Redmi Note 10 Pro สมาร์ทโฟนสุดคุ้มรุ่นล่าสุดจาก Xiaomi มาพร้อมสเปคจุดเทพครั้งแรกของตระกูล Redmi Note ที่มาพร้อม หน้าจอ AMOLED แบบ 120Hz และกล้องหลัง 108MP เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์เด่นอีกเพียบทั้งหน่วยประมวลผล Snapdragon 732G แบตเตอรี่ 5020mAh ทั้งหมดที่ว่ามานี้ราคาเริ่มต้นเพียง 8,499 บาทเท่านั้น
เกริ่นมาซะคุ้มขนาดนี้ วันนี้ทีมงาน iphone-droid.net จะพามาชมรีวิวฉบับเต็มว่า มันเด็ดน่าโดนแค่ไหน พร้อมแล้วมาติดตามกันเลยครับ
สรุปสเปค Redmi Note 10 Pro
- ขนาดรอบตัวเครื่อง : 164 x 76.5 x 8.1 มม.
- น้ำหนัก : 193 กรัม
- หน้าจอ : Dot Display ชนิด AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล) refresh rate 120Hz, Gorilla Glass 5
- CPU : Snapdragon 732G Octa-core 2.3GHz (8nm)
- GPU : Adreno 618
- RAM : 6/8GB (LPDDR4X)
- ROM : 64GB/128GB (UFS 2.2)
- รองรับ Micro-SD สูงสุด 512GB
- แบตเตอรี่ : 5020mAh
- ระบบชาร์จ : ชาร์จไว 33W
- กล้องหลัง 4 ตัว
- 108MP กล้องหลัก f/1.9
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 118 องศา
- 5MP กล้อง macro f/2.4
- 2MP กล้อง Depth f/2.4
- กล้องหน้า 16MP f/2.5
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.1, NFC และพอร์ต USB Type-C
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 (MIUI 12)
- สี : Onyx Gray, Glacier Blue, Gradient Bronze
แกะกล่อง Redmi Note 10 Pro
ก่อนอื่นเรามาเช็กอุปกรณ์ในกล่องกันก่อนว่ารุ่นนี้ให้อะไรเรามาบ้าง ที่หน้ากล่องจะเป็นภาพตัวเครื่องพร้อมชื่อรุ่นระบุไว้ชัดเจนครับ Redmi Note 10 Pro
ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องก็ให้มาครบตามฉบับของ Xiaomi ครับ ยังมีอะแดปเตอร์ชาร์จไวแถมมาให้ในกล่องรวมถึงเคสและฟิล์มกันรอยก็มีติดมาให้ในกล่องเลยด้วย เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องจะมีด้วยกันทั้งหมด 5 อย่างดังนี้ครับ
ดีไซน์สวย หรูเกินราคา
มาต่อกันที่เรื่องดีไซน์ Redmi Note 10 Pro มาพร้อมดีไซน์ที่สวยหรู มีความสะท้อนแวววาวพอสมควร ตัวเครื่องที่เราได้มาเป็นสี Onyx Gray ไล่เฉดสีเทาได้อย่างเนียน บางมุมก็จะออกสีดำไปเลยหรือบางมุมก็จะเป็นเทาเข้ม ๆ มีเสน่ห์ ส่วนวัสดุงานประกอบก็ดีมาก ฝาหลังของรุ่นนี้ใช้กระจก Gorilla Glass 5 แบบโค้ง 3D จับถือแล้วรู้สึกถึงความพรีเมี่ยมไม่ต่างจากรุ่นท็อป ๆ เลยล่ะ
ดีไซน์ของกล้องก็สวยโดดเด่นไม่แพ้กัน ก่อนหน้านี้เราเคยเห็นการวางกล้องเด่น ๆ ไว้ที่ด้านบนไปแล้ว รอบนี้ Redmi Note 10 Pro เพิ่มลูกเล่นกล้องหลักกับกล้อง Ultra Wide วางคู่บน-ล่าง พร้อมเลนส์ 2 ตัวเล็กแทรกตรงกลางได้อย่างโดดเด่น พร้อมกันนี้ยังมีสกรีนคำว่า Ultra Premium อยู่ด้วยครับ
หน้าจอ AMOLED ครั้งแรกของ Redmi Note Series
พลิกกลับมาดูที่ด้านหน้า Redmi Note 10 Pro ทำได้น่าประทับใจไม่แพ้ด้านหลัง เพราะใช้หน้าจอ AMOLED สีสันสวยงามเป็นครั้งแรกของ Redmi Note Series เลยก็ว่าได้ ขนาดหน้าจอใหญ่ถึง 6.67″ ความละเอียด FHD+ แสดงสีสันและความคมชัดได้เป็นอย่างดี
แต่เท่านั้นยังไม่พอเพราะความลื่นไหลในการตอบสนอง Redmi Note 10 Pro ก็ยอดเยี่ยมด้วย refresh rate สูง 120Hz แถมยังมี Touch Sampling rate มากถึง 240Hz ช่วยให้การใช้งานนั้นลื่นไหลมาก ๆ จะไถฝีด เล่นโซเชี่ยลนี่ลื่นมือ ติดใจไปหมดครับ
ดีไซน์หน้าจอของ Redmi Note 10 Pro จะใช้แบบ Dot Display วางตำแหน่งรูกล้องหน้าอยู่ตรงกลาง มีขนาดเล็กเพียง 2.96 มม. ไม่รบกวนสายตาเวลาใช้งานเลย
ตัวหน้าจอของ Redmi Note 10 Pro มาพร้อม Light Sensor แบบ 360 องศา สามารถปรับความสว่างได้แบบยอดเยี่ยม หน้าจอผ่านการรับรองจาก SGS และรองรับการแสดงผลแบบ HDR10 อีกด้วย
ตัวเครื่องบางเฉียบ น้ำหนักก็ดี
มาพูดเรื่องขนาดและน้ำหนักกันบ้าง แม้ Redmi Note 10 Pro จะมีแบตเตอรี่เยอะถึง 5020mAh แต่ตัวเครื่องออกแบบมาได้ดีมาก เพราะบางเพียง 8.1 มม. และยังหนักแค่ 193 กรัมเท่านั้น ช่วยให้เราถือใช้งานได้อย่างสบาย ไม่เมื่อยมือแม้จะใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ ครับ
ดีไซน์ด้านบน-ล่างของตัวเครื่องจะมีการตัดเหลี่ยมเพิ่มลูกเล่นในการออกแบบให้มากขึ้น ด้านบนของตัวเครื่องมีลำโพง, ไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน, IR Blaster สำหรับใช้งานเป็นรีโมท และที่สำคัญรุ่นนี้ยังมีช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ใช้งานอยู่ด้วยครับ
ส่วนด้านล่างจะมีไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB type-C และลำโพงหลักของตัวเครื่อง ใช่แล้วครับ Redmi Note 10 Pro มาพร้อมลำโพงคู่ Stereo บน-ล่าง ให้เสียงที่มีมิติมากกว่ารุ่นก่อน ๆ ออกซ้าย-ขวาชัดเจนเลยล่ะ
ถาดซิมแบบ Triple Slot รองรับ micro-SD ด้วย
ถาดซิมของ Redmi Note 10 Pro จะอยู่ที่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง ที่ถาดซิมจะเป็นแบบ Triple Slot คือรองรับทั้ง 2 ซิมพร้อม micro-SD ได้ด้วยซึ่งรุ่นนี้รองรับสูงสุดถึง 512GB กันเลยทีเดียวครับ
สแกนนิ้วที่ด้านข้างตัวเครื่อง
ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยของ Redmi Note 10 Pro จะใช้ระบบสแกนลายนิ้วมือผ่านเซ็นเซอร์บนปุ่ม Power ด้านข้างของตัวเครื่อง แต่รอบนี้ตัวปุ่มถูกออกแบบมาอย่างสวย ไม่ใช่ปุ่มแบบเรียบ ๆ ทั่วไป มีความนูนขึ้นมานิดหน่อยเพิ่มความสวยงามและฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่าเดิม ส่วนระบบสแกนใบหน้าก็ยังมีให้ใช้งานเหมือนเดิมครับ
กล้องหลัง 108MP ครั้งแรกบน Redmi Note Series
เข้าสู่เรื่องไฮไลท์ของรุ่นนี้กับกล้องถ่ายรูป Redmi Note 10 Pro อัปเกรดกล้องหลังมาชุดใหญ่ด้วยความละเอียดสูงสุด 108MP ถือเป็นครั้งแรกของ Redmi Note Series เลยก็ว่าได้ที่ให้ความละเอียดมาระดับนี้ แต่ไม่ใช่แค่นี้แล้วจบเพราะยังมีกล้องมาให้ทั้งหมด 4 ตัวมีสเปคคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
- 108MP กล้องหลัก f/1.9
- 8MP กล้อง Ultra Wide f/2.2 มุมกว้าง 118 องศา
- 5MP กล้อง macro f/2.4
- 2MP กล้อง Depth f/2.4
เรียกว่าให้มาค่อนข้างครบเลยทีเดียว ตัวกล้องหลักนั้นโดดเด่นอย่างมาก ได้ความละเอียดมาระดับเดียวกับเรือธงเลยทีเดียว รองรับทั้งเทคโนโลยีการผสานพิกเซลแบบ 9 ต่อ 1 (9-in-1 binning technology) และเทคโนโลยี Dual native ISO ให้รายละเอียดภาพที่ครบถ้วนที่สุด มีรายละเอียดแสงที่โดดเด่นชัดเจน
ในเรื่องฟีเจอร์การใช้งานตัวกล้องจะมี AI Scene มาให้เปิดใช้งาน แนะนำภาพและปรับแต่งตามซีนที่ AI วิเคราะห์ได้ คุณภาพที่สวยคมใช้ได้เลย รายละเอียดในเรื่องสีสันก็สวยงามครับ ตัว AI จัดการภาพได้อย่างดี ภาพอาหารที่ควรสีสดก็สดขึ้นมา ภาพวิวหรือดอกไม้ก็สวยแบบที่คิดไว้ครับ เรียกว่าเปิดใช้งาน AI แล้วเล็งมุมดี ๆ ก็ได้ผลลัพธ์ที่ถูกใจได้ไม่ยากครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Redmi Note 10 Pro
มีโหมด 108MP คมชัดสูงสุด ครอปเฉพาะจุดก็ยังชัด
อย่างที่บอกไปว่ากล้องหลักของ Redmi Note 10 Pro นั้นให้มามากถึง 108MP แต่ในโหมดการใช้งานปกติ ตัวกล้องจะทำการบันทึกไฟล์ความละเอียดที่ 12.5MP เพื่อประหยัดพื้นที่จัดเก็บ แต่ถ้าอยากได้ความละเอียดเต็มถึง 108MP ก็ยังมีโหมด 108MP มาให้เลือกใช้เช่นกัน ซึ่งหากเป็นโหมดนี้เราจะได้คุณภาพที่แท้จริงจากเซ็นเซอร์เลย ทำให้เราสามารถเลือกครอปภาพจากบางส่วนของภาพเต็ม ๆ ได้อย่างไม่เสียรายละเอียด เพราะมันชัดมาก ! แต่…ก็แลกมากับไฟล์ภาพขนาดใหญ่ระดับ 20MB ขึ้นไปแทนล่ะครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด 108MP ของ Redmi Note 10 Pro
กล้องซูมไม่แพ้ใคร
กล้องซูมของ Redmi Note 10 Pro นั้นจะไม่มีติดมาด้วย แต่ด้วยกล้องหลักความละเอียดสูงขนาดนี้ เรายังสามารถซูมแบบ Digital เข้าไปได้ที่ระดับ 2x – 3x ได้แบบไม่เสียรายละเอียดมากนัก เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปแล้ว แต่ถ้าเน้นซูมไปไกลมาก ๆ ระดับ 5x ขึ้นไป รุ่นนี้คงไม่ได้เหมาะมากนักครับ
มุมกว้างเก็บได้ครบด้วยมุม 118 องศา
ส่วนกล้อง Ultra Wide ของ Redmi Note 10 Pro จะมีมุมกว้าง 118 องศา ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว เก็บภาพวิวหรือภาพคนในแบบที่กว้างกว่ามุมปกติได้อีกเยอะ แถมยังใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ AI Scene ได้ด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องความสวยงามเลยล่ะครับ
ไฟล์ที่ได้จากกล้อง Ultra Wide ถือว่าทำได้ดีเลย แม้มุมมองจะไม่กว้างระดับ 120 องศา แต่ก็เป็นมุมมองที่กว้างแบบไม่ขอบไม่บิดเบี้ยว ทำให้เราเก็บภาพมุมกว้างได้อย่างสวยงามและเป็นธรรมชาติ ตัว AI ก็ช่วยเพิ่มลูกเล่นสีสันและการปรับแต่งให้สวยขึ้นมาอีกหน่อย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Ultra Wide ของ Redmi Note 10 Pro
กล้อง macro สุดเจ๋ง ได้ระยะความละเอียดเยอะ
กล้องอีกตัวของ Redmi Note 10 Pro ก็คือกล้อง macro ที่ดูจากสเปคแล้วก็เหมือนกล้อง macro ทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อเปิดใช้งานจริง เรากลับชอบกว่าที่คิด เพราะกล้องตัวนี้จะได้ระยะซูมเข้าไปประมาณ 2x ให้เราได้ระยะมากกว่าแบบทั่วไป ทำให้การถ่ายภาพในระยะใกล้นั้นง่ายขึ้นไปอีก
และคุณภาพไฟล์ที่ได้ก็ถือว่าดีเลย ทั้งสีสันและความคมชัด อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้งานต่อได้ ถ่ายพวกดอกไม้ใกล้ ๆ ได้อย่างคมชัดและเห็นรายละเอียดได้ดี หรือจะเป็นพวกของเล็ก ๆ ที่ต้องการเห็นรายละเอียดใกล้ ๆ ก็ยังไหว กล้องตัวนี้น่าจะเหมาะกับสายส่องพระด้วยเพราะรายละเอียดยังชัดเจนไม่เน้นเฉพาะจุดจนเกินไปเนาะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง macro ของ Redmi Note 10 Pro
ถ่าย Portrait สวยมีกล้อง Depth
และกล้องตัวสุดท้ายคือกล้อง Depth ตรงนี้เราจะไม่ได้ใช้ความสามารถโดยตรงแต่กล้อง Depth นี้จะใช้วัดระยะตื้น-ลึกของแบบและวิเคราะห์ไปใช้ในโหมด Portrait นั่นเอง ซึ่งในโหมด Portrait ของ Redmi Note 10 Pro ก็น่าสนใจมาก เพราะเราสามารถปรับตั้งค่าได้หลายอย่างทั้งค่า f/stop (แบบจำลอง) ที่ให้การละลายฉากหลังในแบบต่าง ๆ เอฟเฟกต์แสงเพิ่มลูกเล่น รวมถึงฟิลเตอร์ที่ช่วยเปลี่ยนโทนภาพไปได้ด้วย
ซึ่งผลลัพธ์ของโหมดนี้ก็ถือว่ายอดเยี่ยม การละลายฉากหลังทำได้ดี ตัว Cinematic Effect ช่วยให้เราได้ภาพในแบบที่แตกต่าง เพิ่มลูกเล่นให้ภาพได้เยอะ รวมถึงฟิลเตอร์ที่ช่วยปรับโทนภาพให้สวยแบบที่ไม่ต้องไปตกแต่งต่อด้วยแอปข้างนอกเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Portrait ของ Redmi Note 10 Pro
Night mode 2.0 ภาพกลางคืนสวย
ในภาพกลางคืน Redmi Note 10 Pro มี Night mode 2.0 มาเพิ่มความสวยงามของภาพกลางคืนให้มากขึ้น ระยะเวลาในการถ่ายก็ไม่นาน เพียงแค่เราถือเครื่องไว้นิ่ง ๆ ไม่กี่วินาทีก็จะได้ภาพกลางคืนที่สวยขึ้นกว่าโหมดปกติมาแล้วครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Night mode 2.0 ของ Redmi Note 10 Pro
ลูกเล่นอื่นอีกเพียบ Photo Clones, Long Exposure
นอกจากนี้ Redmi Note 10 Pro ยังมีลูกเล่นในโหมดกล้องอื่น ๆ อีกเพียบ ที่ช่วยให้เราได้ภาพถ่ายแปลก ๆ แต่วิธีการถ่ายง่าย ๆ ทั้ง Photo Clones ที่ให้เราถ่ายภาพคนคนเดียวให้แยกร่างได้หลาย ๆ คน ตรงนี้ใช้งานได้ทั้งโหมดภาพนิ่งและวิดีโอเลยด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Photo Clones
หรือจะเป็น Long Exposure โหมดลากไฟแบบง่าย ๆ ที่เราแทบไม่ต้องใช้ความรู้เรื่องกล้องเลย แค่ถือเครื่องไว้นิ่ง ๆ แล้วรอผลลัพธ์เท่านั้น อย่างในภาพตัวอย่างด้านล่าง เราสามารถถ่ายภาพลากไฟเป็นเส้นสวย ๆ ได้ด้วยโหมด Long Exposure หรือจะลากน้ำตกเป็นสายก็ได้ด้วย ทีเด็ดของโหมดนี้ก็คือเราใช้งานได้แม้เวลากลางวัน ซึ่งปกติถ้าเป็นโหมด Manual ก็เราอาจไม่สามารถลากไฟได้ขนาดนี้เลยด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากโหมด Long Exposure
วิดีโอสูงสุดที่ 4K 30fps
ส่วนเรื่องวิดีโอ Redmi Note 10 Pro สามารถบันทึกได้สูงสุดที่ 4K 30fps แต่จะถูกล็อกไว้เฉพาะกล้องหลักเท่านั้นที่ถ่ายได้บทความละเอียดนี้ ถ้าเราใช้กล้อง Ultra Wide จะถูกปรับกลับมาที่ 1080p 30fps แทนครับ มีฟีเจอร์ Steady Video ใช้ EIS ในการกันสั่นเพิ่มความนิ่งให้กับภาพวิดีโอได้อีกชั้น
ส่วนลูกเล่นเสริมอย่าง Clones หรือ Dual Video ก็มีให้เลือกใช้งานเช่นกัน เพิ่มความสนุกในการถ่ายวิดีโอได้อีกครับ
กล้องหน้า 16MP เซลฟี่สวย
Redmi Note 10 Pro มาพร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16MP เซลฟี่ได้สวยงาม มีโหมด Beautify, ฟิลเตอร์ รวมถึง Portrait ให้เลือกใช้ด้วย คุณภาพกำลังดีเลย สายสวยหน้าใสชอบแน่นอนครับกล้องหน้าของรุ่นนี้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้าของ Redmi Note 10 Pro
สเปคเร็วแรงเล่นเกมตอบโจทย์
มาต่อในเรื่องสเปคการใช้งาน Redmi Note 10 Pro มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Snapdragon 732G แรม 6GB/8GB รอม 128GB เรียกว่าเยอะเพียงพอต่อการใช้งาน ทั้งทั่วไปหรือจะเล่นเกมหนัก ๆ ก็หายห่วงครับ รุ่นที่เราได้มารีวิวนี้เป็นรุ่นแรม 6GB + 128GB ประสิทธิภาพในการใช้งานลื่นไหลดี ทดสอบคะแนนผ่าน AnTuTu แล้วได้ออกมาที่ 280133 คะแนน ถือว่าไม่ธรรมดาเลยสำหรับรุ่นราคาไม่ถึงหมื่นบาทแบบนี้
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอทดสอบเกมไปด้วยเลยดีกว่า เกมที่เราเลือกมาทดสอบเจ้า Redmi Note 10 Pro ในครั้งนี้จะเป็นเกมยิง 2 เกมฮิตอย่าง PUBG Mobile และ Call of Duty Mobile ครับ
เล่น PUBG Mobile บน Redmi Note 10 Pro
สำหรับ PUBG Mobile นั้นเราสามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับ HD พร้อมกับเฟรมเรตระดับ High ถือว่าสวยเพียงพอต่อการเล่นแล้วล่ะเนาะ ตัวเกมทำได้ลื่นไหลดี ไม่เจออาการเฟรมเรตตกให้เห็น กราฟิกในเกมก็สวยงามกำลังดี ตัวหน้าจอขนาดใหญ่พร้อม Touch Sampling rate สูง 240Hz ช่วยให้การตอบสนองการสัมผัสหน้าจอเวลาเล่นเกมแบบนี้ได้ดี แตะเป็นยิง แม่นยำไปหมด
เล่น Call of Duty Mobile บน Redmi Note 10 Pro
ส่วน Call of Duty เราสามารถปรับกราฟิกกับเฟรมเรตได้สูงถึงระดับ Very High เลย เปิดตัวพิเศษอย่างลบรอยหยัก real-time Shadows ก็ได้ด้วย ทำให้เราได้ภาพกราฟิกที่สวยสมจริง เฟรมเรตในเกมทำได้ดีเลย เท่าที่เล่นแบบจริงจัง ยังไม่เจอจังหวะที่กระตุกจนเห็นได้ชัด เล่นได้ลื่น ๆ ตัวลำโพงที่ให้มาแบบ Stereo คู่ช่วยให้เราได้รับเสียงที่ชัดเจนแบบแยกซ้าย-ขวาเลย รู้ทิศทางของกระสุนและศัตรูได้ดีกว่าแบบ mono เยอะครับ
ซอฟต์แวร์ลื่น ๆ กับ MIUI 12
มาต่อในเรื่องซอฟต์แวร์ Redmi Note 10 Pro ใช้ MIUI 12 ที่ครอบทับอยู่บน Android 11 เรียกว่าตัวล่าสุดตอนนี้แล้ว ในเรื่องการใช้งานทำได้ลื่นไหล มีฟีเจอร์ในการปรับแต่งที่หลากหลาย ชอบอนิเมชั่นของ UI ที่มีลูกเล่นตลอด จะเข้า-ออกแอป หรือลบแอปจะมีเอฟเฟกต์ออกมาอย่างต่อเนื่องเลยครับ
มี Dark mode ให้เลือกปรับใช้งาน ถนอมสายตาด้วย จะเลือกเปิดแบบตลอดหรือเลือกเปิดแบบตั้งเวลาก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ในแอปหลัก ๆ ก็จะมีการปรับโทนสีให้เข้ากับ Dark mode ด้วยเพื่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แบตเตอรี่อึดสะใจ
ปิดท้ายที่เรื่องแบตเตอรี่ Redmi Note 10 Pro นั้นให้แบตเตอรี่มาเยอะถึง 5020mAh เรียกว่าเยอะจุใจกันไปเลย เท่าที่เราลองใช้งานมาจริง ๆ บอกเลยว่าอึดมาก ถ้าใช้งานทั่วไปนี่อยู่ได้ 2 วันสบาย ๆ แต่ถ้าเล่นหนักจริง ๆ ก็ยังเอาอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องคอยพกพาวเวอร์แบงค์ติดตัวไปด้วยเลยครับ
ชาร์จไว 33W
แต่ถ้าแบตฯจะหมดจริง ๆ ก็ไม่ต้องห่วงครับ รุ่นนี้มาพร้อมระบบชาร์จไวสูงสุดถึง 33W เห็นแบตฯเยอะ ๆ แบบนี้ชาร์จเพียง 30 นาทีได้แบตฯกลับมา 59% แล้ว เรียกว่าเล่นไปได้อย่างจุใจ ถ้าจะหมดค่อยชาร์จปรู๊ดเดียวก็กลับมาแล้วล่ะครับ ถูกใจมาก
สรุป “นี่คือสมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่ฟีเจอร์เกินราคามาก ๆ”
สรุปแล้ว Redmi Note 10 Pro ก็ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นกลางที่ครบเครื่องและให้ฟีเจอร์มาเยอะมาก ๆ เรียกว่าความสามารถเกินราคาสุด ๆ ทั้งหน้าจอ AMOLED 120Hz, กล้องหลัง 108MP ลูกเล่นเพียบ, หน่วยประมวลผล Snapdragon 732G ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี, แบตเตอรี่จุใจ 5020mAh ใช้งานได้ยาวนานไม่ต้องกังวล เรียกว่าครบทุกความต้องการของคนที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนสเปคจัดเต็มแต่ราคาเอื้อมถึงอยู่เลยล่ะครับ ส่วนจุดสังเกตก็คงเป็นเรื่อง 5G ที่รุ่นนี้ยังไม่รองรับ ได้แค่ 4G ไปก่อนเนาะ ถ้าใครไม่ได้แคร์จุดนี้ เชียร์รุ่นนี้มาก ๆ เพราะครบจบจริง ๆ ครับ !
ราคา Redmi Note 10 Pro
Redmi Note 10 Pro มีให้เลือก 3 สีคือ Onyx Gray, Glacier Blue และ Gradient Bronze มีให้เลือก 2 ความจุคือ 6GB + 128GB และ 8GB + 128GB สนนราคาดังนี้ครับ
- Redmi Note 10 Pro [6GB + 128GB] ราคา 8,499 บาท
- Redmi Note 10 Pro [8GB + 128GB] ราคา 8,999 บาท
โดย Redmi Note 10 Pro จะเริ่มวางจำหน่ายทางการในวันที่ 5 เมษายนนี้ครับผม
จุดเด่น
- หน้าจอ AMOLED 6.67″ refresh rate 120Hz
- กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 108MP ลูกเล่นเพียบ
- หน่วยประมวลผล Snapdragon 732G ทำงานลื่นไหล
- แบตเตอรี่จุใจ 5020mAh
- รองรับชาร์จไว 33W
จุดสังเกต
- ไม่มีหูฟังแถมมาในกล่อง
- ไม่รองรับ 5G
รีวิว realme C21 สมาร์ทโฟน 3 เลนส์ ตัวจริงเรื่องคุณภาพ แบตยักษ์ 5000mAh พร้อมจอใหญ่ 6.5 นิ้ว - iphone-droid.net
Read More
No comments:
Post a Comment