป็นแบบ USB Type-C
  • Model: MDY-13-EU
  • Input: 100-240V~ 50/60Hz, 3A
  • Output: 5V3A, 9V3A, 11V6A, 17V10.5A, 20V10.5A
  • ขนาดอยู่ที่ 68 x 30 mm
  • น้ำหนักอยู่ที่ 219.7g
  • ทดสอบผ่าน POWER-Z KM003C พบว่ารองรับเทคโนโลยีการชาร์จแบบ QC3.0, PD3.0 และ Xiaomi 210W
2022102801052950

สำหรับสายชาร์จนั้นจะเป็นแบบ Type-C to Type-C โดยจะรองรับกระแสไฟฟ้าสูงสุดที่ 10.5A ซึ่งทาง Xiaomi ได้บอกเอาไว้ว่าได้มีการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อการใช้งานกับที่ชาร์จกำลังไฟฟ้า 210W โดยเฉพาะ สำหรับการทดสอบนั้นจัดทำขึ้นในห้องที่มีการควบคุมอุณหภูมิอยู่ที่ 25 องศาเซลเซียสให้ผลการทดสอบดังต่อไปนี้

redmi note 12 charging

จากกราฟนั้นจะเห็นได้ว่าจากโดยสรุปแล้ว Redmi Note 12 Pro Discovery Edition ที่มาพร้อมกับที่ชาร์จเทคโนโลยี 210W ซึ่งมากที่สุดในโลก(ณ ปัจจุบัน) ใช้เวลาในการชาร์จตัวเครื่อง Redmi Note 12 Pro Discovery Edition ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4,300 mAh จาก 0% ให้ถึง 100% ใช้ระยะเวลาเพียง 10.10 นาทีเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ยังช้ากว่าที่ทาง Xiaomi โฆษณาเอาไว้ 1.10 นาทีด้วยกัน

ดูแล้วก็เป็นที่น่าพอใจเพราะถึงแม้ว่าจะไม่สามารถจะทำได้ตามที่ทาง Xiaomi โฆษณาเอาไว้ ทว่าเทคโนโลยีของทาง Xaiomi นั้นเขาเองก็ดีจริงๆ โดยทาง Chongdiantou ได้สรุปเอาไว้ว่าที่ชาร์จกำลังไฟฟ้า 210W ของทาง Xiaomi นั้น สามารถที่จะให้กำลังไฟฟ้าสูงสุดได้อยู่ที่ 184.85W ประมาณ 3 นาที ก่อนที่จะลดลงเรื่อยๆ มาคงที่อยู่ที่ราวๆ 120W ประมาณ 4.20 นาที แล้วค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ จนแบตเตอรี่เต็ม

จุดที่น่าประทับใจมากที่สุดนั้นทาง Chongdiantou บอกเอาไว้ว่าระบบการชาร์จที่กำลังไฟฟ้า 210W ของ Redmi Note 12 Pro Discovery Edition นั้นไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องร้อนมากจนเกินไปมากนัก โดยจุดที่เครื่องร้อนที่สุดขณะทำการชาร์จนั้นจะมีอุณหภูมิอยู่ที่ราวๆ 43.3 องศาเซลเซียส(ซึ่งถือว่าดีกว่าของคูแข่งกลายๆ แบรนด์ที่กำลังไฟฟ้าน้อยกว่าแต่อุณหภูมิสูงสุดขณะชาร์จจะอยู่มากกว่า)

ที่มา : notebookcheck, Chongdiantou

Adblock test (Why?)


Redmi Note 12 Pro Discovery Edition มีปัญหาชาร์จได้ไม่ถึงตามที่โฆษณา - SP : SPECPHONE
Read More

พรีวิวแอป Freeform ของ iPadOS 16.2 Developer Beta 1 จะเจ๋งแค่ไหน ไปชมกันเลย! - iPhoneMod

แอป Freeform ตัวใหม่ของ iPadOS 16 เปิดให้ทดสอบแล้วใน iPadOS 16.2 Developer BETA 1 วันนี้ทีมงานจะมาพรีวิวให้ได้ชมกัน จะเจ๋งแค่ไหน ไปชมเลย!

พรีวิวแอป Freeform ของ iPadOS 16.2 Developer Beta 1 จะเจ๋งแค่ไหน ไปชมกันเลย!

อย่างที่เรารู้กันตั้งแต่ช่วงเปิดตัว iPadOS 16 แล้วว่า Apple ได้เพิ่มแอป Freeform ที่เป็นการทำงานแบบใหม่หมดเข้ามา เรียกได้ว่าเป็นการดึงเอาความสามารถของ iPad ขึ้นมาให้สามารถทำอะไรได้มากขึ้นนั่นเอง

แอป Freeform คืออะไร?

Freeform เป็นแอปด้านการทำงานที่เราและคนในทีมสามารถแชร์หรือถ่ายทอดไอเดียของตัวเองออกมาได้เลย ผ่านการสเก็ตช์ หรือจดโน้ตต่าง ๆ ด้วย Apple Pencil อีกทั้งยังสามารถแชร์ไฟล์ แปะเว็บลิงก์ เอกสาร วิดีโอ หรือเสียงได้อีกด้วย

Freeform ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์

จุดเด่นของแอป Freeform คือ สามารถเชิญเพื่อน ๆ หรือคนในทีมเข้ามาร่วมทำงานกับเราได้เลย เพียงแค่แชร์ลิงก์ไปให้เพื่อนก็สามารถเริ่มทำงานด้วยกันได้ในทันที และถ้าหากมีใครเพิ่มไอเดีย หรือจดโน้ตลงไปทุกคนในทีมก็จะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงในหน้านั้นแบบเรียลไทม์ได้เลย 

แอป Freeform ใช้งานอย่างไร?

การใช้งานของแอป Freeform จะเหมือนการใช้งานแอปจดโน้ตทั่ว ๆ ไป อย่างเช่น แอป Notability, GoodNotes เป็นต้น เมื่อเปิดเข้ามาก็จะเป็นหน้ากระดาษสีขาวโล่ง ๆ มีเครื่องและฟีเจอร์ภายในให้เลือกใช้มากมาย เช่น เครื่องมือวาดเขียน, Sticky Note, รูปภาพหรือวิดีโอ, ไฟล์, ลิงก์เว็บไซต์ เป็นต้น

แชร์ลิงก์ให้เพื่อนเข้ามาโยนไอเดียได้ง่าย ๆ

เราสามารถกดแชร์ลิงค์ให้คนในทีมเข้ามาร่วมทำงานได้เลยผ่านการแชร์ด้วยแอป Message หรือแอปอื่น ๆ ได้ และยังสามารถแชร์ไปยังแอป Notability, GoodNotes โดยตรงได้อีกด้วย คาดว่า Apple จะปล่อยอัปเดตเวอร์ชันถัดไปในเร็วๆ นี้

ทำงานได้หลายโปรเจกต์เมื่อใช้กับ Stage Manager

เมื่อใช้งานแอป Freeform ขณะที่เปิดใช้ฟีเจอร์ Stage Manager อยู่จะช่วยให้เราสามารถเปิดโปรเจกต์งานอื่น ๆ ควบคู่และทำไปพร้อม ๆ กันได้เลย รวมถึงการลากและวางไฟล์จากแอปอื่นก็ทำได้สะดวกมากขึ้นโดยแอป Freeform รองรับทั้ง iPhone, iPad, Mac นั่นหมายความว่า ไม่ว่าผู้ใช้จะใช้งานบนอุปกรณ์ใด ก็สามารถทำงานบน Freeform ร่วมกับผู้อื่นได้เลย ซึ่งแอป Freeform จะมาพร้อมกับ iOS 16.2, iPadOS 16.2, macOS Ventura 13.1 มีกำหนดปล่อยอัปเดตภายในปีนี้ รอติดตามกันได้เลย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม :

Adblock test (Why?)


พรีวิวแอป Freeform ของ iPadOS 16.2 Developer Beta 1 จะเจ๋งแค่ไหน ไปชมกันเลย! - iPhoneMod
Read More

Saturday, October 29, 2022

Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ที่ Apple Store ไม่มีของชั่วคราว - iPhoneMod

Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ไม่มีของจำหน่ายที่ Apple Store หลายแห่ง รวมถึงในไทยด้วย เนื่องจากรออัปเดตขายคู่กับหัวแปลง USB-C

Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ที่ Apple Store ไม่มีของชั่วคราว

หลัง Apple เปิดตัว iPad รุ่นที่ 10 มาพร้อมพอร์ต USB-C แต่รองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ที่เป็นพอร์ต Lightning ทำให้ต้องใช้หัวแปลง USB-C (อะแดปเตอร์ USB-C เป็น Apple Pencil) ในการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานร่วมกันได้Apple ได้ปรับรูปแบบการขาย Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ขึ้นราคาเป็น 3,900 บาท แต่ในกล่องจะมีหัวแปลง USB-C ใส่มาด้วย

การเปลี่ยนรูปแบบครั้งนี้ทำให้ Apple หยุดจำหน่าย Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ที่หน้าร้าน Apple Store หลายแห่ง ซึ่งเมื่อเข้าไปเช็คพบว่า Apple Central World, Apple Iconsiam ไม่มีให้เลือกรับที่หน้าร้านเช่นกัน

จึงเป็นไปได้ว่า Apple หยุดจำหน่าย Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ที่หน้าร้านชั่วคราว เพื่อรอจำหน่าย Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ตัวปรับปรุงที่มีหัวแปลง USB-C จำหน่ายคู่กันด้วย

(หัวแปลง USB-C ขายแยกในราคา 390 บาท)

อย่างไรก็ตาม Apple Pencil (รุ่นที่ 1), หัวแปลง USB-C สามารถกดสั่งซื้อได้ที่หน้าเว็บ Apple ซึ่งมีกำหนดรับสินค้าช่วงต้น-กลางเดือน พ.ย. 65

ลิงก์สั่งซื้อ :
Apple Pencil (รุ่นที่ 1) : https://www.apple.com/th/shop/product
หัวแปลง USB-C : https://www.apple.com/th/shop/product

ที่มา : MacRumors

Adblock test (Why?)


Apple Pencil (รุ่นที่ 1) ที่ Apple Store ไม่มีของชั่วคราว - iPhoneMod
Read More

Tips | วิธีเคลียร์แคช (Cache) ในมือถือ คืนพื้นที่ได้เป็น GB และช่วยให้เครื่องลื่นขึ้นด้วย - Droidsans

สำหรับคนที่ใช้มือถือเครื่องเดียวมานานเป็น 2 – 3 ปี (หรือมากกว่านั้น) แล้วพื้นที่ในเครื่องก็จะเต็มแหล่มิเต็มแหล่ แถมรู้สึกว่าเครื่องอืด ๆ อีกต่างหาก จะกดเข้าแอปก็ยืดยาดกว่าจะเข้าได้…จริง ๆ แล้วในแอปมือถือทุกแอปมันจะมีพวกไฟล์ Cache ซ่อนอยู่ ซึ่งไฟล์พวกนี้แหละที่บางทีก็แอบกินพื้นที่ในเครื่องไปหลาย GB ยิ่งใช้มานาน ๆ หรือใช้บ่อย ๆ ก็ยิ่งกินพื้นที่มากขึ้น และยังเป็นสาเหตุนึงที่ทำให้เครื่องทำงานช้าลงด้วย ถ้าใครอยากจะเคลียร์ไฟล์พวกนี้ออกเพื่อเพิ่มพื้นที่เครื่องและทำให้เครื่องลื่นกว่านี้ก็มาดูกันเลยว่ามันทำยังไงครับ

ไฟล์ cache คืออะไร?

ไฟล์แคชเป็นข้อมูลชั่วคราวต่าง ๆ ที่แอปไปดาวน์โหลดจากเน็ตมาเก็บไว้เพื่อทำให้เรียกใช้งานได้ง่าย ๆ เวลาเข้าแอปในครั้งต่อไป ตัวอย่างเช่นพวกเกมออนไลน์อาจจะดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอ + เพลงมาไว้ในเครื่องเพื่อให้ตัวเกมสามารถเล่นไฟล์เหล่านี้ได้ทันทีในครั้งต่อไปที่เราเล่น หรือหากลบ Cache ของแอป YouTube ทิ้งไป พวกวิดีโอที่เคยเล่นค้างไว้ก็จะหายไป ส่วน Cache ของแอป Chrome ก็จะเก็บพวกไฟล์รูปภาพตามเว็บที่เราเคยเข้าไปดูเอาไว้ เวลากลับเข้าไปอีกครั้งจะได้ไม่ต้องโหลดภาพนั้นอีกรอบ เป็นต้น

ไฟล์ Cache ทำไมทำเครื่องอืด?

จริง ๆ แล้วไฟล์ Cache จากแอปต่าง ๆ ไม่ได้ทำให้มือถือทำงานช้าโดยตรงนะครับ (กลับกันจะทำให้โหลดแอปได้เร็วขึ้นด้วย) แต่มันจะมีบางแอปที่ยังปรับแต่งมาไม่ดีทำให้มีไฟล์ Cache ขนาดใหญ่ และมีจำนวนมากจนกินพื้นที่เยอะเมื่อใช้งานมาเป็นเวลานาน ทำให้มือถือรุ่นเก่ารวมถึงมือถือที่มีความจุน้อย ๆ จนใกล้จะเต็ม เกิดอาการอืดดดดด ขึ้นนั่นเอง โดยทาง Google ได้บอกเอาไว้ว่ามือถือ Android ที่เหลือพื้นที่น้อยกว่า 10% จะเกิดปัญหาบางอย่างที่กระทบกับการใช้งานได้

เดี๋ยวนี้ความจุ 128GB ก็แทบจะไม่พอใช้กันแล้ว…

ลบไฟล์ Cache แล้วข้อมูลแอปจะหายหรือไม่?

สำหรับแอปประเภทโซเชียลต่าง ๆ อย่าง LINE, Messenger และอื่น ๆ พวกข้อความแชท ไฟล์ภาพ คลิปวิดีโอที่อยู่ในห้องแชทหรือเซฟไว้ใน Albums จะไม่ได้หายไปไหนนะครับ เพราะฉะนั้นลบ Cache จากแอปพวกนี้ได้เลย ไม่ต้องกลัวไฟล์สำคัญ ๆ หายไป

ลบแคช LINE แล้วแชท + อัลบั้มก็ยังอยู่ตามปกติ เพราะมันคนละส่วนกันจ้า

วิธีลบ Cache ในมือถือ Android

วิธีการลบแคชออกจากแอปต่าง ๆ ในมือถือ Android ทุกรุ่น จะมีวิธีที่คล้าย ๆ กันครับ (ชื่อเมนูอาจแตกต่างกันนิดหน่อย) และทำได้ง่าย ๆ ด้วย แค่เข้าไปที่เมนู การตั้งค่า (Settings) > เข้าไปที่ แอป (Apps) > เลือกแอปที่เราต้องการลบแคช > ที่จัดเก็บข้อมูล > ล้างแคช / ลบแคช เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ไล่ลบไปเลยโดยเฉพาะแอปที่นาน ๆ ใช้ทีแต่มีขนาดแคชใหญ่ ๆ (อย่างของผมก็คือ Snapchat ที่นาน ๆ เล่นที แต่กินไปหลายร้อย MB)

ถ้าลองไล่ลบแคชของแต่ละแอปหมดแล้วจะเห็นว่ามีพื้นที่ในเครื่องว่างขึ้นมาอีกหลาย GB เลยล่ะครับ หรืออีกทางที่จะช่วยประหยัดพื้นที่เครื่องได้อีก ก็อาจจะหาแอปประเภท Lite ที่มีขนาดเล็กกว่าแอปแบบปกติมาใช้แทนก็ดีเหมือนกันนะ

Adblock test (Why?)


Tips | วิธีเคลียร์แคช (Cache) ในมือถือ คืนพื้นที่ได้เป็น GB และช่วยให้เครื่องลื่นขึ้นด้วย - Droidsans
Read More

Friday, October 28, 2022

C1 เมาส์สัญชาติไทยไอเดียดี คาร์บอนไฟเบอร์ตัวแรก เบาที่สุดในโลก - แอพดิสคัส (APPDISQUS)

Midnight Thread-C1 เป็นเมาส์เกมมิ่งไร้สายคาร์บอนไฟเบอร์ตัวแรกของโลก ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก ผลงานชิ้นแรกจากบริษัท Midnight Thread ซึ่งเป็นบริษัทอุปกรณ์ E-sport ที่ก่อตั้งโดย CEO คนไทย Chatpong Lappitakpong และตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการระดมทุนใน KICKSTARTER

Carbon C1 | c1 | C1 เมาส์สัญชาติไทยไอเดียดี เข้าแคมเปญ Kick Starter คาร์บอนไฟเบอร์ตัวแรกและเบาที่สุดในโลก

Midnight Thread-C1 ผลงานการออกที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์จากทีมงาน Midnight Thread ได้ปฏิวัติสิ่งประดิษฐ์ครั้งสำคัญและแปลกใหม่ในโลก เพื่อแก้ไขจุดบอดที่สำคัญของเกมมิ่งเมาส์ เพื่อนักเล่นเกมส์ทั่วโลก โดยจะสังเกตได้ว่า คู่แข่งขันในตลาดเมาส์ปัจจุบัน จะทำการลดน้ำหนัก ของตัวเมาส์โดยการเจาะรูและตัดชิ้นส่วนภายในออก เพื่อทำให้เมาส์มีน้ำหนักเบาขึ้น แต่นั่นอาจจะส่งผลต่อการกระจายน้ำหนักที่ดี มีผลต่อการควบคุมที่ไม่ดีพอ ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นขยับออกจากประสบการณ์การเล่นเกมในอุดมคติได้

ขณะที่ Midnight Thread-C1 เป็นหนึ่งในเมาส์ที่ยังคงความเป็น mouse เต็มตัวตามปกติ และคงความสมบูรณ์แบบของโครงสร้างที่ดีเยี่ยม ทำการออกแบบผ่านการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์นับครั้งไม่ถ้วนในการวิจัยเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ใช้เทคนิคการขึ้นรูปแบบพิเศษในการผลิต และเลือกใช้วัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ที่ออกแบบมาพิเศษ เพื่อให้มีความหนาเพียง 0.5 mm (ความหนาเท่ากับเส้นผมซ้อนกันเพียง 5 เส้น) แต่มีความแข็งแรงทนทาน รองรับน้ำหนักการกดทับได้หลายกิโลกรัม โดยที่ไม่มีการบุบหักงอแต่อย่างใด

19 | c1 | C1 เมาส์สัญชาติไทยไอเดียดี เข้าแคมเปญ Kick Starter คาร์บอนไฟเบอร์ตัวแรกและเบาที่สุดในโลก

คุณสมบัติพิเศษของ Midnight Thread-C1 ประกอบไปด้วย

-ดีไซน์ Mouse shape รูปแบบใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ Midnight Thread จับถนัดกระชับมือไม่ว่าคุณจะถนัดการจับรูปแบบไหน (Palm, Claw, Fingertip)

– เป็นเมาส์ไร้สาย ที่น้ำหนักเบาอันดับต้นๆของโลกเพียง 48กรัม ขยับได้อย่างรวดเร็วไร้แรงเสียดทาน

– ขึ้นรูปชิ้นเดียวจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เกรดเดียวกับที่ใช้ในการสร้างยานอวกาศ

– มาพร้อมกับซอฟต์แวร์เฉพาะที่เรียกว่า Midnight Fuel สามารถปรับแต่งการทำงานของเมาส์ให้เหมาะกับตัวคุณและมีประสิทธิภาพสูงสุด

– ล้ำสมัยด้วยเซ็นเซอร์เรือธง PMW3395 จาก Pixart มาพร้อมกับเทคโนโลยี Motion Sync ที่เพิ่มความแม่นยำให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

– ระบบเชื่อมต่อไร้สายแบบ Shadow Speed ทำให้การเชื่อมต่อไร้สายรวดเร็วไร้รอยต่อ และรองรับ polling rate มาตรฐาน gaming สูงสุด 1,000 Hz(1ms) ที่มีการดีเลย์ต่ำ

-เมาส์แต่ละชิ้น มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนกันเนื่องจากลายของคาร์บอนไฟเบอร์ และทาง Midnight Thread ยังทำผิวให้เลือกถึง 2 แบบ คือ แบบด้าน(Matt) และ แบบมันวาว(Glossy)

-เพิ่มความมีระดับได้อีกกับเทคโนโลยีเฉพาะของ The Midnight Tech

Midnight Click: ชุดกลไกการคลิกเฉพาะของ Midnight Thread (anti creak & wobble design) ที่มอบความรู้สึกให้ทุกๆการกดคลิกของคุณมีความเสถียร ตอบสนองเร็ว และ มันส์สุดๆ

Midnight Wheel: มาพร้อมกับระบบป้องกันการเลื่อนล้อโดยที่ไม่ตั้งใจ มีระบบไฟอัจฉริยะปรับแต่งได้เองตามใจด้วยแอพพลิเคชั่นเฉพาะของ Midnight Thread แกนกลางล้อทำจากยางธรรมชาติมีความหนืดยืดหยุ่นกำลังดี ทำให้เลื่อนไหลได้อย่างถนัดมือ

Midnight Feet:ทำจากวัสดุ PTFE 100%แยกเป็น 4 จุดเพื่อการสัมผัสพื้นผิว ที่ผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างความเร็วและการควบคุม


สาร์นจาก CEO Midnight Thread

“ขอเชิญชวนเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายจากทั่วทุกมุมโลกที่มีความคลั่งไคล้ อยากร่วมปฏิวัติวงการครั้งสำคัญ และต้องการยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมที่แตกต่าง ได้โปรดช่วยกันสนับสนุน backโปรเจค  Midnight Thread-C1 ได้ที่แคมเปญ Kick Starter ซึ่งได้เปิดตัวการระดมทุนไปแล้วในราคาเริ่มต้น 99 $ และจะปิดโปรเจคการระดมทุน ในวันที่ 11 พย.65 **ซึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่วันนับจากนี้

ฝาก ช่วยส่งเสริมสนับสนุน project ใน kick starter ให้บรรลุถึงเป้าหมาย เพื่อส่งเสริมให้เมาส์สัญชาติไทยได้มีที่ยืนในเวทีระดับนานาชาติ และเป็นกำลังใจให้ สิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นโดยคนไทย ได้มีการผลิตจริงๆสู่ตลาดโลกด้วยนะครับ

ต้องการสนับสนุน / back project ไปที่: https://www.kickstarter.com/projects/midnightthread/c1-carbon-fiber-wireless-gaming-mouse-48g?ref=3618vq

C1 Specifications | c1 | C1 เมาส์สัญชาติไทยไอเดียดี เข้าแคมเปญ Kick Starter คาร์บอนไฟเบอร์ตัวแรกและเบาที่สุดในโลก

เกี่ยวกับบริษัท Midnight Thread:

Midnight Thread เป็นบริษัทอุปกรณ์ E-sport ที่ก่อตั้งโดย CEO Chatpong Lappitakpong โดยความใฝ่ฝันที่จะนำ นวัตกรรมชั้นเลิศมาสู่วงการเล่นเกมอย่างเหนือชั้น โดยใช้การออกแบบและเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้ง software / hardware ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ และวัสดุ ที่ปฏิวัติวงการ เพื่อให้เกมเมอร์ได้เปรียบเหนือคู่แข่งขัน

ผลิตภัณฑ์แรกของเราคือ Midnight Thread-C1 ซึ่งเป็น เกมมิ่งเมาส์ไร้สายโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในโลก

ข้อมูลติดต่อ: CEO&Founder &ทีมงานMidnight Thread

Email: [email protected]

Website: www.MidnightThread.com

Adblock test (Why?)


C1 เมาส์สัญชาติไทยไอเดียดี คาร์บอนไฟเบอร์ตัวแรก เบาที่สุดในโลก - แอพดิสคัส (APPDISQUS)
Read More

เปิดตัว Samsung Galaxy A04 สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นรุ่นใหม่ล่าสุด กล้อง 50MP แบต 5,000mAh ราคา 3,999 บาท - AV Tech Guide

กรุงเทพ, ประเทศไทย – 28 ตุลาคม 2565 – ซัมซุงเปิดตัว Samsung Galaxy A04 สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล A series พร้อมสเปคสุดคุ้มด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 15W กล้องหลัก 50MP พร้อมทั้งยังขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek P35 ที่เร็วแรง ไม่มีสะดุด ให้ผู้ใช้งานได้เต็มอิ่มไปกับทุกความบันเทิงได้อย่างไร้ขีดจำกัดตลอดวัน ในราคาเพียง 3,999 บาท พร้อมรับฟรีทันทีของสมนาคุณมูลค่ารวมกว่า 1,390 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565

สัมผัสประสบการณ์การถ่ายภาพที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP Hi-res ที่ทำให้สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy A04 สามารถถ่ายภาพออกมาได้อย่างสวยงาม คมชัด เก็บทุกรายละเอียดได้อย่างครบถ้วนในช็อตเดียว อีกทั้งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยยกระดับการถ่ายภาพบุคคลให้ดียิ่งขึ้นไปกับ Portrait Mode และการปรับแต่งเอฟเฟกต์ภาพที่สามารถทำได้อย่างง่ายดาย ให้ภาพทุกภาพออกมามีชีวิตชีวา สดใส โดดเด่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม

Samsung Galaxy A04 ยังมาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 5MP F2.0 ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเก็บทุกภาพทรงจำด้วยการเซลฟี่ได้อย่างสวยงามและลงตัวในทุกจังหวะ อีกทั้งยังมาพร้อมกับหน่วยความหน่วยความจำภายในสำหรับเก็บบันทึกข้อมูล ROM 32GB และ RAM 3GB และยังสามารถรองรับการขยายความจุได้สูงสุดถึง 1TB ด้วย MicroSD Card ทำให้ผู้ใช้ทุกคน สามารถเก็บทุกโมเมนต์แสนพิเศษในทุกๆ เวลาได้เต็มที่

ด้วยขุมพลังจากชิปเซ็ต MediaTek P35 ทำให้ Samsung Galaxy A04 สามารถทำงานได้อย่างเร็วแรง ให้ผู้ใช้ทุกคนได้ดื่มด่ำไปกับทุกกิจกรรมโปรดบนสมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพบนหน้าจอขนาด 6.5” ระดับ HD+ LCD พร้อมอัตรารีเฟรชเรท 60Hz

โดย Samsung Galaxy A04 ขับเคลื่อนบนระบบปฎิบัติการ Android 12 บน One UI 4.1 ที่สามารถใช้งาน Multi-Active Windows ได้ นอกจากนี้ยังรองรับ WiFi 5GHz ที่สามารถช่วยเพิ่มความเร็วในการใช้งานสมาร์ทโฟนได้มากยิ่งขึ้น ให้ผู้ใช้สามารถสนุกไปกับการท่องโลกโซเชียลได้อย่างเพลิดเพลิน ต่อเนื่อง และไร้ข้อกังวล

Samsung Galaxy A04 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ ในราคา 3,999 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 2 สี ได้แก่สีดำ และสีเขียว พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อสมาร์ทโฟนซัมซุง Galaxy A04 รับเคสและฟิล์มกันรอยมูลค่ารวมกว่า 1,390 บาทฟรีทันที ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565 ผู้ที่สนใจสามารถสั่งซื้อได้ผ่าน samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

Adblock test (Why?)


เปิดตัว Samsung Galaxy A04 สมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นรุ่นใหม่ล่าสุด กล้อง 50MP แบต 5,000mAh ราคา 3,999 บาท - AV Tech Guide
Read More

Fact of Flare! ทำไมกล้อง “iPhone” ถึงชอบมี “แสงแฟลร์” กับวิธีกำจัดให้หมดจด - กรุงเทพธุรกิจ

ไม่ใช่อิทธิปาฏิหาริย์ ไม่ใช่ดวงวิญญาณที่มาปรากฏในภาพ แต่ แสงแฟลร์ (Flare) ที่หลายคนเคยเจอไม่ว่าจะเป็นดวงๆ คล้ายพลังงานลี้ลับ, แสงฟุ้งๆ ที่มารบกวนสายตาในภาพ หรือเงาสะท้อนแปลกตาที่ไม่น่าเกิดขึ้นในภาพได้ เหล่านี้คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งในกล้องถ่ายรูปทั่วไป และในกล้องของสมาร์ทโฟน

แต่หนึ่งในกล้องมือถือที่ขึ้นชื่อลือชาว่ามาพร้อม แสงแฟลร์ คงหนีไม่พ้น iPhone ที่บ่อยครั้งก็เกิดคำถามว่าทำไมภาพที่ Shot on iPhone กลับยังติดปัญหานี้อยู่ KT Review กรุงเทพธุรกิจไอทีจะพามารู้จักปรากฏการณ์แสงหลอน หรือแสงแฟลร์ ให้ถ่องแท้ พร้อมทางแก้ให้ภาพถ่ายสวยใสไร้แฟลร์

Fact of Flare! ทำไมกล้อง “iPhone” ถึงชอบมี “แสงแฟลร์” กับวิธีกำจัดให้หมดจด

แฟลร์เกิดจากอะไร?

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเลนส์ของกล้องกันก่อน เพราะเลนส์ถ่ายภาพไม่ว่าจะกล้องเล็ก กล้องใหญ่ หรือกล้องสมาร์ทโฟน ต่างประกอบด้วยชิ้นเลนส์หลายชิ้นเรียงกันอยู่ ส่วนมาก "แสงแฟลร์" จะเกิดจากแสงที่พุ่งตรงเข้ามาที่เลนส์ในปริมาณมากเกินไปหรือในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม จนเกิดเป็นแสงสะท้อนขึ้น สำหรับ "iPhone" รวมถึงสมาร์ทโฟนบางรุ่น มักจะเกิดแสงแฟลร์ในการถ่ายภาพย้อนแสง และการถ่ายภาพกลางคืน ซึ่งแทนที่จะได้แสงแฟลร์ที่หลายคนมองว่าเป็นสีสันของภาพ กลับกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมบนภาพ รวมถึงอาจทำให้รายละเอียดของภาพขาดหายด้วยซ้ำ

นอกจากสาเหตุจากสภาพแสงแล้ว ส่วนของ Hardware ก็มีผล มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเกิดแสงแฟลร์ใน iPhone รุ่นก่อนๆ (จนถึง iPhone 12) อาจเพราะการตำแหน่งกล้องอยู่ใกล้กันเกินไป จึงเกิดแสงสะท้อนเข้าสู่เลนส์หลัก จน Apple ปรับตำแหน่งของเลนส์ให้ทแยงมุมกัน ทว่าก็ยังพบปัญหาแสงแฟลร์อยู่บ้าง

สาเหตุการเกิดแฟลร์ยังมีอีกหลายปัจจัย ตั้งแต่เลนส์สกปรกทั้งจากฝุ่น รอยนิ้วมือ หรือคราบต่างๆ, รอยร้าวบนหน้าเลนส์, การที่สาร Multi Coated บนหน้าเลนส์หลุดร่อน ไปจนถึงการติดฟิล์มหรือกระจกกันรอยที่หน้าเลนส์ด้วยซ้ำไป เพราะถึงแม้จะมีเงาแต่การที่แสงตกกระทบบนวัตถุอื่นก่อนก็อาจหักเหแสงจนเกิดเป็นแฟลร์ได้เช่นกัน

Fact of Flare! ทำไมกล้อง “iPhone” ถึงชอบมี “แสงแฟลร์” กับวิธีกำจัดให้หมดจด

เคล็ดไม่ลับกำจัดแฟลร์

ถ้า "แสงแฟลร์" เกิดขึ้นจากความตั้งใจ ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา แต่ในกรณีแสงเหล่านี้กลายเป็นสิ่งรบกวนสายตาและรบกวนใจก็ต้องกำจัด ต่อไปนี้คือ วิธีจัดการกับแสงแฟลร์ให้หมดไป (หรืออย่างน้อยเบาลงก็ยังดี)

1. จัดการที่ต้นกำเนิดแสง

แสงอาจไม่แยงตา แต่เมื่อแสงมาแยงเลนส์ ไม่ว่าจะเป็นแสงอาทิตย์หรือแสงจากแหล่งกำเนิดแสงอื่นๆ ก็ต้องจัดการที่ต้นตอ ด้วยการลดปริมาณแสง ถ้าเป็นแสงอาทิตย์ก็ควรรอให้แสงอ่อนลง เช่น รอช่วงที่เมฆบังดวงอาทิตย์ หรือถ่ายภาพผ่านวัตถุอื่นๆ ที่ช่วยลดแสงได้

2. จัดการที่หน้าเลนส์

ปัจจัยที่ควบคุมได้มากที่สุด คือ "iPhone" หรือสมาร์ทโฟนที่อยู่ในมือเรา หากเป็นกล้องทั่วไป อาจจะมีอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าฮู้ด (Hood) ใช้ติดที่หน้าเลนส์เพื่อป้องกันแสงรบกวนที่จะเข้ามาที่เลนส์ แต่สำหรับไอโฟนและสมาร์ทโฟน สิ่งของต่างๆ ใกล้ตัวก็นำมาบังแสงไม่พึงประสงค์ได้ โดยนำมาป้องที่บริเวณที่แสงรบกวนแยงเข้ามา

ถ้าไม่มีอุปกรณ์ใดๆ มือของเราคือ สิ่งที่ง่าย และใช้ได้ผลดีมากเลยทีเดียว ด้วยการใช้มือป้อง ทำนองเดียวกับเวลาแสงแยงตาแล้วเอามือป้องตานั่นเอง แต่ไม่ว่าจะใช้อะไรป้อง อย่าให้วัตถุเข้ามาในเฟรมแทนแสงแฟลร์

3.หลบนิด เปลี่ยนหน่อย ได้มุมใหม่

อีกวิธีที่ง่ายมาก ไม่ต้องใช้ตัวช่วยใดๆ คือ การเปลี่ยนมุมถ่ายภาพ บางทีแค่เบนกล้องเพียงเล็กน้อยก็ไร้แสงแฟลร์แล้ว ซึ่งมุมที่มักจะมีปัญหากับแสงแฟลร์มากคือ มุมเสย เพราะแสงจะเข้ามาที่เลนส์ได้ง่าย ลองเปลี่ยนมุมมองถ่ายกดลงนิดหน่อยจะช่วยให้ไม่เกิดแฟลร์ และอาจได้มุมมองใหม่ๆ ด้วย

ทว่าในกรณีที่จำเป็นต้องถ่ายมุมนั้นจริงๆ เพราะมุมมองจำกัด คงต้องย้อนไปที่ข้อก่อนหน้า

Fact of Flare! ทำไมกล้อง “iPhone” ถึงชอบมี “แสงแฟลร์” กับวิธีกำจัดให้หมดจด

4. เมื่อเลี่ยงไม่ได้ จงเข้าร่วม

นี่คือ เรื่องจริง เพราะถ้าปัจจัยต่างๆ ไม่อำนวยให้หลบเลี่ยงแสงแฟลร์แล้ว อาจต้องใช้แสงแฟลร์เพื่อให้เกิดมิติของภาพไปเลย เพราะแสงแฟลร์ไม่ใช่ตัวร้ายเสมอไป หลายครั้งที่แสงแฟลร์กลายเป็นพระเอกทำให้ภาพถ่ายดูสวยงาม และสมบูรณ์แบบมากขึ้น

เราจึงขอแถมเทคนิคการใช้ "แสงแฟลร์" สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ซึ่งช่างภาพมักจะเรียกกันว่า Flare Photography

  • ไม่ต้องบังแสง แต่บิดหามุมที่แสงเข้าสวยที่สุด เพราะในเมื่อแฟลร์จะเกิดก็ต้องให้มันเกิด แต่แฟลร์จะมีมุมที่สวย เข้ากับอารมณ์ภาพมากที่สุดอยู่ ลองหันกล้องไปในทางที่ใช่ แล้วกดชัตเตอร์ดู
  • เลือกโลเคชั่นให้สร้างสรรค์ที่สุด ต้องอย่าลืมว่านอกจากแสงฟุ้งๆ หรือเกิดเป็นเส้นๆ จุดๆ ดวงๆ ภาพจะสื่อสารได้ต้องมีองค์ประกอบอื่นๆ และโลเคชั่นคือ กุญแจสำคัญ ที่ไม่ว่าแสงจะพุ่งลงมาตรงๆ หรือลอดทะลุช่องของต้นไม้ ซอกตึก ฯลฯ ล้วนให้ภาพที่ได้อารมณ์ที่สุด
  • แสงแฟลร์ก็มีเวลาทอง ไหนๆ ก็จะเล่นกับแสงแฟลร์แล้ว หากเลือกช่วงเวลาที่แสงจะแยงเข้ามาที่เลนส์ได้ ก็ควรเลือกช่วงอาทิตย์เพิ่งขึ้น และก่อนอาทิตย์ตก แสงช่วงนั้นจะพุ่งมาจากแนวระนาบ และเป็นช่วงแสงสีสวยที่สุด

เมื่อรู้จัก "แสงแฟลร์" แล้ว จะชอบหรือไม่ชอบ จะใช้ประโยชน์จากมันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ถ้าสังเกตแล้วว่าแสงแฟลร์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่น่าจะปกติ แก้ไขอย่างไรก็ไม่หาย และมีแนวโน้มว่าจะเกิดความผิดปกติของอุปกรณ์ การส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ และแก้ไขน่าจะดีที่สุด เพราะ "Flare maybe not fun" สำหรับบางคน

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์

Adblock test (Why?)


Fact of Flare! ทำไมกล้อง “iPhone” ถึงชอบมี “แสงแฟลร์” กับวิธีกำจัดให้หมดจด - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Wednesday, October 26, 2022

AirPods Pro (รุ่นที่ 2) วางขายแล้ว! ที่ Apple Store ทั้ง 2 สาขา - iPhoneMod

26 ต.ค. 65, AirPods Pro (รุ่นที่ 2) วางจำหน่ายแล้วที่หน้าร้าน Apple Store ทั้ง 2 สาขา สามารถเดินเข้าไปเลือกซื้อได้เลยที่หน้าร้าน Apple Central World และ Apple Iconsiam มีจุดสำหรับทดสอบใช้งานด้วย

AirPods Pro (รุ่นที่ 2) วางขายแล้ว! ที่ Apple Store ทั้ง 2 สาขา

AirPods Pro (รุ่นที่ 2) วางขายแล้วที่หน้าร้าน Apple Central World และ Apple Iconsiam (25 ต.ค. 65) ผู้ซื้อสามารถไปเลือกซื้อที่หน้าร้านได้เลย เปิดตัวออกมาในราคา 8,990 บาท

AirPods Pro (รุ่นที่ 2) มาพร้อมกับชิป H2 ตัวใหม่ คุณภาพเสียงดีขึ้น ตัดเสียงรบกวนได้ดีขึ้น 2 เท่า และที่สำคัญคือตัวหูฟังมาพร้อมความสามารถในการสัมผัสเพื่อปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียงได้ รวมถึงเคสชาร์จยังมีลำโพงในตัวช่วยให้ค้นหาจาก Find My ได้ด้วยสั่งซื้อ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) : https://www.apple.com/th/shop/

ไฮไลท์เด่น AirPods Pro 2

  • ดีไซน์เหมือน AirPoids Pro รุ่นแรก
  • ชิป H2 เสียงดีขึ้น รับย่านเสียงได้ดีขึ้น
  • รองรับการตัดเสียงรบกวน ANC ที่ตัดเสียงรบกวนได้ดีขึ้น 2 เท่า
  • รองรับ Spatial Audio แบบปรับแต่งเองได้เฉพาะบุคคล
  • โหมดฟังเสียงภายนอกที่ปรับตามสภาวะภายนอก
  • เพิ่มการควบคุมใหม่ Touch Control เช่นการเลื่อนขึ้น ลง ที่หูฟัง
  • มาพร้อมไดร์เวอร์ตัวใหม่ รองรับความถี่สูงขึ้น
  • ฟังได้สูงสุด 6 ชั่วโมง ใช้กับกล่องชาร์จใช้ได้ 30 ชั่วโมง
  • เคสชาร์จมีลำโพง ส่งเสียงได้เวลาทีกดค้นหา
  • รองรับ MagSafe และการชาร์จไร้สาย Qi
  • จุกหูฟัง 4 ขนาด XS ,S ,M ,L

หากอยากทราบว่า AirPod Pro รุ่นที่ 1 และ AirPod Pro รุ่นที่ 2 มีสเปคอะไรที่แตกต่างกันบ้าง สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย



Adblock test (Why?)


AirPods Pro (รุ่นที่ 2) วางขายแล้ว! ที่ Apple Store ทั้ง 2 สาขา - iPhoneMod
Read More

รีวิว Death Stranding Director's Cut เล่นบน iPad Pro M2 - iPhoneMod

ในที่สุดสาวก Apple อย่างเราก็ได้เล่นเกม Death Stranding เวอร์ชัน Director’s Cut บนอุปกรณ์ Apple กันแล้ว ใครอยากลองเล่นเข้าไปซื้อเกมใน App S...