แอปเปิล เปิดตัวผลิตภัณฑ์สุดท้ายปิดงาน Apple Event Scary Fast ด้วย iMac 24 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมกับชิปเซต Apple M3
ส่งท้ายงาน Apple Event Scary Fast โดยแอปเปิลได้แนะนำผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม iMac 24 นิ้ว ซึ่งได้รับการรีเฟรชให้มาพร้อมกับชิป Apple M3 ในด้านความสามารถแอปเปิล ระบุว่า มีประสิทธิภาพที่สูงกว่ารุ่นก่อน ซึ่งใช้ชิป Apple M1 ถึงสองเท่า
บน Windows นั้นมีหลายๆ ฟีเจอร์ที่ซ่อนอยู่มากมายและ Group Policy Settings เองก็เป็นหนึ่งในนั้น วันนี้เราจะมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จักว่ามันคืออะไรพร้อมวิธีการใช้งานเบื้องต้น
Group Policy หรือตัวแก้ไขนโยบายกลุ่มใน Windows 11 หรือ Windows 10 เป็นตัวแก้ไขการกำหนดค่าที่สำคัญซึ่งช่วยให้คุณเปลี่ยนการตั้งค่าทั่วทั้งองค์กรได้ โดยพื้นฐานแล้วมันถูกออกแบบมาสำหรับผู้ดูแลระบบไอทีผู้ที่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าขั้นสูงของคอมพิวเตอร์ระยะไกลได้ อย่างไรก็ตามหากคุณมีบัญชีผู้ดูแลระบบคุณสามารถเปิดตัวแก้ไขนโยบายกลุ่มได้เช่นเดียวกัน
ในบทความนี้เราจะขอแนะนำการตั้งค่า Group Policy บางประการที่ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบมากเท่าไรนัก อย่างไรก็ตามก่อนการเปลี่ยนค่าคุณควรจะทำการสำรองข้อมูล Group Policy เดิมไว้ก่อน(มีวิธีการอยู่ในบทความนี้) ถ้าคุณพร้อมจะจัดการกับ Group Policy แล้วก็ไปติดตามต่อกันได้เลย
วิธีเปิดตัวแก้ไขนโยบายกลุ่มบน(Group Policy) Windows
Group Policy Editor เป็นแอป Microsoft Management Console ที่มีชื่อไฟล์ gpedit.msc และโดยปกติจะอยู่ในโฟลเดอร์ “C:\Windows\System32” วิธีที่คุณสามารถใช้เปิดตัวแก้ไขนโยบายกลุ่มบนระบบปฏิบัติการ Windows 10/11 นั้นมีหลายวิธีโดยวิธีที่ง่ายที่สุดสามารถที่จะทำได้ดังต่อไปนี้
ใช้การค้นหาในเมนู Start ขั้นแรก คลิกปุ่มเริ่ม และเมื่อปรากฏขึ้น ให้พิมพ์ “gpedit” แล้วกด Enter เมื่อคุณเห็น “แก้ไขนโยบายกลุ่ม”(“Edit Group Policy”) ในรายการผลลัพธ์หรือคุณอาจจะกดปุ่ม Windows + R แล้วพิมพ์ gpedit.msc จากนั้นกด OK ก็ได้
วิธีสำรองข้อมูล Group Policy Settings
มีสองวิธีในการสำรองข้อมูลการตั้งค่า Group Policy ด้วยตนเอง แต่เราจะขอแนะนำวิธีที่ง่ายและชัวร์ที่สุดซึ่งสามารถที่จะทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
เปิด File Explorer (Win + E) และนำทางภายในไดเรกทอรี C:\Windows\System32\GroupPolicy
เมื่อคุณอยู่ในไดเร็กทอรี GroupPolicy ให้เลือกไฟล์และโฟลเดอร์ทั้งหมดโดยกด Ctrl + A
คลิกขวาที่ไฟล์ที่เลือก แล้วคลิกปุ่มคัดลอก (หรือกด Ctrl + C)
เปิดตำแหน่งที่คุณต้องการจัดเก็บข้อมูลสำรองของคุณ ซึ่งอาจเป็นโฟลเดอร์บนเดสก์ท็อป, ฮาร์ดไดรฟ์แยกต่างหากหรือบริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ เช่น Google Drive ที่ต้องเก็บเช่นนี้เพราะเรากำลังจัดเก็บไฟล์สำรองไว้บนโวลุ่มดิสก์แยกต่างหากเพื่อความเรียบง่ายและปลอดภัยอย่างแน่นอน
ในบานหน้าต่างด้านขวา คลิกสองครั้งที่นโยบาย”ห้ามการเข้าถึงแผงควบคุมและการตั้งค่าพีซี”(“Prohibit access to Control Panel and PC settings”) เพื่อเปิดคุณสมบัติ
เลือก “เปิดใช้งาน หรือ Enabled” จากสามตัวเลือก
คลิก “Apply” แล้วกด “OK”
2. ป้องกันไม่ให้ Windows จัดเก็บแฮช LAN Manager
Windows สร้างและจัดเก็บรหัสผ่านบัญชีผู้ใช้ใน “แฮช หรือ hashes” โดย Windows สร้างทั้งแฮช LAN Manager (LM hash) และแฮช Windows NT (NT hash) ของรหัสผ่าน โดยจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล Security Accounts Manager (SAM) ภายในเครื่องหรือ Active Directory
LM hash นั้นอ่อนแอและมีแนวโน้มที่จะถูกแฮ็ก ดังนั้นคุณควรป้องกันไม่ให้ Windows เก็บ LM hash ของรหัสผ่านของคุณ โดยทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
ในบานหน้าต่างด้านขวา คลิกสองครั้งที่นโยบาย “ความปลอดภัยของเครือข่าย: อย่าเก็บค่าแฮชของ LAN Manager ในการเปลี่ยนรหัสผ่านครั้งถัดไป”(“Network security: Do not store LAN Manager hash value on next password change”)
เลือกช่องทำเครื่องหมาย “กำหนดการตั้งค่านโยบายนี้”(“Define this policy setting”) และคลิก “เปิดใช้งาน”(Enabled)
ในบานหน้าต่างด้านขวา คลิกสองครั้งที่นโยบาย “ป้องกันการเข้าถึงพรอมต์คำสั่ง”(“Prevent access to the command prompt”)
คลิก “เปิดใช้งาน”(Enabled)
คลิก “Apply” แล้วกด “OK”
4. ปิดใช้งานการบังคับให้เริ่มระบบใหม่
การบังคับให้เริ่มระบบใหม่เป็นเรื่องปกติตัวอย่างเช่น คุณอาจเผชิญกับสถานการณ์ที่คุณกำลังทำงานบนคอมพิวเตอร์ของคุณและ Windows แสดงข้อความระบุว่าระบบของคุณจำเป็นต้องรีสตาร์ทเนื่องจากมีการอัปเดตความปลอดภัย
ในบานหน้าต่างด้านขวา คลิกสองครั้งที่นโยบาย “ไม่มีการรีสตาร์ทอัตโนมัติกับผู้ใช้ที่เข้าสู่ระบบสำหรับการติดตั้งการอัปเดตอัตโนมัติตามกำหนดเวลา”(“No auto-restart with logged on users for scheduled automatic updates installations”)
ในบานหน้าต่างด้านขวา คลิกสองครั้งที่การตั้งค่านโยบาย “การเข้าถึงเครือข่าย: ไม่อนุญาตให้ระบุบัญชี SAM และการแชร์โดยไม่ระบุชื่อ”(“Network Access: Do not allow anonymous enumeration of SAM accounts and shares”)