มร.จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เปิดเผยว่า “ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2564 ยังเติบโตเล็กน้อยที่ 0.3% เนื่องจากเศรษฐกิจ (จีดีพี) มีการขยายตัวต่ำ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์จีดีพี ปี 2564 อยู่ที่ 0.7% เท่านั้น จากผลกระทบวิกฤตโควิด-19ที่ระบาดต่อเนื่องเป็นเวลา 2 ปีแล้ว
ขณะที่ ภาพรวมผลประกอบการของแบรนด์ไฮเออร์ ยังเติบโตน่าพอใจ คาดในปี 2564 จะสามารถทำยอดขายได้สูงถึง 7,921 ล้านบาท เติบโต 29% เมื่อเทียบกับปี 2563 ส่วนแบรนด์แคนดี้ ซึ่งเปิดตัวทำตลาดเพียง 1 ปี สร้างยอดขายได้กว่า 250 ล้านบาทสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 100 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นโมเมนตัมของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแบรนด์ไฮเออร์และแบรนด์แคนดี้ที่มีการปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของผู้บริโภคได้ทันท่วงที
แอร์-ตู้เย็น ครองแชมป์ช่องขายอีคอมเมิร์ซ
ทั้งนี้ เมื่อแบ่งการเติบโตตามหมวดหมู่สินค้าปี 2564 เทียบกับปี 2563 ยอดขายยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยสินค้าทุกหมวด สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าพอใจ เช่น เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ ผลิตภัณฑ์เรือธงของบริษัทสร้างยอดขายรวม 3,117 ล้านบาท (เติบโต 9%) และเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดรวมเครื่องปรับอากาศที่ขยายตัวเพียง 0.3% เท่านั้น
นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ ยังได้ขยับขึ้นเป็น “ผู้นำอันดับ 1” มีส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องปรับอากาศเชิงปริมาณเป็น 12.7% และยอดขายเติบโต 9% รวมถึงเป็นเบอร์ 1 ในแพลตฟอร์ม e-commerce มีส่วนแบ่งทางการตลาด 15% ตู้เย็นไฮเออร์ ยอดขายรวมคิดเป็น 1,673 ล้านบาท (เติบโต 27%) มีส่วนแบ่งทางการตลาด 12.1% จากเดิม 7.6% การโตก้าวกระโดดทำให้ไฮเออร์ขยับเป็นท็อป 4 ของตลาดในประเทศไทย ซึ่งตู้เย็นไฮเออร์ในหมวดไฮเอนด์นั้นเติบโตมากถึง 285% และตู้เย็นไฮเออร์ รุ่นมัลติดอร์ยังมียอดขายเป็นดับ 1 ในตลาดและอันดับ 1ในแพลตฟอร์ม e-commerce
เครื่องซักผ้าไฮเออร์ ยอดขายรวมคิดเป็น 1,166 ล้านบาท (เติบโต39%) มากกว่าตลาดรวมที่โตเพียง 5% ซึ่งทำให้เครื่องซักผ้าไฮเออร์มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในลำดับที่ 4ของตลาดเครื่องซักผ้าในประเทศไทย ตู้แช่ไฮเออร์ ยอดขายรวมคิดเป็น 792 ล้านบาท (เติบโต 32%) มีส่วนแบ่งตลาด 38% ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของตลาด ทีวีไฮเออร์ ยอดขายรวม 410 ล้านบาท (เติบโตสูงถึง 111%) โดยมีทีวีไฮเออร์ รุ่นขนาด 65 นิ้วสร้างยอดขายโตถึง 231% เครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ไฮเออร์ ยอดขายรวมกว่า 300 ล้านบาท (เติบโต 76%)
เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กไฮเออร์ ยอดขายรวม 178 ล้านบาท (เติบโต 89%) โดยมีการเพิ่มไลน์สินค้าในหมวดหมู่นี้มากขึ้น อาทิ เตา induction หม้อหุงข้าว เครื่องปั่น และเตาอบ รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายมากขึ้น เครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์ ยอดขายรวมคิดเป็น 170 ล้านบาท (เติบโต 45%) ซึ่งตลาดภาพรวมในประเทศไทยเติบโตเพียง 14%
โดยเครื่องทำน้ำอุ่นไฮเออร์เน้นที่ตลาดไฮเอนด์มากขึ้น เพิ่มช่องทางการขยายและทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่องเครื่องครัวไฮเออร์ มียอดขายเติบโตสูงถึง 489%
ในขณะที่ช่องทาง e-commerce ไฮเออร์ยังทำผลงานโดดเด่น สร้างยอดขายมากกว่า 643 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 132% โดยหมวดพระเอกยังเป็นเครื่องปรับอากาศไฮเออร์ และตู้เย็นไฮเออร์ ซึ่งเป็นผู้นำตลาด e-commerce ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 15% และ 27% ตามลำดับ
แผนปี’65 ขยับสู่ตำแหน่งพรีเมียม-ลักชัวรี
มร.จาง เจิ้งฮุ้ย กล่าวเพิ่มเติม สำหรับแนวทางธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2565 ไฮเออร์ยังทำการตลาดเชิงรุกทั้งการเปิดตัวสินค้าใหม่ทุกหมวดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งแก่พอร์ตโฟลิโอและตอบสนองความต้องการผู้บริโภคและทำการตลาดเชิงรุก โดยเฉพาะการบุกตลาดพรีเมียมและลักชัวรีมากขึ้น เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยบริษัทแม่ได้มอบนโยบายและวางกลยุทธ์ให้ไฮเออร์ (ประเทศไทย) มีการขยายตลาดไปทางพรีเมียมมากขึ้น มุ่งผลักดันสินค้าหรือบริการที่เชื่อมอีโคซิสเทมของไฮเออร์เพื่อให้ผู้บริโภค ชาวไทยสามารถเข้าถึงสินค้าที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (IoT) ได้โดยง่ายที่ผ่านมาเครื่องใช้ไฟฟ้าไฮเอนด์ เช่น ตู้เย็นไฮเออร์เติบโตดีมากถึง 285% จึงมองโอกาสในการบุกตลาด
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ทำให้บริษัทต้องดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง และมีความยืดหยุ่น (Resilience) เพิ่มความคล่องตัว (Agile) มากขึ้น เพื่อให้สามารถปรับตัว พลิกแพลงกลยุทธ์การทำตลาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ส่วนช่องทางการจำหน่ายต้องบุกหนักออนไลน์หรือ e-commerceมากขึ้น
“ในปี 2565 มุ่งสู่ยอดขาย 10,564 ล้านบาท และในปี 2566 เรามุ่งมั่นจะก้าวเป็นผู้นำตลาดแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย และมียอดขาย 12,000 ล้านบาท” มร.จาง เจิ้งฮุ้ย กล่าวทิ้งท้าย
อัดงบตลาด 850 ล.บาทปั้นแบรนด์พรีเมียม
ด้าน ธเนศร์ บินอาซัน รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า แผนการทำตลาดแบรนด์ไฮเออร์ ยังมุ่งนำเสนอสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด และจะเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่ม Smart Home และสินค้ารุ่นไฮเอนด์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ตอบโจทย์ Smart Life และ Self-Care ทำให้ผู้บริโภคสะดวกสบายมากขึ้น เช่น อีโคซิสเทมของ Smart Home รองรับฟังก์ชั่นการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant และ Alexa เป็นต้น
ทั้งนี้ ในปี 2565 บริษัทยังทุ่มงบ 850 ล้านบาท เพื่อทำการตลาดครบวงจรให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านคอนเซ็ปต์ “Haier Inspired Living การใช้ชีวิตของคุณคือแรงบันดาลใจของเรา” โดยปี2565 ยังเป็นปีแห่งการพลิกโฉมแบรนด์ให้เป็นระดับพรีเมียมและลักชัวรีมากขึ้น เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวงกว้าง จากเจนเนอเรชั่นเอ็กซ์ (Generation-X) เจนเนอเรชั่นวาย (Generation-Y) ขยายไปสู่คนรุ่นใหม่เจนเนอเรชั่นซี (Generation-Z)
ผ่อน 0% ผ่านแอปฯ กระตุ้นยอดขาย
นายวรลักษณ์ นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มธุรกิจอยู่ดี บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า กลยุทธ์สำคัญในปี 2565 ไฮเออร์ได้สร้างสรรค์โมเดลธุรกิจใหม่ “อยู่ดี (Yudee)” ต่อยอดโครงการ Smart Sharing AC
หลังนำร่องกับเครื่องปรับอากาศ สร้างยอดขายได้ถึง 100 ล้านบาท ด้วยยอดติดตั้งมากถึง 10,000 เครื่อง และมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่นมากกว่า 17,000 ราย สำหรับโมเดลธุรกิจ “อยู่ดี (Yudee)” ลูกค้าจะสามารถซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อน 0%
ทั้งหมวดเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ตู้แช่ และทีวี เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ แต่ยังมีความต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ซื้อสินค้าในราคาที่จับต้องได้ มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะ IoT Smart Control แบบไม่ต้องพึ่งพา WiFi ซึ่งการใช้งาน และการชำระเงินดำเนินการผ่านแอปพลิเคชั่น Yudee
“คาดการณ์เป้าหมาย 3 ปี (2565 - 2567) จะผลักดันให้มีผู้ใช้แอปพลิเคชั่นสูง 200,000 ราย สร้างรายได้แตะ 1,200 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายการขยายดีลเลอร์ร้าน Yudee 80 ร้านค้าทั่วประเทศ และขยายเครือข่ายร้าน Yudee ขนาดเล็กอีกกว่า 200 ร้านค้าทั่วประเทศ” นายวรลักษณ์ กล่าว
ด้านนายปิยะศักดิ์ ศรีบัว ผู้อำนวยการฝ่ายขาย กล่าวเสริมว่าในปี 2565 นี้ แบรนด์แคนดี้จะมีการออกสินค้าโมเดลใหม่ ๆ เข้าทำตลาดมากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า
โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ นักศึกษา วัยทำงานเจนวายและเจนซี โดยมีสินค้าไฮไลท์ ได้แก่ เครื่องทำน้ำอุ่นแคนดี้เครื่องครัวแคนดี้ และตู้แช่แคนดี้
โดยในปี 2565 เครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์แคนดี้ทุกรายการ ยังเน้นเรื่องนวัตกรรมแบบใช้งานง่าย สีสันสวยงาม ดีไซน์สินค้าน่ารักและราคาที่เข้าถึงง่าย พร้อมการรับประกันที่ยาวนานสูงสุดถึง 12 ปี เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายจากออนไลน์สู่ออฟไลน์ เช่น ช่องทาง Modern Trade เป็นต้น ส่วนการทำตลาด ยังคงรุกหนักทั้งออนไลน์ ออฟไลน์ เพื่อสื่อสารและเข้าถึงแฟน ๆ ฐานลูกค้าของแบรนด์มากขึ้น
ไฮเออร์ ขยับตำแหน่งแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าพรีเมียม วางเป้าปี'66 ยอดขาย 1.2 หมื่นล.บาท - โพสต์ทูเดย์
Read More
No comments:
Post a Comment