รีวิว SAMSUNG Galaxy S22 Ultra ที่สุดของสมาร์ทโฟนเรือธงต้นปีจากฝั่งเกาหลี เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็ม! เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาของ S Pen ในตัวเครื่อง และกล้องที่อัปเกรดมาอย่างน่าสนใจ! มาดูกันครับว่าสุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธงต้นปีตัวนี้ เค้ามีดีอะไร ควรค่าแก่การจับจองหรือเปล่า!? ก่อนที่เราจะเริ่มการรีวิวนั้น มาดูสเปคของ SAMSUNG Galaxy S22 Ultra ตัวนี้กันก่อนครับ!
สเปค
- มิติตัวเครื่อง 163.3 x 77.9 x 8.9 mm
- น้ำหนัก 228 กรัม
- วัสดุ
- ฝาหลังและหน้าจอ : Gorilla Glass Victus+
- เฟรม : Armor Aluminium
- หน้าจอ Dynamic Amoled 2X ขนาด 6.8 นิ้ว
- ความละเอียด 1440×3080 พิกเซล (500 ppi)
- อัตรารีเฟรชเรท 120Hz (Adaptive 1Hz-120Hz)
- ความสว่างสูงสุด 1,750 nits
- เทคโนโลยี Vision Boost
- รองรับ HDR10+
- CPU : Qualcomm : Snapdragon 8 Gen 1
- Octa-core ความเร็ว 3.0 GHz
- GPU : Adreno 730
- RAM : 8/12 GB
- ROM : 128/256/512 GB (UFS 3.1)
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh
- รองรับ Fast Charging 45W
- ระบบปฏิบัติการณ์ Android 12 (One UI 4.1)
- กล้องหน้า
- 40MP f/2.2
- รองรับการบันทึกวิดีโอ ความละเอียดสูงสุด 4K@60fps
- กล้องหลัง
- กล้องหลัก 108MP f/1.8
- กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2
- กล้องเทเลโฟโต้ 10MP f/2.4
- กล้อง Periscope 10MP f/4.9 (รองรับการซุม 100 เท่าแบบดิจิทัล)
- รองรับการบันทึกวิดีโอ ความละเอียดสูงสุด 8K@24fps
- ลำโพง Stereo
- การเชื่อมต่อ
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6E
- Bluetooth 5.2
- ฟีเจอร์
- Built-in S Pen
- สแกนลายนิ้วมือใต้จอ UltraSonic
- Samsung DeX, Samsung Wireless DeX
- IP68
- สี
- Phantom Black
- Phantom White
- Burgundy (สีที่รีวิวในครั้งนี้)
- Green
- รุ่นและราคาวางจำหน่ายในประเทศไทย
- 8/128GB ราคา 39,900 บาท
- 12/256GB ราคา 43,900 บาท
- 12/512GB ราคา 47,900 บาท
ดีไซน์ที่คุ้นเคย Galaxy Note กลับชาติมาเกิด!?
สำหรับการออกแบบของ SAMSUNG Galaxy S22 Ultra สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า “มันคือ NOTE” ครับ! เค้ามาพร้อมกับดีไซน์ทรงเหลี่ยมที่มีขอบ มีสันและมุมค่อนข้างชัดเจน ไม่โค้งมนเหมือนรุ่น S21 Ultra รุ่นก่อนที่จะมีความโค้งมนของขอบเครื่องมากกว่าประมาณนึงเลย เรียกว่าเป็น Galaxy Note ในร่าง S22 Ultra ได้อย่างไม่กระดากปากเลยล่ะครับ!
เฟรมของตัวเครื่องทำมาจากวัสดุที่แข็งแกร่งเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมทหาร มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “Armor Aluminium” ให้สัมผัสของตัวเครื่องรู้สึกพรีเมี่ยม ทำจากวัสดุเกรดดี ส่วนหน้าจอและฝาหลังทำจากกระจก Gorilla Glass Victus+ เพิ่มความแข็งแกร่งคงทนให้กับเครื่องมากยิ่งขึ้นครับ!
Ultrasonic Fingerprint Scanner ที่ยังใช้งานได้ดีในยุคที่เราต้องใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา วางอยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะพอดีมือ ใช้งานได้สะดวกมากๆ แถมความเร็วในการแสกนถือว่าเร็วใช้ได้เลยล่ะ!
และแน่นอนว่า SAMSUNG Galaxy S22 Ultra มาพร้อมกับช่องใส่ปากกา S Pen ที่มุมด้านล่างซ้าย มาในเครื่องเป็นแบบ Built-in S Pen ครับ (ไม่ต้องซื้อแยกนะ)
หน้าจอ 2X AMOLED การแสดงผลดีเยี่ยม!
สำหรับหน้าจอของ SAMSUNG Galaxy S22 Ultra นั้นจะเป็นหน้าจอแบบขอบโค้งครับ ซึ่งจอของเค้าอัปเกรดมาใช้วัสดุหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass Victus+ ที่มีความแข็งแรงทนทานมากกว่าที่เคย มั่นใจในเรื่องความแข็งแรงได้มากขึ้น และยังเป็นจอแบบ Infinity-O Display เจาะรูที่กล้องด้านหน้าเช่นเดิมครับ
นี่ถือว่าเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดของซัมซุงที่เคยมีมา การแสดงผลต่างๆ ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมมากเลย ภาพคมชัด ความละเอียด สีสันต่างๆ แสดงรายละเอียดได้ครบถ้วน ดีงามมากๆ เลยล่ะ!
รีเฟรชเรทต่ำสุด 1Hz
ส่วนไฮไลต์ของปีนี้จะอยู่ที่อัตรารีเฟรชเรท ที่สามารถปรับอัตโนมัติตามการใช้งานแบบ Adaptive ได้ตั้งแต่ 120Hz และลงมาต่ำสุดได้ถึง 1Hz เลยครับ! เวลาเราดูคอนเทนต์ที่นิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว เช่นหน้าเว็บไซต์ หรือดูรูปภาพ หน้าจอก็จะกระพริบแค่ 1 ครั้งต่อนาที ทำให้เราสามารถประหยัดแบตเตอรี่ได้มากที่สุดนั่นเองครับ
และพอเรามีการเคลื่อนไหว อัตรารีเฟรชเรทก็จะเด้งกลับขึ้นมาตามคอนเทนต์ที่เรากำลังรับชมอยู่นั่นเอง! เรียกได้ว่าลงได้ต่ำสุดถึง 1Hz ช่วยในเรื่องของการประหยัดแบตเตอรี่ได้เป็นอย่างดีเลย!
Vision Booster ให้สีสันสดใสที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เชื่อว่าหลายๆ คน เคยพบปัญหาหน้าจอแสดงผลสว่างไม่เพียงพอ จอมืด สีจืด เวลาเราออกไปใช้งานสมาร์นโฟนนอกอาคาร แต่ในปีนี้ซัมซุงมาพร้อมกับเทคโนโลยี Vision Booster นอกจากความสว่างสูงสุดของ SAMSUNG Galaxy S22 Ultra นั้นจะสูงสุดถึง 1,750 nits แล้ว ก็มีเทคโนโลยีนี้นี่แหละ ที่จะช่วยให้การแสดงผลกลางแจ้งทำได้ดี จอสู้แสงก็ว่าเจ๋งแล้ว แต่การทำให้สีสันของการแสดงผลเวลากระทบกับแสงภายนอกนั้นยังมีความอิ่มของสี และไม่ผิดเพี้ยนไปมากเท่าไหร่ จัดว่า เจ๋งยิ่งกว่า!
เพราะฉะนั้นการใช้งานสมาร์ทโฟนนอกอาคารนั้น ไม่เป็นปัญหาสำหรับ SAMSUNG Galaxy S22 Ultra เลยล่ะ!
Snapdragon 8 Gen 1 ที่รอคอย!?
สำหรับข่าวลือช่วงก่อนเปิดตัว SAMSUNG Galaxy S22 Ultra ที่ว่าประเทศไทยจะได้ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 นั้น วันนี้สมใจแฟนๆ ชาวซัมซุงแล้วครับ! เค้ามาพร้อมกับชิปเซ็ตตัวนี้จริงๆ ตัวท็อป ตัวแรง จาก Qualcomm ที่รอคอยกันมาเนิ่นนาน เรียกได้ว่า ฝันเป็นจริงแล้ว!
สำหรับประสิทธิภาพของ Snapdragon 8 Gen 1 ถือว่าเป็นระดับท็อป เรือธงอย่างแน่นอนครับ มาพร้อมกับโครงสร้างสถาปัตยกรรมระดับ 4 นาโนเมตร ที่ประกอบไปด้วย
- 1x Cortex-X2 ที่ความเร็ว 3.0 GHz
- 3x Cortex-A710 ที่ความเร็ว 2.5 GHz
- 4x Cortex-A510 ที่ความเร็ว 1.8 GHz
รวมทั้งหมดเป็น 8 แกนที่จะแบ่งลำดับความสำคัญในการประมวลผลที่แตกต่างกันไป ซึ่งโครงจากก็จะคล้ายๆ ชิปเซ็ตรุ่นก่อนอย่าง Snapdragon 888 (สูตรโครงสร้าง 1-3-4) แต่มีการอัปเกรดให้แรงยิ่งขึ้นนั่นเองครับ! ถือว่าเป็นชิปเซ็ตเรือธงในปี 2022 นี้เลยล่ะ!
ประสิทธิภาพ
เรื่องประสิทธิภาพ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ Snapdragon 8 Gen 1 ตัวนี้เรียกได้ว่ารองรับทุกการใช้งานได้อย่างสบายๆ เลยล่ะ ถึงแม้ช่วงแรกๆ ที่มีข่าวลือเกี่ยวกับชิปเซ็ตตัวนี้ว่ามีปัญหาเรื่องของความร้อน ก็แอบกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับการใช้งานจริง การทดสอบจริงๆ ว่าจะเป็นอย่างไร
แต่ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 ตัวนี้ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ความร้อนถือว่าไม่ได้สูงมากอย่างที่เห็นตามข่าว ตามข้อมูลของนักทดสอบท่านต่างๆ การใช้งานจริงเล่นเกมต่อเนื่องราวๆ 30-45 นาที ปรับตั้งค่ากราฟิกสูงสุด ความร้อนของตัวเครื่องจะอยู่ที่ราวๆ 39-41 องศาเซลเซียสสำหรับเกมทั่วไปที่กราฟิกไม่ได้สูงมาก เช่น RoV,LoL WildRift, Call of Duty Mobile เป็นต้น
การเล่นเกมเหล่านี้สามารถปรับตั้งค่ากราฟิกได้ในระดับสูงสุด สุดในสุด โดยที่แทบจะไม่เจออาการหน่วงเลยล่ะครับ ก็สมกับเป็นชิปเซ็ตเรือธงแห่งปี 2022 นี้แล้วล่ะครับสำหรับ Snapdragon 8 Gen 1 ที่มาใน SAMSUNG Galaxy S22 Ultra นี้!
แต่ยกเว้นเกมปราบเซียนอย่าง Genshin Impact ที่เป็นเกมประเภท Action Open-World ไว้สักเกมนะครับ เนื่องจากเป็นเกมที่กินทรัพยากรสูงมากทำให้ไม่สามารถปรับตั้งค่าสูงสุดได้ สามารถปรับไปที่เฟรมเรต 60fps และค่ากราฟิกอยู่ในระดับสูง ก็พอเล่นได้อยู่ มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า Snapdragon 888 ตัวที่แล้วประมาณนึงเลยล่ะครับ!
แบตเตอรี่
SAMSUNG Galaxy S22 Ultra มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh จากการทดสอบใช้งานจริงๆ สำหรับตัวผมเองในเงื่อนไขที่ว่า ใช้งานระหว่างเดินทาง ใช้การเชื่อมต่อ 5G บ้าง Wi-Fi บ้าง เล่นเกมบ้าง ใช้คุยโทรศัพท์บ้าง ใช้คุยโซเชี่ยลสำหรับทำงานบ้าง เป็นการใช้งานแบบ Real-World หรือในชีวิตประจำวันจริงๆ นั้น ต้องพูดตรงๆ ว่า “สามารถใช้งานต่อเนื่องยาวนานได้ทั้งวัน!”
ต้องยกความดีความชอบให้กับหน้าจอ Adaptive ของเค้าเลยล่ะ! ที่สามารถลดอัตรารีเฟรชเรทลงมาได้ต่ำสุดถึง 1Hz ขณะที่ใช้งานดูคอนเทนต์แบบไม่ได้ขยับหน้าจอ ช่วยให้เซฟแบตเตอรี่ได้ค่อนข้างเยอะมากๆ เลยล่ะครับ อีกทั้งเค้ายังปรับตามคอนเทนต์ที่เราเลือกดูอยู่ เช่นดูหนัง เค้าก็จะวิ่งอยู่ที่ 24/30/60 Hz ตามแหล่งที่มาของวิดีโอ เล่นเกมเค้าก็จะปรับตัวเองไปที่ 60/90 Hz ตามเกมที่รองรับ เรียกได้ว่าใช้งานเท่าไหน ก็ปรับให้เท่านั้น ทำให้แบตเตอรี่อยู่ได้ยาวนานขึ้นนั่นเองครับ!
ส่วนเรื่องของการชาร์จด่วน ซัมซุงเคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0-50% ได้ภายในเวลา 20 นาที สำหรับการชาร์จที่ความเร็วสูงสุด 45W ซึ่งตัวผมเองไม่ได้มีอะแดปเตอร์ 45W ของซัมซุงเลยไม่สามารถที่จะบอกตัวเลขจากการทดสอบได้แบบเป๊ะๆ แต่จากการใช้งานชาร์จด้วย PD 20W ก็ถือว่าทำความเร็วได้ดีอยู่ครับ!
S PEN
S PEN รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีความหน่วงต่ำสุดเพียงแค่ 2.8ms (จากรุ่นเก่า 9.8ms) เรียกได้ว่ามีการพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดเลยล่ะครับ แถมยังมีเทคโนโลยีในการคาดเดาลายเส้นล่วงหน้าอีกด้วย ทำให้การใช้งาน S PEN บน SAMSUNG Galaxy S22 Ultra นั้นทำได้อย่างลื่นไหลมากๆ เลยล่ะ!
ฟีเจอร์อย่าง Handwriting to Text ก็สามารถใช้งานได้จริง! รองรับเพิ่มอีก 12 ภาษาทั่วโลก ซึ่งการใช้งานนั้นสะดวกสบายมากๆ สำหรับคนที่ชอบจด สามารถแปลงสิ่งที่เราเขียน เป็นตัวอักษรได้อย่างง่ายดาย สามารถนำไปใช้ต่อได้ง่ายๆ เลยล่ะ
ระบบต่างๆ อย่างพวก Air Gesture ก็มีการอัปเกรดความสามารถมากขึ้น ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างในโหมดกล้อง เราสามารถใช้ S PEN แทนชัตเตอร์ได้ หรือใช้ทำอย่างอื่น อย่างเช่น การซูม การสลับกล้อง สลับโหมดต่างๆ เรียกได้ว่าไม่ได้มีมาให้ดูโก่เก๋เฉยๆ แต่สามารถใช้งานจริงได้อีกด้วย!
กล้องถ่ายรูป
ภาพรวมของกล้องถ่ายรูป แม้จะดูไม่ได้หวือหวา หรือมีการอัปเกรดอะไรมากมาย แต่สิ่งที่เค้าพัฒนามาในปีนี้คือ NPU (Neural Processing Unit) ซึ่ง NPU ตัวใหม่นี้สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่าเลยทีเดียว! ซึ่งทำการให้ความเร็วในการประมวลผลภาพนั้น ทำได้เร็วขึ้น ภาพถ่ายสว่างขึ้น จัดการ Noise ได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ!
Nona Binning รวมพลังให้ภาพสดใส แม้ในที่แสงน้อย
Nona-Binning คือเทคโนโลยีที่จะรวม 9 พิกเซลเป็น 1 พิกเซล การใช้เซ็นเซอร์ระดับ 108MP ของกล้องหลักนั้น ทำให้พิกเซลที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น 3 เท่า! เพราะฉะนั้นภาพที่รวมออกมา เหลือความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซลนั้น จะทำให้รายละเอียดภาพดีขึ้น ได้ภาพที่สีสันสดใสสวยงาม คมชัด และลด Noise ลงได้มากอย่างยิ่งยวด เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ภาพถ่ายของเรานั้น รายละเอียดดีมากๆ เลยล่ะครับ! มาดูตัวอย่างภาพถ่ายจาก Samsung Galaxy S22 Ultra กัยว
Nightography
Nightography หรือการถ่ายภาพกลางคืนที่เราเรียกอย่างคุ้นชินกันว่า Night Mode ในปีนี้ถูกพัฒนาความสามารถมาให้แบบก้าวกระโดดมากๆ เลย! มีการใช้เทคโนโลยี AI Multi-Frame ที่จะเก็บรายละเอียดภาพกลางคืนได้ดีขึ้น เป็นการเก็บภาพถ่ายมาหลายๆ เฟรม เก็บส่วนที่สว่างของภาพมา นำมารวมกันในภาพถ่าย ทำให้ได้รายละเอียดภาพถ่ายตอนกลางคืนดีขึ้น
Super Zoom ในร่างใหม่ ไฉไลกว่าเก่า!
SAMSUNG Galaxy S22 Ultra สามารถซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุด 100 เท่า! ราวกับ Space Zoom ในซีรีส์ตัวท็อปของรุ่นก่อนๆ เลยทีเดียว และที่เซอร์ไพรส์ก็คือ ด้วยความที่ NPU เค้าเก่งขึ้นนี่แหละครับ ใช้ AI เข้ามาช่วยในการประมวลผลภาพ ทำให้ภาพถ่ายนั้นใสขึ้น ชัดมากยิ่งขึ้น รู้สึกได้เลยว่าเป็นภาพซูมขนาด 100 เท่าที่สามารถใช้จริงได้ครับ! มันพัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ!
ลองดูภาพตัวอย่างอีกสักเซ็ตนึง คือต้องบอกว่าภาพเค้าคมชัด ใส และเคลียร์มาก ซูมสุดๆ 100 เท่าก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่รับได้ครับ ลองดูด้วยตาของตัวเองได้เลยครับ เดี๋ยวจะหาว่าโม้!
หรือจะเอาไปถ่ายภาพดวงจันทร์เค้าก็ยังสามารถทำได้เช่นเดียวกัน ใช้ AI ในการช่วยประมวลผลภาพ ทำให้ภาพถ่ายนั้นอยู่ในระดับที่ดีเลยล่ะ!
เรียกได้ว่าถึงแม้จะไม่ได้อัปเกรดฮาร์ดแวร์กล้องอย่างก้าวกระโดด แต่ตอนที่ใช้งานถ่ายภาพต่างๆ ถือว่าประทับใจมากๆ เลยล่ะ สำหรับ Samsung Galaxy S22 Ultra ตัวนี้!
สรุปภาพรวมการใช้งาน SAMSUNG Galaxy S22 Ultra
จากการได้สัมผัส ได้ รีวิว Samsung Galaxy S22 Ultra ตัวนี้ก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าค่อนข้างประทับใจมากเลยล่ะครับ! เค้าเป็นสุดยอดสมาร์ทโฟนเรือธงจากซัมซุง ที่ต้องยกนิ้วให้เลย! เรื่องวัสดุที่ใช้ งานประกอบต่างๆ ทำได้ดีมากๆ มาพร้อมกับหน้าจอที่แสดงผลแจ่มสุดๆ รวมไปถึงประสิทธิภาพระดับท็อป! กล้องที่มีการพัฒนามาอย่างดีเยี่ยม และยังมี Built-in S Pen มาแบบนี้ พูดได้เต็มปากว่า “ครบเครื่องกว่านี้ไม่มีแล้วครับ” สำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงต้นปีนี้!
จะชมอย่างเดียวก็คงกระไรอยู่ ขอเล่าให้ฟังถึงข้อสังเกตุบ้างเล็กๆ น้อยๆ แล้วกันครับ หลังจากการได้ใช้งานมาระยะเวลาหนึ่ง มีจุดที่ต้องพูดถึงดังต่อไปนี้ครับ เริ่มกันที่ดีไซน์ที่เหลี่ยมคม (เกินไปสักหน่อย) อาจทำให้จับถือไม่สะดวกนัก ยิ่งเป็นคนที่ชอบเล่นเกมด้วยแล้วจะรู้สึกขอบและสันที่ชัดเจนของเค้า มันทิ่มมือเราอยู่บ่อยๆ (เป็นประสบการณ์ส่วนตัวครับ)
และเนื่องจากลำโพงอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่องด้านล่าง ทำให้เวลาใช้ดูหนังดูซีรีส์ รวมถึงเล่นเกม มีโอกาสทำให้อุ้งมือไปบังลำโพง ส่งผลให้เสียงอาจทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรครับ
แบตเตอรี่ค่อนข้างไหล (ในช่วงแรก) เนื่องจากซัมซุงเค้ามีการ Optimization ในเรื่องของการจัดการพลังงาน ต้องปล่อยให้เครื่องรู้จักเราสักพักนึงก่อนครับ ให้เค้ารู้ว่าลักษณะการใช้งานของเราเป็นอย่างไร พอทำความคุ้นชินกันสัก 1-2 สัปดาห์แล้ว อาการแบตไหลนี้ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นครับ …ไม่ต้องตกใจไปนะ!?
รุ่นและราคาวางจำหน่าย
SAMSUNG Galaxy S22 Ultra เปิดตัวมาทั้งหมด 4 สีด้วยกัน ได้แก่
- สีขาว Phantom White
- สีดำ Phantom Black
- สีเขียว Green
- สีพิเศษ สีแดง Burgundy (สีที่ใช้ในการรีวิวครั้งนี้)
โดยที่จะมาให้เลือกด้วยกัน 3 ความจุ ได้แก่
- RAM 8GB ROM 128GB ราคา 39,900 บาท (รุ่นที่ใช้ในการรีวิวครั้งนี้)
- RAM 12GB ROM 256GB ราคา 43,900 บาท
- RAM 12GB ROM 512GB ราคา 47,900 บาท
สำหรับแฟนๆ Samsung Galaxy Note ก็จัดไปให้ไวเลยครับ! หรือถ้าไม่ใช่แฟนโน๊ต แต่ชื่นชอบในแบรนด์ซัมซุง ก็สามารถไปจับจองเป็นเจ้าของได้เช่นเดียวกัน เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้!
สำหรับ รีวิว SAMSUNG Galaxy S22 Ultra ก็ต้องขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ แอบกระซิบว่าของมาไม่เยอะ ถ้าอยากเป็นเจ้าของก็ต้องรีบกันหน่อยนะครับ! แล้วพบกันใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ!
รีวิว SAMSUNG Galaxy S22 Ultra การกลับมาของ S Pen กล้องแจ่มมาก! - Techoffside.com
Read More
No comments:
Post a Comment