Rechercher dans ce blog

Tuesday, February 28, 2023

LINE HACK 2023 ประกาศผลผู้ชนะ หลังการเฟ้นหาสุดเข้มข้น พบนักพัฒนาไทยรุ่นใหม่สนใจสร้างโซลูชันใน ร้านกินดื่ม - Techoffside.com

LINE ประกาศผลผู้ชนะ LINE HACK 2023 หลังการเฟ้นหาสุดยอดทีมที่มีไอเดียสุดล้ำ พบเทรนด์ใหม่นักพัฒนาไทยให้ความสนใจในการสร้างโซลูชันใน ร้านกินดื่ม

LINE ประเทศไทย ประกาศผลผู้ชนะจาก LINE HACK 2023 สุดยอดการแข่งขัน Hackathon ครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี เฟ้นหาสุดยอดทีมนักพัฒนาไทยที่มีไอเดียสุดเจ๋ง สร้างสรรค์บริการที่ใช่ ตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ภายใต้ธีม Back to Physical World โดยในปีนี้ได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก จากจำนวนทีมผู้สมัครเข้าร่วมเกิน 200 ทีมพร้อมไอเดียที่หลากหลาย โดย LINE ได้คัดเลือกทีมที่ผ่านเกณฑ์เข้าสู่รอบสุดท้ายทั้งสิ้น 16 ทีม เพื่อนำเสนอผลงาน และจำลองบริการที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ ประชันกันสด ๆ ในวัน Demo Day เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบเทรนด์นักพัฒนาไทยคนรุ่นใหม่สนใจสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ใน ร้านกินดื่ม ตั้งแต่จองโต๊ะยันหาคู่เดต

นายวีระ เกษตรสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมและหัวหน้าฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ LINE ประเทศไทย เผยว่า “LINE ให้ความสำคัญกับนักพัฒนาไทยไปจนถึง Talent หน้าใหม่ในโลกของเทคโนโลยี เพราะคนกลุ่มนี้ ถือเป็นกำลังสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ โดย LINE HACK เป็นหนึ่งเวทีสำคัญที่ช่วยให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้มีโอกาสในการปล่อยของ ประลองไอเดียใหม่ แลกเปลี่ยนความคิดประสบการณ์ที่หลากหลาย นำไปสู่การสร้างคอมมิวนิตี้นักพัฒนาไทยที่แข็งแกร่ง เพื่อช่วยเหลือและเติมเต็มเทคนิคความรู้ซึ่งกันและกันได้อย่างยั่งยืน โดยการแข่งขัน Hackathon ในปีนี้เราพบว่า สิ่งที่คนรุ่นใหม่กำลังให้ความสนใจ คือ การมองหาและสร้างโซลูชันเพื่อร้านกินดื่ม ตั้งแต่การจองโต๊ะ รับออเดอร์ การชำระเงิน กระทั่งหาคู่เดตในร้านอาหารได้อย่างน่าสนใจ”

สำหรับรายชื่อทีมผู้ชนะในการแข่งขัน LINE HACK 2023 แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

รางวัลประเภทนักพัฒนาทั่วไป (กลุ่มคนทั่วไป)

LINE HACK 2023 ร้านกินดื่ม
  • รางวัลชนะเลิศอันดับ 1: ทีม De jong กับไอเดียระบบการจองโต๊ะในร้านกินดื่ม ครบจบใน LINE ด้วยการนำเครื่องมือ LINE SHOPPING API มาใช้สร้างออเดอร์ ไปจนถึงการชำระเงิน ซึ่งผู้ใช้จะได้รับตั๋วเข้าร้านได้ง่าย ๆ ผ่าน LINE โดยอัตโนมัติ
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1: ทีม Six pack made in the kitchen กับผลงานระบบจัดการงานวิ่งที่ครบวงจร ตอบโจทย์ทั้งในมุมผู้ใช้ ที่ง่ายตั้งแต่การลงทะเบียน เช็คอินเข้างานด้วย LINE Beacon พร้อมเก็บผลวิ่งและคะแนนเพื่อแลก Rewards และในมุมผู้จัดงาน กับการแสดงผลข้อมูลสถิติต่าง ๆ พร้อมระบบ Matching ระหว่าง Sponsor กับผู้จัดงานได้อย่างครบครัน
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2: ทีม Barista กับไอเดียระบบดูดวงกับหมอดูผ่าน LIFF สุดล้ำ! ให้ผู้ใช้สามารถมองหาหมอดูที่ใช่ ตรงกับความต้องการผ่าน LINE ตรวจสอบวันเวลาและจองคิวหมอดูได้ โดยหากเลือกเป็นการดูดวงแบบออนไลน์ ก็สามารถทำผ่าน LINE ได้ โดยไม่ต้องโหลดแอปฯ เพิ่มเติม

รางวัลประเภทนักเรียน นักศึกษา

  • รางวัลชนะเลิศอันดับ 1: ทีม Shon-ma! จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับผลงานระบบหาคู่เดตในร้านกินดื่มด้วยเทคโนโลยี LINE Beacon ให้ผู้ใช้สามารถสร้างโปรไฟล์ ระบุความสนใจ เพื่อค้นหาคนที่ใช่ในบริเวณร้านเดียวกัน โดยหากเจอคนที่ใช่ สามารถทักเข้าไปคุยได้ผ่านระบบแชทใน LIFF ได้ แถมยังสามารถสั่งเครื่องดื่มในร้านให้ไปส่งยังโต๊ะที่ต้องการผ่านระบบเพื่อสร้างความประทับใจ
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1: ทีม Rotten Mango จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กับระบบการจัดการสวนสัตว์ สร้างประสบการณ์ใหม่ให้ผู้เข้าชม ด้วย Journey บนโลกออนไลน์ ผสานกับ Journey จริงในโลกออฟไลน์ได้อย่างลงตัว ตั้งแต่การซื้อตั๋ว ดูแผนที่นำทาง โชว์ข้อมูลสัตว์ต่าง ๆ และกำหนดรอบการโชว์ผ่าน LINE พร้อมไฮไลท์ฟีเจอร์การทำเกมส์ให้ผู้ใช้ทำตามภารกิจที่ได้ แล้วใช้ Machine Learning มาตรวจสอบเพื่อแจกแต้มให้ผู้ใช้มาแลกเป็นของรางวัลติดไม้ติดมือกลับบ้าน
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2: ทีม เขวเหน่วซับ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กับไอเดียระบบการจองตั๋วคอนเสิร์ต ที่จะมาแก้ปัญหาการวนขายบัตรซ้ำหรือขายบัตรเกินราคา ด้วยการใช้ LINE Beacon มาตรวจสอบและยืนยันตัวตนผู้เข้าร่วมงาน แถมมีการพัฒนาอัลกอริทึ่มใหม่มาตอบโจทย์การจองตั๋วแบบทีม เพื่อให้ระบบการจองเสถียรมากขึ้น

สามารถติดตามข่าวสารโครงการ LINE HACK ไปจนถึงความรู้ ข้อมูลอัปเดตด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ และกิจกรรมอื่น ๆ จาก LINE สำหรับนักพัฒนาไทยได้ที่:
เว็บไซต์ https://linedevth.line.me/th/
LINE OA: @linedevth
FB: LINE Developers Thailand

Adblock test (Why?)


LINE HACK 2023 ประกาศผลผู้ชนะ หลังการเฟ้นหาสุดเข้มข้น พบนักพัฒนาไทยรุ่นใหม่สนใจสร้างโซลูชันใน ร้านกินดื่ม - Techoffside.com
Read More

Xiaomi โชว์ของ จัดหนัก เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 300W ชาร์จแบตฯ แค่ 5 นาที - Siamphone

เป็นยุคที่หลายๆ แบรนด์ แข่งกันเรื่องเทคโนโลยีชาร์จเร็วกันจริงๆ ใครจะไปคาดคิดว่าสองสามปีที่ผ่านมา เราจะมาถึงจุดชาร์จเร็วมากถึง 300 วัตต์ โดย Xiaomi โชว์ของในประเทศจีน ด้วยการนำสมาร์ทโฟน Redmi Note 12 Pro+ กับแบตเตอรี่ความจุ 4100mAh ที่มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 300 วัตต์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้แค่ 5 นาที

จากคลิปวิดีโอจะเห็นว่าในระยะเวลาแค่ 2 นาที 12 วินาที สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้แล้วประมาณ 50% ขณะที่เวลาผ่านไป 4 นาที 54 วินาที ชาร์จเต็มไปแล้ว 100% โดยความเร็วในการชาร์จสูงสุด 290W ในช่วงแรก ที่เหลือจะเป็น 280W อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีนี้ไม่ได้ใหม่แค่การชาร์จ แต่เป็นวัสดุการผลิตของแบตเตอรี่ด้วย เปลี่ยนมาเป็นคาร์บอนชนิดพิเศษ ควบรวมเข้ากับแร่กราฟีน และกระบวนการผลิตด้วยเทคนิคพิเศษของเซลล์แบตเตอรี่ที่เรียกว่า “sandwich”

สำหรับเทคนิคการผลิตดังกล่าว ให้คำอธิบายง่ายๆ ว่าเป็น แซนวิสที่ประกอบด้วยเซลล์แบตเตอรี่ประกบกัน ซึ่งมีช่องว่างและปริมาณความหนาแน่นอย่างเหมาะสม เพื่อการระบายอุณหภูมิ พร้อมมีประจุไฟฟ้าชาร์จพร้อมกัน ด้วยการใช้หลักเกณฑ์เทคโนโลยีชาร์จเร็ว dual-GaN charging เจนเนเรชั่นที่ 4

อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 300 วัตต์ ยังคงอยู่ในช่วงพัฒนาและ ต้องรอติดตามว่าจะนำมาใช้งานกับสมาร์ทโฟนรุ่นใดเป็นรุ่นแรก

Adblock test (Why?)


Xiaomi โชว์ของ จัดหนัก เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 300W ชาร์จแบตฯ แค่ 5 นาที - Siamphone
Read More

Monday, February 27, 2023

หลุดภาพ iPhone 15 Pro Max (Ultra) ใช้ USB-C ขอบจอบาง ไม่มีปุ่มข้างตัวเครื่อง - TechHangout

OPPO Reno8 T 5G สมาร์โฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพทรงพลัง สเปกอัปเกรดในทุกด้าน - Siamphone

OPPO Reno8 T 5G เรียกว่าฮอตมากสำหรับสมาร์ทโฟนช่วงราคา 13,000 – 15,000 บาท ด้วยการทำยอดขายเป็นอันดับ 1 ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มวางจำหน่าย จากจุดเด่นทัชใจสายถ่ายพอร์ตเทรตด้วยกล้อง 108MP Portrait Camera ที่ถ่ายสวย คมชัดแม้ครอบตัดหรือแก้ไข นอกจากนี้ยังมาพร้อมประสิทธิภาพรอบด้านที่อัปเกรดใหม่ทั้งเซ็ต ไล่มาตั้งแต่ดีไซน์ หน้าจอ ชิปประมวลผล ไปจนถึงแบตเตอรี่สุดอึดพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว แต่ประสิทธิภาพจะทรงพลังแค่ไหน เราไปเจาะลึกกัน

อัปเกรดการถ่ายภาพ

เริ่มที่ไฮไลท์ 108MP Portrait Camera กล้องถ่ายภาพพอร์ตเทรตความคมชัด 108 ล้านพิกเซล แตกต่างจากกล้องถ่ายพอร์ตเทรตทั่วไปอย่างไร ด้วยความละเอียดที่มากกว่า ทำให้เวลาที่เราเก็บภาพพอร์ตเทรต หรือภาพบุคคลแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งปกติจะดูแค่การโฟกัสที่บุคคลหรือวัตถุ ดูฉากหลังกับขอบว่ามีการตัดได้เนียน และเบลอสวยเป็นธรรมชาติหรือไม่เท่านั้น แต่กล้อง 108MP Portrait Camera จะได้ภาพที่ยังคมชัดอยู่ แม้จะนำรูปที่ถ่ายแล้วมาครอบตัด หรือทำการแก้ไขนั่นเอง

อัปเกรดสเปครอบด้าน

OPPO Reno8 T 5G ได้อัปเกรดประสิทธิภาพรอบด้าน ตั้งแต่แบตเตอรี่ความจุใหญ่กว่าเดิมที่ 4,800mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOCTM ที่ทางแบรนด์เคลมว่า สามารถใช้เวลาเวลา 44 นาที ที่จะชาร์จพลังงานจาก 0 -100 เปอร์เซ็นต์ และในการชาร์จเพียง 5 นาที ก็เพียงพอสำหรับคุยโทรศัพท์ต่อเนื่อง 5.59 ชั่วโมง หรือดูวิดีโอได้นาน 3.56 ชั่วโมง อีกทั้งมี Battery Health Engine ซึ่งจะช่วยจัดสรรการใช้พลังงานอย่างเป็นระบบ จึงประหยัดแบตเตอรี่ได้มากขึ้น ทำให้มีเวลาการใช้งานได้ยาวนานขึ้น

OPPO Reno8 T 5G มีรอบการชาร์จของแบตเตอรี่สูงสุดที่ 1,600 รอบการชาร์จ/คายประจุ นับเป็น 2 เท่าของมาตรฐานทั่วไปซึ่งอยู่ที่ 800 รอบ ทำให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ซึ่งปกติจะอยู่ที่ 2 ปี แต่ของ OPPO Reno8 T 5G จะสามารถยืดอายุไปได้นานเกือบ 4 ปีเลยทีเดียว

OPPO Reno8 T 5G มีชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 695 5G Mobile ที่รองรับการใช้งานเครือข่าย 5G ที่เร็วแรง พร้อม RAM 8GB และหน่วยความจำสูงสุด 256GB ด้วยความจุขนาดใหญ่ จึงทำให้การประมวลผลมีความรวดเร็ว มีพื้นที่เพียงพอต่อการจัดเก็บไฟล์ต่างๆ ไม่เพียงเท่านั้น ยังให้เทคโนโลยี RAM Expansion ที่สามารถเพิ่ม RAM เสมือนให้มากขึ้นเป็น 4GB, 6GB และสูงสุด 8GB เมื่อรวมกันแล้วจะมี RAM ความจุ 16GB เลยทีเดียว ทำให้เวลาที่ต้องการการประมวลผลที่รวดเร็ว ใช้พื้นที่เยอะ OPPO Reno8 T 5G จะสามารถทำงานได้อย่างไหลลื่นขึ้น ไม่พบการหน่วงช้า แม้จะเปิดแอปพลิเคชั่นหลายแอปฯค้างไว้ หรือทำการเปิดปิดสลับไปมาระหว่างแอปฯ ก็ไม่เกิดปัญหาการกระตุก ซึ่งจากการทดสอบทางแลปของ OPPO แอปสามารถทำงานอยู่เบื้องหลังได้มากถึง 22 แอปในครั้งเดียว และรองรับการขยาย MicroSD Card ได้สูงสุด 1TB อีกด้วย

นอกจากอัปเกรดภายใน ดีไซน์ก็ได้รับการอัปเกรดใหม่เช่นเดียวกัน กับหน้าจอโค้ง 3 มิติ 120Hz รุ่นแรกของซีรีส์ใน OPPO Reno8 T 5G พร้อมฝาหลังที่ผ่านการแกะสลักวัสดุในระดับจุลภาค ทำให้ได้พื้นผิวด้านละเอียดแบบ OPPO Glow สร้างคริสตัลทรงปิรามิดหลายล้านเม็ดบนฝาหลัง และมีสีสันพิเศษเฉพาะตัว ทั้งยังช่วยปกป้องการเกิดรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดี มีมาด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีดำ Midnight Black และสีทอง Sunrise Gold ที่เปล่งประกายราวกับแสงแดดอ่อนยามเช้า

เป็นเจ้าของ OPPO Reno8 T 5G สมาร์ทโฟน The Portrait Expert ที่ถ่ายภาพพอร์ตเทรตสวย คมชัดที่สุด ได้แล้ววันนี้ ในราคา 13,990 ในรุ่น 8+128GB และราคา 14,990 ในรุ่น 8+256GB มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีทอง Sunrise Gold และสีดำ Midnight Black ที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/oppothai

Adblock test (Why?)


OPPO Reno8 T 5G สมาร์โฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพทรงพลัง สเปกอัปเกรดในทุกด้าน - Siamphone
Read More

Sunday, February 26, 2023

ทำไม Nokia ถึงเปลี่ยนโลโก้ในรอบ 60 ปี - ไทยรัฐ

โนเกีย (Nokia)  แบรนด์โทรศัพท์มือถือที่เคยโด่งดังในยุคก่อนสมาร์ทโฟนบุกตลาด ประกาศเปลี่ยนโลโก้ครั้งแรก หลังจากใช้โลโก้เดิมมานานเกือบ 60 ปี

โนเกีย บริษัทเทคโนโลยีจากประเทศฟินแลนด์ ถือเป็นบริษัทที่เคยยิ่งใหญ่ในตลาดโทรศัพท์มือ เพราะครองส่วนแบ่งตลาดผู้โทรศัพท์มานานหลายปีจนในช่วงหลังปี 2011 การเกิดขึ้นของสมาร์ทโฟน ที่มีไอโฟน ซัมซุง และแบรนด์จีนบุกตลาดจนได้ลูกค้าไปเกือบทั่วโลก ส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือของโนเกียจึงหายไป

โลโก้เดิมของโนเกีย
โลโก้เดิมของโนเกีย

อย่างไรก็ตามสิ่งที่โนเกียยังมี คือธุรกิจเทคโนโลยีอย่างการจำหน่ายเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และแน่นอนการเปลี่ยนโลโก้ของโนเกียในรอบ 60 ปีนี้ มีความหมายอย่างยิ่ง ว่าทำไมโนเกียถึงเปลี่ยนโลโก้ และส่งสัญญาณการบุกธุรกิจเทคโนโลยีนับจากนี้อย่างไร

โนเกียประกาศการเปลี่ยนโลโก้ที่งานโมบายล์ เวิล์ด คองเกรส 2023 (Mobile World Congress หรือ MWC) ที่บาร์เซโลนา ประเทศสเปน โดย เพ็กก้า ลุนด์มาร์ค (Pekka Lundmark) ซีอีโอ โนเกีย กล่าวในตอนหนึ่งว่า โลกมีการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล ทั้งด้านธุรกิจ สังคม และโนเกียมีจุดแข็งในเทคโนโลยีเครือข่ายที่ตอบโจทย์การเชื่อมโยงของธุรกิจและผู้คน

โลโก้ใหม่โนเกีย ที่เพิ่งประกาศวันที่ 26 ก.พ. 2023
โลโก้ใหม่โนเกีย ที่เพิ่งประกาศวันที่ 26 ก.พ. 2023

โลโก้ใหม่นี้เป็นการรีเฟรชแบรนด์ ดีไซน์หรือการออกแบบโลโก้ใหม่นี้มี 5 แบบแตกต่างกัน ที่มีทั้ง สีฟ้า สีขาว วางบนพื้นสี และลวดลายต่างกัน
เป็นการย้ำว่าโนเกีย คือผู้เชี่ยวชาญ เป็นผู้นำ และบุกเบิกในโลกเทคโนโลยี นวัตกรรม และมีความร่วมแรงร่วมใจกับพันธมิตรธุรกิจอย่างเต็มที่

Adblock test (Why?)


ทำไม Nokia ถึงเปลี่ยนโลโก้ในรอบ 60 ปี - ไทยรัฐ
Read More

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023 - iphone-droid.net

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด สำหรับการใช้งานและตอบโจทย์ผู้ใช้แต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น series ใหม่ล่าสุด หรือ C-series สำหรับใครกำลังมองหารุ่นที่มาพร้อมสเปคดีๆ ราคาประหยัด ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงรุ่นเรือธงที่มีสเปคจัดเต็มทุกด้าน เล่นเกมลื่น และแบตเตอรี่รองรับชาร์จเร็ว วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว ในปี 2023

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023

มือถือ realme รุ่นไหนดี ในปี 2023

ในปี 2023 เราจะได้เห็น realme เปิดตัวสมาร์ทโฟน 10 Pro series ที่มีความโดดเด่นด้วยสเปคจัดเต็ม และสายแรร์ไอเท็มห้ามพลาดกับ realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition การคอลแลบครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างแบรนด์เทคโนโลยีเพื่อคนรุ่นใหม่และ Coca-Cola แบรนด์เครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ระดับไอคอนิก

หากใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนฟีเจอร์ครบครันในราคาจับต้องได้ ก็ขอแนะนำ realme C33 ในงบหลักพัน ได้กล้องหลัง 50MP ที่หาได้ยากมากๆ กับรุ่นราคาระดับเดียวกัน ได้หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว และแบตสุดอึด 5000mAh ที่พร้อมให้ใช้งานเต็มที่ตลอดวัน ก็เป็นตัวเลือกสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ทุกไฟล์สไตล์

realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition

realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition

realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition เป็นสมาร์ทโฟนที่เห็นถึงความตั้งใจของเรียลมีที่เก็บทุกดีเทลความเป็นโค้กได้อย่างครบถ้วน แฟนโค้กที่ชอบถ่ายรูปจะต้องถูกใจกับ “80s Cola Filters” ที่ชวนให้นึกถึงภาพความคลาสสิกของยุค 1980 แถมยังมีเสียงกดชัตเตอร์สุดพิเศษเป็นเสียงเปิดกระป๋องโค้กอีกด้วย

หากใครกำลังคิดว่า realme รุ่นไหนดี ตัวเครื่องรุ่นนี้ยังมาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G และแบตเตอรี่ 5000mAh ได้กล้อง108MP ProLight กับฟีเจอร์ Street Photography Mode 3.0 ที่อัปเกรดใหม่ ผู้ใช้จะใส่ฟิลเตอร์สำหรับแต่ละเมืองได้ตามตำแหน่งที่ถ่ายรูป

  • หน้าจอ: 6.72 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล, IPS LCD, 120Hz
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
  • ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 695 5G
  • GPU: Adreno 619
  • RAM: 8GB
  • ความจุเครื่อง: 256GB
  • microSD card: รองรับ
  • กล้องหลัง 2 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล f/1.8
    • กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 33W

realme 10 Pro 5G

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023

realme 10 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจออัตรารีเฟรซเรท 120Hz ดีไซน์ตัวเครื่องระดับพรีเมียม ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC อีกทั้งยังมีกล้อง ProLight 108MP ความละเอียดสูง ถ่ายสวยและคมชัดแน่นอน

นอกจากนี้ก็ยังมีตัวเครื่องบางเป็นพิเศษเพียง 8.1 มม. สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่องได้รวดเร็ว มีฟีเจอร์ Dynamic RAM เพิ่มหน่วยความจำเสมือนได้อีก 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 256GB แถมใส่เมมได้สูงสุด 1TB และรันระบบปฏิบัติการ realme UI 4.0

  • หน้าจอ: 6.72 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล, IPS LCD, 120Hz
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
  • ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 695 5G
  • GPU: Adreno 619
  • RAM: 8GB
  • ความจุเครื่อง: 256GB
  • microSD card: รองรับ
  • กล้องหลัง 2 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล f/1.8
    • กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 33W

realme 10 Pro+ 5G

มือถือใหม่ 10 Pro+ 5G

realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมจอโค้ง 120Hz OLED พร้อมขอบด้านล่างบางสุดเพียง 2.33 มม. แถมมีเทคโนโลยีการปรับความสว่างหน้าจอที่ระดับ 2160Hz PWM ช่วยปกป้องดวงตาได้ดีกว่า พร้อมมอบสีสันที่ถูกต้องแม่นยำแม้ในที่แสงน้อยซึ่งจอจะปรับความสว่างในระดับต่ำสุด

ตัวกล้องมีความละเอียดสูง 108MP ProLight Camera และชิปเซ็ต Dimensity 920 5G พร้อมระบบปฏิบัติการ realme UI 4.1 ตั้งแต่แกะกล่อง รองรับฟีเจอร์การเล่นเพลงอัจฉริยะบน AOD เพื่อความสะดวกในการควบคุมเสียง และ AOD แบบกำหนดเองก็สามารถตั้งค่าได้หลากหลาย

  • หน้าจอ: 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2412 พิกเซล, AMOLED, 1 พันล้านสี, HDR10+, 120Hz
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
  • ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 1080
  • GPU: Mali-G68 MC4
  • RAM: 8GB
  • ความจุเครื่อง: 256GB
  • microSD card: ไม่รองรับ
  • กล้องหลัง 3 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล f/1.8
    • กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2
    • กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 67W

realme GT NEO 3

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023

realme GT NEO 3 สมาร์ทโฟนกลุ่มแรกของโลกในเวลานั้นที่ใช้ชิปเซ็ตจากค่าย MediaTek อย่าง Dimensity 8100 จัดเต็มกับจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ที่รองรับระบบ HDR 10+ และลื่นๆ ด้วย refresh rate 120Hz ทำให้การใช้งานกราฟิกและรูปภาพประมวลผลได้อย่างราบรื่น

ตัวเครื่องโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งแบบ Racing Stripe Design กล้องหลักของรุ่นนี้ใช้เซ็นเซอร์ระดับท็อป Sony IMX 766 ความละเอียดสูงสุด 50MP และยังมาพร้อมเทคโนโลยี SuperDart Charge 80W

  • หน้าจอ: 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2412 พิกเซล AMOLED, 120Hz
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
  • ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 8100
  • GPU: Mali-G610 MC6
  • RAM: 8GB
  • ความจุเครื่อง: 256GB
  • microSD card: ไม่รองรับ
  • กล้องหลัง 3 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.9
    • กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.3
    • กล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 80W

realme C33

มือถือใหม่

realme C33 เรียกได้ว่าเป็น Budget King รุ่นล่าสุด ชูจุดเด่นกล้องความละเอียด 50MP พร้อมการประมวลผลภาพ CHDR algorithm เพื่อดึงสีสัน ความสว่าง และความคมชัดสดใส ในขณะที่หน้าจอเป็นแบบ Mini-drop ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว

นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh รันระบบปฏิบัติการ Android 12 และยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มด้านข้างเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น มีถาดใส่ซิมแบบ 3 สล็อต และสามารถขยายหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 1TB

  • หน้าจอ: 6.5 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล, IPS LCD
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับด้วย realme UI S
  • ชิปเซ็ต: Unisoc Tiger T612
  • GPU: Mali-G57
  • RAM: 4GB
  • ความจุเครื่อง: 64GB/128GB
  • microSD card: รองรับ
  • กล้องหลัง 2 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
    • กล้อง Depth ความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล f/2.8
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล f/2.2
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต microUSB
  • แบตเตอรี่: 5000mAh

realme C30s

realme C30s

realme C30s โดดเด่นด้วยความบางเฉียบเพียง 8.5 มม. และน้ำหนักเบา ดีไซน์ป้องกันการลื่นแบบ Micro-texture จับกระชับถนัดมือ มีหน้าจอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมความสว่างสูงถึง 400 nits และกล้องหลัง 8MP ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Dirac 3.0 Technology ให้เสียงสเตอริโอที่ชัดเจน มีคุณภาพ เพื่อการฟังเพลง

ตัวเครื่องใช้ชิปเซ็ต Unisoc SC9863A Octa Core แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh มีฟีเจอร์ Ultra Saving Mode เพื่อประหยัดพลังงานและคงฟังก์ชันพื้นฐานของสมาร์ทโฟนไว้ได้ สามารถสแตนด์บายได้ยาวนานถึง 16.5 ชั่วโมง แม้แบตจะเหลือเพียง 5%

  • หน้าจอ: 6.5 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล, IPS LCD
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับด้วย realme UI Go
  • ชิปเซ็ต: Unisoc SC9863A
  • GPU: PowerVR GE8322
  • RAM: 2GB
  • ความจุเครื่อง: 32GB
  • microSD card: รองรับ
  • กล้องหลัง: 8 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล f/2.2
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต microUSB
  • แบตเตอรี่: 5000mAh

realme narzo 50i PRIME

narzo 50i PRIME

realme narzo 50i PRIME ดีไซน์แบบ Vertical Stripe Design หรือเล่นลวดลายเป็นแถบแนวตั้งที่ฝาหลังอย่างสวยงาม ถือว่าได้ความคุ้มค่ามาเต็มๆ การใช้งานทั่วไปทำได้ไหลลื่นแน่นอน ตัวเครื่องไม่ร้อนง่ายๆ ทั้งยังได้หน้าจอใหญ่ที่แสดงผลได้เต็มตา คมชัดระดับ HD+ รวมถึงกล้องหลังที่ใช้งานได้สวยงามสมราคา

หน้าจอแสดงผลมาให้แบบ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความคมชัด HD+ ใช้ชิปเซ็ต Unisoc Tiger T612 ให้แบตเตอรี่มาถึง 5000mAh มีโหมด Ultra Saving Mode หรือประหยัดพลังงานระดับสูง สแตนบายด์อย่างเดียวก็อยู่ได้นานถึง 45 วัน

  • หน้าจอ: 6.5 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล, IPS LCD
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 11 ครอบทับด้วย realme UI Go
  • หน่วยประมวลผล: Unisoc Tiger T612
  • GPU: Mali-G57
  • RAM: 3GB/4GB
  • ความจุเครื่อง: 32GB/64GB
  • กล้องหลัง: 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • แบตเตอรี่: 5000mAh

วิธีเลือกซื้อ มือถือ realme รุ่นไหนดี

  1. ประสิทธิภาพ: หากต้องการใช้งานได้ได้อย่างไม่ติดขัด ไม่ว่านจะเล่นโซเชียล ถ่ายรูป เล่นเกม ก็ควรเลือกมือถือที่มี RAM 6GB ขึ้นไป เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน
  2. ตัวเครื่อง: เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายคนอาจมองข้ามในตอนแรก แต่หลังจากใช้งานแล้วก็มองว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการกันน้ำ และการเลือกขนาดที่เหมาะกับขนาดมือ ก็จะทำให้การจับถือใช้งานนานๆ แล้วไม่เมื่อยด้วย
  3. กล้องถ่ายรูป: สิ่งที่ขนาดไม่ได้ในสมาร์ทโฟนเลยก็คือเรื่องกล้องถ่ายรูป นอกจากจะต้องมีความละเอียด มีเลนส์ครบทุกตัวแล้ว ระบบกันสั่น OIS ก็เป็นสิ่งที่ควรต้องมี เพื่อให้การถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอนั้นคมชัด ไม่เบลอ
  4. หน้าจอแสดงผล: สำหรับการใช้งานที่เน้นความบันเทิงผ่านหน้าจอเป็นหลัก เช่น ดูหนัง ดูคลิป เล่นโซเชียล ก็ต้องเลือกรุ่นที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ โดยแผงหน้าจอ AMOLED ก็จะมีสันสันที่สวยงาม
  5. กราฟิกและเกม: สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ออกมาเพื่อการเล่นเกมทั่วไปได้อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ก็อาจมองหาชิปเซ็ตระดับกลางขึ้นไป รวมไปถึงหน้าจอที่มีรีเฟรชเรท 90Hz ก็จะทำให้การแสดงผลต่างๆ มีความลื่นไหลมากขึ้น ประสบการณ์การใช้งานบนหน้าจอก็จะเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

realme GT NEO 3 สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง สะท้อนความโฉบเฉี่ยวแบบ Racing Stripe Design ชิปเซ็ต Dimensity 8100 5G มาพร้อมจอแสดงผลระดับเทพ Refresh Rate 120Hz มีระบบเสียงลำโพงคู่ และระบบชาร์จ SuperDart Charge 80W

realme 10 Pro+ 5G เป็นรุ่นที่น่าสนใจสุดในตอนนี้ ระหว่างรอเรือธงรุ่นใหม่ปีนี้เข้าไทย และเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเน้นประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด แต่หากไม่ต้องการจ่ายในราคาที่แพงจนเกินไป realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition ก็ตอบโจทย์การใช้งานครบทุกด้าน อีกทั้งยังเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันที่ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ได้ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมในราคาที่ถูกลง

นอกจากนี้ก็ยังมีรุ่น realme C33 หนึ่งในบัดเจ็ตสมาร์ทโฟนไม่กี่รุ่นในท้องตลาดที่ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000mAh และใช้ถาดใส่ซิมแบบ 3 สล็อต ตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่ด้วยกล้องถ่ายรูปความละเอียดสูงถึง 50MP แถมได้ฝาหลังที่สวยเกินบรรยายให้เป็นเอ็กเฟ็กต์ระลอกคลื่นที่เล่นแสงได้จากทุกทิศทาง

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูล มือถือ realme รุ่นไหนดี ในปี 2023 แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีฟีเจอร์ครบและเหมาะกับการใช้งานของเราจะดีที่สุด อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ

Adblock test (Why?)


realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023 - iphone-droid.net
Read More

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023 - iphone-droid.net

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด สำหรับการใช้งานและตอบโจทย์ผู้ใช้แต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น series ใหม่ล่าสุด หรือ C-series สำหรับใครกำลังมองหารุ่นที่มาพร้อมสเปคดีๆ ราคาประหยัด ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงรุ่นเรือธงที่มีสเปคจัดเต็มทุกด้าน เล่นเกมลื่น และแบตเตอรี่รองรับชาร์จเร็ว วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net ได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว ในปี 2023

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023

มือถือ realme รุ่นไหนดี ในปี 2023

ในปี 2023 เราจะได้เห็น realme เปิดตัวสมาร์ทโฟน 10 Pro series ที่มีความโดดเด่นด้วยสเปคจัดเต็ม และสายแรร์ไอเท็มห้ามพลาดกับ realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition การคอลแลบครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างแบรนด์เทคโนโลยีเพื่อคนรุ่นใหม่และ Coca-Cola แบรนด์เครื่องดื่มยักษ์ใหญ่ระดับไอคอนิก

หากใครกำลังมองหาสมาร์ทโฟนฟีเจอร์ครบครันในราคาจับต้องได้ ก็ขอแนะนำ realme C33 ในงบหลักพัน ได้กล้องหลัง 50MP ที่หาได้ยากมากๆ กับรุ่นราคาระดับเดียวกัน ได้หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว และแบตสุดอึด 5000mAh ที่พร้อมให้ใช้งานเต็มที่ตลอดวัน ก็เป็นตัวเลือกสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ทุกไฟล์สไตล์

realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition

realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition

realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition เป็นสมาร์ทโฟนที่เห็นถึงความตั้งใจของเรียลมีที่เก็บทุกดีเทลความเป็นโค้กได้อย่างครบถ้วน แฟนโค้กที่ชอบถ่ายรูปจะต้องถูกใจกับ “80s Cola Filters” ที่ชวนให้นึกถึงภาพความคลาสสิกของยุค 1980 แถมยังมีเสียงกดชัตเตอร์สุดพิเศษเป็นเสียงเปิดกระป๋องโค้กอีกด้วย

หากใครกำลังคิดว่า realme รุ่นไหนดี ตัวเครื่องรุ่นนี้ยังมาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G และแบตเตอรี่ 5000mAh ได้กล้อง108MP ProLight กับฟีเจอร์ Street Photography Mode 3.0 ที่อัปเกรดใหม่ ผู้ใช้จะใส่ฟิลเตอร์สำหรับแต่ละเมืองได้ตามตำแหน่งที่ถ่ายรูป

  • หน้าจอ: 6.72 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล, IPS LCD, 120Hz
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
  • ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 695 5G
  • GPU: Adreno 619
  • RAM: 8GB
  • ความจุเครื่อง: 256GB
  • microSD card: รองรับ
  • กล้องหลัง 2 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล f/1.8
    • กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 33W

realme 10 Pro 5G

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023

realme 10 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจออัตรารีเฟรซเรท 120Hz ดีไซน์ตัวเครื่องระดับพรีเมียม ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC อีกทั้งยังมีกล้อง ProLight 108MP ความละเอียดสูง ถ่ายสวยและคมชัดแน่นอน

นอกจากนี้ก็ยังมีตัวเครื่องบางเป็นพิเศษเพียง 8.1 มม. สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่องได้รวดเร็ว มีฟีเจอร์ Dynamic RAM เพิ่มหน่วยความจำเสมือนได้อีก 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 256GB แถมใส่เมมได้สูงสุด 1TB และรันระบบปฏิบัติการ realme UI 4.0

  • หน้าจอ: 6.72 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล, IPS LCD, 120Hz
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
  • ชิปเซ็ต: Qualcomm Snapdragon 695 5G
  • GPU: Adreno 619
  • RAM: 8GB
  • ความจุเครื่อง: 256GB
  • microSD card: รองรับ
  • กล้องหลัง 2 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล f/1.8
    • กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 33W

realme 10 Pro+ 5G

มือถือใหม่ 10 Pro+ 5G

realme 10 Pro+ 5G มาพร้อมจอโค้ง 120Hz OLED พร้อมขอบด้านล่างบางสุดเพียง 2.33 มม. แถมมีเทคโนโลยีการปรับความสว่างหน้าจอที่ระดับ 2160Hz PWM ช่วยปกป้องดวงตาได้ดีกว่า พร้อมมอบสีสันที่ถูกต้องแม่นยำแม้ในที่แสงน้อยซึ่งจอจะปรับความสว่างในระดับต่ำสุด

ตัวกล้องมีความละเอียดสูง 108MP ProLight Camera และชิปเซ็ต Dimensity 920 5G พร้อมระบบปฏิบัติการ realme UI 4.1 ตั้งแต่แกะกล่อง รองรับฟีเจอร์การเล่นเพลงอัจฉริยะบน AOD เพื่อความสะดวกในการควบคุมเสียง และ AOD แบบกำหนดเองก็สามารถตั้งค่าได้หลากหลาย

  • หน้าจอ: 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2412 พิกเซล, AMOLED, 1 พันล้านสี, HDR10+, 120Hz
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 13 ครอบทับด้วย realme UI 4.0
  • ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 1080
  • GPU: Mali-G68 MC4
  • RAM: 8GB
  • ความจุเครื่อง: 256GB
  • microSD card: ไม่รองรับ
  • กล้องหลัง 3 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล f/1.8
    • กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2
    • กล้อง Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth, NFC และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 67W

realme GT NEO 3

realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023

realme GT NEO 3 สมาร์ทโฟนกลุ่มแรกของโลกในเวลานั้นที่ใช้ชิปเซ็ตจากค่าย MediaTek อย่าง Dimensity 8100 จัดเต็มกับจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ ที่รองรับระบบ HDR 10+ และลื่นๆ ด้วย refresh rate 120Hz ทำให้การใช้งานกราฟิกและรูปภาพประมวลผลได้อย่างราบรื่น

ตัวเครื่องโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสนามแข่งแบบ Racing Stripe Design กล้องหลักของรุ่นนี้ใช้เซ็นเซอร์ระดับท็อป Sony IMX 766 ความละเอียดสูงสุด 50MP และยังมาพร้อมเทคโนโลยี SuperDart Charge 80W

  • หน้าจอ: 6.7 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2412 พิกเซล AMOLED, 120Hz
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับด้วย realme UI 3.0
  • ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 8100
  • GPU: Mali-G610 MC6
  • RAM: 8GB
  • ความจุเครื่อง: 256GB
  • microSD card: ไม่รองรับ
  • กล้องหลัง 3 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล f/1.9
    • กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.3
    • กล้อง Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.4
  • กล้องหน้า: 16 ล้านพิกเซล f/2.5
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต USB Type-C
  • แบตเตอรี่: 5000mAh ชาร์จเร็ว 80W

realme C33

มือถือใหม่

realme C33 เรียกได้ว่าเป็น Budget King รุ่นล่าสุด ชูจุดเด่นกล้องความละเอียด 50MP พร้อมการประมวลผลภาพ CHDR algorithm เพื่อดึงสีสัน ความสว่าง และความคมชัดสดใส ในขณะที่หน้าจอเป็นแบบ Mini-drop ขนาดใหญ่ 6.5 นิ้ว

นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh รันระบบปฏิบัติการ Android 12 และยังมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือบนปุ่มด้านข้างเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น มีถาดใส่ซิมแบบ 3 สล็อต และสามารถขยายหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 1TB

  • หน้าจอ: 6.5 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล, IPS LCD
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับด้วย realme UI S
  • ชิปเซ็ต: Unisoc Tiger T612
  • GPU: Mali-G57
  • RAM: 4GB
  • ความจุเครื่อง: 64GB/128GB
  • microSD card: รองรับ
  • กล้องหลัง 2 ตัว:
    • กล้องหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล
    • กล้อง Depth ความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล f/2.8
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล f/2.2
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต microUSB
  • แบตเตอรี่: 5000mAh

realme C30s

realme C30s

realme C30s โดดเด่นด้วยความบางเฉียบเพียง 8.5 มม. และน้ำหนักเบา ดีไซน์ป้องกันการลื่นแบบ Micro-texture จับกระชับถนัดมือ มีหน้าจอ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมความสว่างสูงถึง 400 nits และกล้องหลัง 8MP ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Dirac 3.0 Technology ให้เสียงสเตอริโอที่ชัดเจน มีคุณภาพ เพื่อการฟังเพลง

ตัวเครื่องใช้ชิปเซ็ต Unisoc SC9863A Octa Core แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh มีฟีเจอร์ Ultra Saving Mode เพื่อประหยัดพลังงานและคงฟังก์ชันพื้นฐานของสมาร์ทโฟนไว้ได้ สามารถสแตนด์บายได้ยาวนานถึง 16.5 ชั่วโมง แม้แบตจะเหลือเพียง 5%

  • หน้าจอ: 6.5 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล, IPS LCD
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 12 ครอบทับด้วย realme UI Go
  • ชิปเซ็ต: Unisoc SC9863A
  • GPU: PowerVR GE8322
  • RAM: 2GB
  • ความจุเครื่อง: 32GB
  • microSD card: รองรับ
  • กล้องหลัง: 8 ล้านพิกเซล
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล f/2.2
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi, Bluetooth และพอร์ต microUSB
  • แบตเตอรี่: 5000mAh

realme narzo 50i PRIME

narzo 50i PRIME

realme narzo 50i PRIME ดีไซน์แบบ Vertical Stripe Design หรือเล่นลวดลายเป็นแถบแนวตั้งที่ฝาหลังอย่างสวยงาม ถือว่าได้ความคุ้มค่ามาเต็มๆ การใช้งานทั่วไปทำได้ไหลลื่นแน่นอน ตัวเครื่องไม่ร้อนง่ายๆ ทั้งยังได้หน้าจอใหญ่ที่แสดงผลได้เต็มตา คมชัดระดับ HD+ รวมถึงกล้องหลังที่ใช้งานได้สวยงามสมราคา

หน้าจอแสดงผลมาให้แบบ LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความคมชัด HD+ ใช้ชิปเซ็ต Unisoc Tiger T612 ให้แบตเตอรี่มาถึง 5000mAh มีโหมด Ultra Saving Mode หรือประหยัดพลังงานระดับสูง สแตนบายด์อย่างเดียวก็อยู่ได้นานถึง 45 วัน

  • หน้าจอ: 6.5 นิ้ว ความละเอียด 720 x 1600 พิกเซล, IPS LCD
  • ระบบปฏิบัติการ: Android 11 ครอบทับด้วย realme UI Go
  • หน่วยประมวลผล: Unisoc Tiger T612
  • GPU: Mali-G57
  • RAM: 3GB/4GB
  • ความจุเครื่อง: 32GB/64GB
  • กล้องหลัง: 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
  • กล้องหน้า: 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
  • แบตเตอรี่: 5000mAh

วิธีเลือกซื้อ มือถือ realme รุ่นไหนดี

  1. ประสิทธิภาพ: หากต้องการใช้งานได้ได้อย่างไม่ติดขัด ไม่ว่านจะเล่นโซเชียล ถ่ายรูป เล่นเกม ก็ควรเลือกมือถือที่มี RAM 6GB ขึ้นไป เพื่อให้เพียงพอต่อการใช้งาน
  2. ตัวเครื่อง: เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่หลายคนอาจมองข้ามในตอนแรก แต่หลังจากใช้งานแล้วก็มองว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการกันน้ำ และการเลือกขนาดที่เหมาะกับขนาดมือ ก็จะทำให้การจับถือใช้งานนานๆ แล้วไม่เมื่อยด้วย
  3. กล้องถ่ายรูป: สิ่งที่ขนาดไม่ได้ในสมาร์ทโฟนเลยก็คือเรื่องกล้องถ่ายรูป นอกจากจะต้องมีความละเอียด มีเลนส์ครบทุกตัวแล้ว ระบบกันสั่น OIS ก็เป็นสิ่งที่ควรต้องมี เพื่อให้การถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอนั้นคมชัด ไม่เบลอ
  4. หน้าจอแสดงผล: สำหรับการใช้งานที่เน้นความบันเทิงผ่านหน้าจอเป็นหลัก เช่น ดูหนัง ดูคลิป เล่นโซเชียล ก็ต้องเลือกรุ่นที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ โดยแผงหน้าจอ AMOLED ก็จะมีสันสันที่สวยงาม
  5. กราฟิกและเกม: สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ออกมาเพื่อการเล่นเกมทั่วไปได้อยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการเล่นเกมกราฟิกสูงๆ ก็อาจมองหาชิปเซ็ตระดับกลางขึ้นไป รวมไปถึงหน้าจอที่มีรีเฟรชเรท 90Hz ก็จะทำให้การแสดงผลต่างๆ มีความลื่นไหลมากขึ้น ประสบการณ์การใช้งานบนหน้าจอก็จะเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

realme GT NEO 3 สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง สะท้อนความโฉบเฉี่ยวแบบ Racing Stripe Design ชิปเซ็ต Dimensity 8100 5G มาพร้อมจอแสดงผลระดับเทพ Refresh Rate 120Hz มีระบบเสียงลำโพงคู่ และระบบชาร์จ SuperDart Charge 80W

realme 10 Pro+ 5G เป็นรุ่นที่น่าสนใจสุดในตอนนี้ ระหว่างรอเรือธงรุ่นใหม่ปีนี้เข้าไทย และเป็นตัวเลือกแรกๆ สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเน้นประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด แต่หากไม่ต้องการจ่ายในราคาที่แพงจนเกินไป realme 10 Pro 5G Coca-Cola Edition ก็ตอบโจทย์การใช้งานครบทุกด้าน อีกทั้งยังเป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันที่ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ได้ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมในราคาที่ถูกลง

นอกจากนี้ก็ยังมีรุ่น realme C33 หนึ่งในบัดเจ็ตสมาร์ทโฟนไม่กี่รุ่นในท้องตลาดที่ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5000mAh และใช้ถาดใส่ซิมแบบ 3 สล็อต ตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่ด้วยกล้องถ่ายรูปความละเอียดสูงถึง 50MP แถมได้ฝาหลังที่สวยเกินบรรยายให้เป็นเอ็กเฟ็กต์ระลอกคลื่นที่เล่นแสงได้จากทุกทิศทาง

ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อมูล มือถือ realme รุ่นไหนดี ในปี 2023 แนะนำให้เลือกรุ่นที่มีฟีเจอร์ครบและเหมาะกับการใช้งานของเราจะดีที่สุด อย่าลืมกดติดตามแฟนเพจ @iPhoneDroid.net และทวิตเตอร์ @iPhone_Droid จะได้ไม่พลาดข่าวสารดีๆ ด้วยนะครับ

Adblock test (Why?)


realme รุ่นไหนดี วิธีเลือกซื้อมือถือ รุ่นที่ดีที่สุด ในปี 2023 - iphone-droid.net
Read More

โน๊ตบุ๊ครุ่นไหนดี ? แนะนำโน๊ตบุ๊ค HP Pavilion Laptop 15-eh2041AU โน๊ตบุ๊คสำหรับทำงาน ราคา 22,490 บาท - - Digital More

HP Pavilion Laptop 15-eh2041AU - 2023 02 25 13 23 35 - ภาพที่ 1

กำลังมองหาหรืออยากซื้อแต่ยังลังเลว่าจะซื้อโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนดี ? แนะนำโน๊ตบุ๊ค HP Pavilion Laptop 15-eh2041AU โน๊ตบุ๊คสำหรับทำงาน หน้าจอ 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD ซีพียู AMD Ryzen™ 5 5500U + AMD Radeon™ Graphics แรม 16 GB DDR4-3200 MHz (2 x 8 GB) พื้นที่จัดเก็บข้อมูล 512 GB PCIe® NVMe™ M.2 SSD รัน Windows11 Home พร้อม MS Office H&S 2019 รับประกัน 2 ปี On Site Service

โน๊ตบุ๊ค HP Pavilion Laptop 15-eh2041AU กำลังจัดโปรโมชั่นที่ Lazada จากปกติ 27,990 บาท ลดเหลือเพียง 22,490 บาท เท่านั้น (ราคา ณ วันที่ 25 ก.พ. 2566) ผ่อนได้สูงสุด 10 เดือน จ่ายเพียงแค่ 2,249 บาทต่อเดือน

HP Pavilion Laptop 15-eh2041AU - 2023 02 25 13 23 07 - ภาพที่ 3

สเปคโน๊ตบุ๊ค HP Pavilion Laptop 15-eh2041AU

Processor : AMD Ryzen™ 5 5500U (up to 4.0 GHz max boost clock, 8 MB L3 cache, 6 cores, 12 threads)
Memory : 16 GB DDR4-3200 MHz RAM (2 x 8 GB)
Internal storage : 512 GB PCIe® NVMe™ M.2 SSD
Graphics : AMD Radeon™ Graphics
Display : 15.6″ diagonal, FHD
Product color : Natural silver aluminum cover and keyboard frame, natural silver base

Warranty : 2 Years On-Site Service

ติดตามเพจ

Adblock test (Why?)


โน๊ตบุ๊ครุ่นไหนดี ? แนะนำโน๊ตบุ๊ค HP Pavilion Laptop 15-eh2041AU โน๊ตบุ๊คสำหรับทำงาน ราคา 22,490 บาท - - Digital More
Read More

Saturday, February 25, 2023

ปอร์เช่เจาะเวลาหาอดีตกับรุ่นในตำนาน "911 สปอร์ต คลาสสิก ใหม่" ผลิตแแค่ 1250 คัน - ไทยรัฐ

ค่ายปอร์เช่ เอจี แห่งเยอรมนี ได้เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนคลับอีกครั้ง นำรถคลาสสิกในตำนานอย่าง “ปอร์เช่ 911” มารังสรรค์เพิ่มความจัดจ้าน

นั่นคือ “ปอร์เช่ 911 สปอร์ต คลาสสิก ใหม่” (911 Sport Classic) ยนตรกรรมสปอร์ตคลาสสิกรุ่นพิเศษ limited-edition คันที่ 2 จาก 4 รุ่นพิเศษ ที่ถือเป็นไอเท็มสำหรับนักสะสมรถยนต์คลาสสิก

ผลิตป้อนทั่วโลกเพียง 1,250 คัน

รุ่นพิเศษนี้ แผนก Porsche Exclusive Manufaktur ได้แรงบันดาลใจในการปรับแต่งตัวรถให้มีสไตล์ย้อนยุคกลับไปในช่วงทศวรรษปี 1960 และปี 1970 ตอนต้น ตามแบบฉบับของยานยนต์สปอร์ตรุ่นพี่ที่เคยเปิดตัวมาก่อนหน้า คือรุ่น ปอร์เช่ 911 สปอร์ต คลาสสิก (911 Sport Classic) ในรุ่นตัวถัง 997 ที่ปรากฏโฉมไปเมื่อปี 2009 และปอร์เช่ 911 รุ่นบุกเบิกที่ผลิตเมื่อปี 1964-1973 และ 911 คาร์เรร่า อาร์เอส 2.7 (911 Carrera RS 2.7) รุ่นปี 1972

โดยการผลิตรถยนต์รุ่นพิเศษ Heritage Design เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Style Porsche design และ Porsche Exclusive Manufaktur นำเอารถสปอร์ตระดับตำนานปอร์เช่ 911 มากำหนดนิยามใหม่ ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งตามสไตล์ของรถในยุคทศวรรษที่ 1950 จนถึง 1980

รวมทั้งมีการออกแบบดีไซน์รูปลักษณ์ให้ย้อนเวลาไปในช่วงดังกล่าว เพื่อการตอบสนองต่อความต้องการด้านอารมณ์ในการขับขี่ยนตรกรรมสายพันธุ์สปอร์ต โดดเด่นด้วยสีตัวถังพิเศษ Sport Grey Metallic คลาสสิกด้วยสปอยเลอร์ ducktail พร้อมการตกแต่งภายในแบบ Pepita pattern

ทั้งนี้ ปอร์เช่มีแผนจะเปิดตัวรถสปอร์ต รุ่นพิเศษ limited-edition ทั้งหมด 4 รุ่น โดยคันแรกได้ถูกเผยโฉมออกไปเมื่อปี 2020 คือปอร์เช่ 911 ทาร์กา โฟร์เอส เฮอร์ริเทจ ดีไซน์ เอดิชั่น (911 Targa 4S Heritage Design Edition) ที่มีดีไซน์การออกแบบย้อนยุคมาจากทศวรรษปี 1950 และ 1960 Porsche Design ยังได้รังสรรนาฬิกาข้อมือ chronograph รุ่นพิเศษ สำหรับนักสะสมเพื่อลูกค้าที่ตัดสินใจเป็นเจ้าของรถสปอร์ต ดีไซน์ประณีต ทั้งยังให้เป็นส่วนหนึ่งของชิ้นงานประดับภายในห้องโดยสาร

เครื่องเบนซิน 6 สูบนอน ขนาด 3.7 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้พละกำลังสูงสุด 550 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ผสานการทำงานกับระบบเกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ กลายเป็น 911 เกียร์ธรรมดาที่ทรงพลังที่สุดในสายการผลิตปัจจุบัน

สนนราคาประมาณ 30 ล้านบาท

ปอร์เช่ ประเทศไทย” โดย เอเอเอส กรุ๊ป ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เตรียมนำมาอวดโฉมในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2023 ช่วง 22 มี.ค.–2 เม.ย.นี้ ณ ชาเลนเจอร์ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี!!!

Adblock test (Why?)


ปอร์เช่เจาะเวลาหาอดีตกับรุ่นในตำนาน "911 สปอร์ต คลาสสิก ใหม่" ผลิตแแค่ 1250 คัน - ไทยรัฐ
Read More

MacBook Pro ชิป M2 Pro แรงได้อีก - ไทยรัฐ

หลังจาก แอปเปิล (Apple) ได้เปิดตัว “แม็คบุ๊คโปร” MacBook Pro 2023 ใหม่ล่าสุด ได้วางตลาดเป็นที่เรียบร้อยกับชิปใหม่ล่าสุด M2 Pro และ M2 Max ที่ระบุว่าเป็นแล็ปท็อปที่เร็วที่สุดในโลกในปัจจุบันที่สามารถพกพาติดตัวไปใช้งานได้ทุกที่ พร้อมๆ กับอายุการใช้แบตเตอรี่ยาวนานที่สุด

MacBook Pro รุ่นใหม่มีหลายตัวเลือกมาก หลักๆมี 2 รุ่น คือ รุ่นขนาดจอ 14 นิ้ว ชิป M2 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 73,900 บาท ซีพียูเริ่มต้นที่ 10 คอร์ จีพียู 16 คอร์ ส่วนรุ่น 16 นิ้ว เริ่มต้นที่ 89,900 บาท ซีพียู 12 คอร์ จีพียู 19 คอร์

ทีมงานได้รับเครื่องรุ่น 14 นิ้วมาทดสอบการใช้งานเป็นรุ่น ชิป M2 Pro ที่มีซีพียู 12 คอร์ หน่วยความจำรวมหรือ Ram 16 GB SSD 1 TB ซึ่งจะต้องเพิ่มเงินจากราคาเริ่มต้นอีก 9,000 บาท

ตามสเปกของ MacBook Pro รุ่น 14 นิ้ว ชิป M2 Pro มี 2 สีให้เลือก คือ สีเทาสเปซเกรย์และสีเงิน ดีไซน์หน้าจอยังคงมีรอยบากเหมือนรุ่นเดิม น้ำหนักเท่าเดิมคือขนาด 1.60 กก. พอร์ต HDMI 2.1 รองรับการเชื่อมต่อจอภาพภายนอกสูงสุด 2 จอ ความละเอียด 8K ที่ 60Hz และความละเอียด 4K ที่ 240Hz เทียบรุ่นเดิม HDMI รองรับ 4K ที่ 60 Hz พอร์ต Thunderbolt 4 จำนวน 3 พอร์ตสำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงความเร็วสูง ช่องใส่การ์ด SDXC และ MagSafe สำหรับชาร์จ

ส่วนหน้าจอ Liquid Retina XDR เหมือนรุ่นก่อนหน้า กล้องหน้าเฟซไทม์ ความละเอียด 1080p ระบบเสียงลำโพง 6 ตัว ให้เสียงสเตอริโอมีมิติเสียงกว้าง รองรับระบบเสียงตามตำแหน่ง รวมถึงเสียงตามตำแหน่งและการติดตามศีรษะเมื่อใช้หูฟังไร้สาย AirPod รุ่นใหม่ ไมโครโฟนระดับสตูดิโอ รวมทั้งช่องต่อหูฟัง 3.5 มม.

สำหรับแบตเตอรี่ในรุ่นดังกล่าวรองรับการชมวิดีโอได้นานสุด 18 ชั่วโมง ท่องเว็บไซต์ได้นาน 12 ชั่วโมง การเชื่อมต่อไร้สายเป็น Wi-Fi 6E บลูทูธ 5.3

จุดเด่นที่สุดของ MacBook Pro รุ่นใหม่นี้ก็คือชิปใหม่ที่มีความสามารถและประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม สำหรับรุ่นชิป M2 Pro ซีพียูสูงสุด 12 คอร์ แบ่งเป็นคอร์ปประสิทธิภาพ 8 คอร์ และประหยัดพลังงาน 4 คอร์ สูงกว่าชิป M1 Pro ถึง 20% พร้อมด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำแบบรวม 200GB/s ซึ่งมากกว่าในชิป M2 ถึง 2 เท่า และ Ram สามารถเพิ่มได้สูงสุดเป็น 32 GB สำหรับสายกราฟิกที่ต้องใช้เวิร์กโฟลว์แบบหนักๆ

ด้านจีพียูสูงสุด 19 คอร์นั้น ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นสูงสุด 30% Neural Engine ช่วยเพิ่มให้การเรียนรู้ของระบบเร็วขึ้น 40% การเรนเดอร์ไตเติ้ลและแอนิเมชันใน Motion เร็วขึ้นสูงสุด 20% และการประมวลผลภาพในโฟโตช็อปเร็วขึ้นสูงสุด 40% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

ตัวมีเดียเอนจินใน M2 Pro รองรับตัวแปลงสัญญาณ H.264 และ HEVC พร้อมบล็อกเข้ารหัสและถอดรหัสบน SoC นอกจากนี้ยังมีตัวเร่งความเร็วสำหรับ ProRes ให้ไฟล์คุณภาพสูงสุดสำหรับขั้นตอนหลังการถ่ายทำระดับมืออาชีพชิป M2 Pro มีตัวเร่งความเร็วสามารถส่งผ่านสตรีมวิดีโอ 4K ได้สูงสุด 23 สตรีม หรือวิดีโอ 8K ProRes สูงสุด 5 สตรีม

ปกติทีมงานจะใช้ MacBook Air 2022 ชิป M2 จอ 13.6 นิ้ว ในการทำงานเป็นหลักจึงขอนำมาเปรียบเทียบ เมื่อนำไปทดสอบประสิทธิภาพผ่าน Geekbench 6 ผ่านระบบปฏิบัติการ macOS13.2 ซีพียู ซิงเกิลคอร์ได้ 2647 คะแนนและมัลติคอร์ 14185 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพด้านกราฟิก OPenCL 49507 คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับ MacBook Air 2022 ชิป M2 ซีพียูซิงเกิลคอร์ 2608 คะแนน มัลติคอร์ 9832 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพด้านกราฟิก OPenCL 23992 คะแนน

ชิป M2 Pro ดูมีประสิทธิ ภาพกว่ามาก Wi-Fi 6E ให้ความเร็วสูงสุดสองเท่าของเมื่อเทียบกับ Wi-Fi 6 รุ่นก่อนหน้า ส่วนจอแสดงผลเมื่อดูวิดีโอ 4K เปรียบเทียบ Macbook Air ที่สเปกจอ Liquid Retina พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone ดูคมชัด สีสันสดใสมีมิติมากขึ้น

บทสรุป สำหรับผู้ใช้ MacBook Air ชิป M2 ก่อนแล้วจะพบว่าประสิทธิภาพ MacBook Pro M2 Pro เหนือกว่าชัดเจน แต่ถ้าหากใช้งานทั่วๆไปในชีวิตประจำวัน MacBook Air ก็ตอบสนองได้ดี น้ำหนักเบากว่าคือหนักเพียง 1.24 กก. เบากว่า 0.36 กก. บางกว่า และไม่ต้องรำคาญสายตากับหน้าจอบาก

หากจะใช้งานด้านกราฟิก การแต่งภาพ การตัดต่อวิดีโอ แต่สำหรับสายที่ต้องเน้นกราฟิกหนักๆ จะต้องอัปไปใช้ MacBook Pro ชิป M2 Max ซึ่งต้องเพิ่มเงินขึ้นไปอีก แต่สามารถปรับแต่ง Ram ได้สูงสุดถึง 96GB และจีพียู สูงสุด 38 คอร์ เป็นทางเลือกที่ดีกว่า เหมาะสำหรับมือโปรอย่างแท้จริง.

Adblock test (Why?)


MacBook Pro ชิป M2 Pro แรงได้อีก - ไทยรัฐ
Read More

รีวิว Death Stranding Director's Cut เล่นบน iPad Pro M2 - iPhoneMod

ในที่สุดสาวก Apple อย่างเราก็ได้เล่นเกม Death Stranding เวอร์ชัน Director’s Cut บนอุปกรณ์ Apple กันแล้ว ใครอยากลองเล่นเข้าไปซื้อเกมใน App S...