ในยุคที่หูฟังไร้สาย true wireless มีตัวเลือกมากมายไม่ว่าจะพิจารณาในแง่มุมของยี่ห้อ รุ่น หรือว่าระดับราคา บ่อยครั้งเราอาจพบว่าหูฟังเหล่านั้นยังคงมี ‘ความเหมือน’ หรือ ‘ความคล้ายคลึงกัน’ อยู่บ้าง ทั้งในเรื่องของการออกแบบและฟังก์ชันที่มากับตัวหูฟัง
ทว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ โซนี่ได้เปิดตัว ‘Sony LinkBuds’ (รหัสรุ่น WF-L900) หูฟังไร้สาย true wireless แนวคิดใหม่ที่เพียงแค่เห็นก็รับรู้ได้ทันทีว่า ‘แตกต่าง’ และ ‘แหวกขนบธรรมเนียม’ เดิม ๆ ของการออกแบบหูฟังอย่างแท้จริง ชนิดที่ว่าได้เห็นครั้งแรกแล้วหลายคนต้องร้องว้าว !
คุณสมบัติพื้นฐานและการออกแบบ
Sony LinkBuds มาพร้อมกับสโลแกน ‘Never off’ หรือ ‘เชื่อมต่อกับโลกอยู่เสมอ’ คือ โดยปกติหูฟังเป็นอุปกรณ์ที่เวลาสวมใส่ใช้งานแล้วผู้ใช้งานมักจะถูกตัดขาด หรือเกือบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปเลย
แต่ด้วยดีไซน์ที่เป็นแบบ ‘open ring design’ หรือ วงแหวนแบบเปิด (ให้นึกถึงขนมโดนัท) หมายความว่า เวลาสวมใส่ใช้งานแล้วตัวหูฟังนั้นไม่ได้ปิดบังรูหูของเราทั้งหมด ทว่ายังมีช่องว่างที่เปิดให้เสียงภายนอกสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้
ดังนั้น Sony LinkBuds จึงเป็นหูฟังที่ออกแบบมาให้เราสามารถฟังเสียงจากคอนเทนต์ต่าง ๆ หรือโทรคุย โดยที่ยังสามารถได้ยินเสียงรอบข้างได้ตามปกติ เหมือนตอนที่ไม่ได้ใส่หูฟัง ซึ่งตรงข้ามกับหูฟังที่มีระบบตัดเสียงรบกวนอย่าง WF-1000XM4 ที่ตั้งใจออกแบบให้ผู้ใช้เป็นอิสระจากบรรดาเสียงรบกวนที่อยู่แวดล้อม หรือถ้าหากต้องการฟังเสียงแวดล้อมก็ใช้การออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์มาช่วย แต่ดีไซน์ของ Sony LinkBuds โสตประสาทของผู้ใช้งานนั้นได้ยินเสียงภายนอกอยู่แล้วตามธรรมชาติ
ด้านรายละเอียดทางเทคนิค Sony LinkBuds มาพร้อมกับตัวขับเสียงแบบไดนามิกขนาด 12mm ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ มีไดอะแฟรมเป็นรูปทรงวงแหวน แทนที่จะเป็นจานกลมเหมือนตัวขับเสียงทั่วไป ทำงานร่วมกับแม่เหล็กแรงสูงนีโอไดเมียม
ภาคอิเล็กทรอนิกส์มีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวชิปเช็ต Integrated Processor V1 ซึ่งโซนี่ใช้งานอยู่ในหูฟัง true wireless รุ่นเรือธงอย่าง WF-1000XM4 ทำให้หูฟังรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับคุณสมบัติต่าง ๆ
ตัวอย่างเช่น การอัปสเกลเสียงด้วยเทคโนโลยี DSEE (Digital Sound Enhancement Engine), เทคโนโลยีเสียง 360 Reality Audio หรือการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 5.2 (SBC, AAC Codec) รวมถึงเทคโนโลยีประมวลผลสัญญาณเสียงขั้นสูงที่ใช้ AI เรียนรู้ความแตกต่างของเสียงพูดและเสียงรบกวนรอบข้าง แล้วทำการลดเสียงรบกวนรอบข้างเพื่อให้ปลายสายได้ยินเสียงพูดของเราชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนั้นยังมี Adaptive Volume Control ฟังก์ชันอัจฉริยะที่ปรับระดับเสียงให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามตำแหน่งและพฤติกรรมของผู้ใช้งาน เสริมด้วยฟังก์ชัน ‘Speak-to-Chat’ ที่จะหยุดเพลงโดยอัตโนมัติเมื่อเราส่งเสียงสนทนากับใครซักคน เพื่อให้การสนทนามีความชัดเจนมากขึ้น และเมื่อคุยจบแล้วระบบจะกลับมาเล่นเพลงต่อโดยอัตโนมัติ
Sony LinkBuds วางจำหน่ายในประเทศไทยในราคา 6,990 บาท มีสีให้เลือกทั้งสีเทาและสีขาว ตัวหูฟังได้รับการออกแบบให้สามารถกันละอองน้ำได้ในระดับ IPX4 (กันละอองน้ำหรือเหงื่อได้) แบตเตอรี่ในตัวหูฟังสามารถใช้งานได้นานถึง 5.5 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็มแต่ละรอบ
สามารถชาร์จเพิ่มได้จากเคสชาร์จอีก 12 ชั่วโมง รวมเวลาใช้งาน 17.5 ชั่วโมง ตัวเคสชาร์จรองรับการชาร์จเร็วทางพอร์ต USB-C ชาร์จเพียง 10 นาทีสามารถใช้งานได้นานถึง 90 นาที และเมื่อเชื่อมต่อกับแอปฯ Sony | Headphones Connect ระบบในแอปฯ ยังสามารถแจ้งเตือนได้ด้วยเมื่อพลังงานในเคสชาร์จลดลงต่ำกว่า 30%
แกะกล่องลองใช้งาน
Sony LinkBuds เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่โซนี่ได้แสดงออกถึงความเอาใจใส่ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เนื่องจากในกล่องบรรจุภัณฑ์ไม่ได้ใช้พลาสติกเลย สำหรับตัวหูฟังนั้นก็เลือกใช้วัสดุพลาสติกรีไซเคิลจากชิ้นส่วนของรถยนต์
หูฟัง Sony LinkBuds ดีไซน์คล้ายคลึงกับหูฟังประเภทเอียร์บัด ไม่มีจุกซิลิโคนเหมือนหูฟังที่เป็นดีไซน์อินเอียร์ แต่สวมใส่ในหูได้กระชับโดยอาศัยวงแหวนซิลิโคนที่ครอบอยู่ตรงบริเวณส่วนโค้งของหูฟังส่วนที่สัมผัสกับกระดูกอ่อนตรงใบหู
ซึ่งวงแหวนซิลิโคนนี้โซนี่ให้มาเลือกใช้ 5 ขนาดด้วยกัน (รวมตัวติดอยู่กับหูฟัง) นอกจากนั้นในกล่องบรรจุภัณฑ์ยังมีสายชาร์จ USB-C (USB-A to USB-C) ความยาวประมาณ 1 คืบ ให้มาด้วยอีกเส้นหนึ่ง
ตัวหูฟังและเคสชาร์จมีขนาดเล็กกะทัดรัดมาก รุ่นที่ผมได้รับมารีวิวนี้เป็นรุ่นสีเทา สังเกตว่ามันมีจุดสีดำและสีขาวเล็ก ๆ บนพื้นผิวด้วยทำให้บางมุมมองมันดูคล้ายวัสดุธรรมชาติอย่างก้อนกรวดหรือก้อนหินขนาดเล็ก เคสชาร์จของหูฟังรุ่นนี้ตัวฝาปิดนั้นยึดด้วยสลักไม่ใช่แรงแม่เหล็กตามสมัยนิยม ดังนั้นเวลาเปิดฝาเคสชาร์จจำเป็นต้องกดปุ่มปลดล็อคก่อน ทำให้การเปิดด้วยมือข้างเดียวนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
เนื่องจากตัวหูฟังแต่ละข้างได้รับการออกแบบให้เชื่อมต่อไร้สายได้อย่างอิสระ ดังนั้นตัวหูฟัง LinkBuds จึงสามารถใช้งานแยกข้างเดี่ยว ๆ ได้ทั้งข้างซ้ายและขวา
ความว้าวแรกหลังจากที่ได้ลองใช้งานหูฟังไร้สายรุ่นนี้คือ มันเป็นหูฟังที่เวลาใส่ใช้งานแล้ว ‘เกือบจะ’ เหมือนไม่ได้ใส่เลยครับ ! เหมือนหูฟังมันล่องหนไป ด้วยความที่เล็กและเบาเป็นพิเศษ มันจึงให้ความรู้สึกสบาย ๆ คล้ายความรู้สึกตอนใช้หูฟังไร้สาย Samsung Galaxy Buds Live แต่ด้วยดีไซน์ที่โปร่งโล่งกว่าทำให้ LinkBuds มี ‘ความล่องหน’ มากกว่า
ความล่องหนในที่นี้หมายความว่า หลายครั้งที่ผมใช้งานหูฟังรุ่นนี้อยู่ พอได้ใช้งานต่อเนื่องนาน ๆ (เกินหนึ่งชั่วโมงขั้นไป) แล้วบางทีก็เผลอลืมไปเลยครับว่าผมกำลังใส่หูฟังอยู่ ! … แต่
แต่ในช่วงแรกนั้นบอกเลยว่าต้องทำความคุ้นเคยกับการใส่อยู่พักหนึ่งเลยครับจึงจะใส่ได้กระชับพอดี อีกทั้งในชั่วโมงแรก ๆ หรือในวันแรก ๆ ผมเองก็ยังรู้สึกปวดที่กระดูกอ่อนใบหูเล็กน้อยตรงจุดที่ห่วงซิลิโคนของหูฟังไปค้ำเอาไว้ อาจเป็นเพราะว่ายังไม่ชินหรือยังไม่เข้าที่เข้าทาง
เพราะว่าหลังจากนั้นหลังจากได้ลองใช้งานมาร่วม 1 เดือน ปัญหาดังกล่าวก็บรรเทาเบาบางลงไปมาก หรือบางครั้งก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดเมื่อยล้าที่ใบหูเลย
เช่นเดียวกับหูฟังไร้สายรุ่นอื่น ๆ ของโซนี่ เมื่อเชื่อมต่อกับแอปฯ Sony | Headphones Connect ในสมาร์ทโฟน (iOS หรือ Android) ตัวแอปฯ ก็แจ้งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ระดับพลังงานแบตเตอรี่ในหูฟังแต่ละข้างและในเคสชาร์จ, โหมดเสียงที่ใช้งานอยู่, การปรับเสียงด้วยอีคิว หรือการเปิดใช้งานคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น DSEE, Speak-to-Chat, หยุดเล่นอัตโนมัติเมื่อถอดหูฟังออก หรือเปิดใช้งาน ‘Wide Area Tap’
‘Wide Area Tap’ เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ผมว่าน่าสนใจ โดยปกติแล้วหูฟังไร้สาย true wireless มักมีระบบควบคุมสั่งงานแบบสัมผัส ไม่ว่าจะเล่น/หยุดเพลง ข้ามเพลง หรือรับ/วางสาย แต่เนื่องจาก Sony LinkBuds นั้นมีขนาดเล็ก พื้นที่สัมผัสนั้นมีน้อย โซนี่จึงออกแบบให้ผู้ใช้มีพื้นที่ในการแตะกว้างขึ้นตามความหมายตรงตัวของคำว่า ‘Wide Area Tap’
โดยเมื่อเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้เราสามารถแตะ 2 ครั้งหรือ 3 ครั้งที่ผิวหนังด้านหน้าของหูข้างใดข้างหนึ่งเพื่อควบคุมสั่งงานแทนการสัมผัสที่ตัวหูฟังโดยตรง ซึ่งนอกจากการเล่นเพลง ข้ามเพลง รับ/วางสายแล้ว ยังสามารถตั้งค่าให้ปรับความดังของเสียงได้ด้วยครับ พอได้ลองใช้งานจนคุ้นเคยแล้ว ผมว่าก็ใช้งานได้สะดวกดีเลยครับ แถมยังดูเท่ล้ำสมัยไม่เหมือนใครอีกต่างหาก !
อีกส่วนที่ผมเองรู้สึกว่าโซนี่ทำการบ้านมาดีมาก และมากกว่าที่เคย ๆ คือ การร่วมมือกับบรรดาบริษัทพันธมิตรชั้นนำในการอำนวยความสะดวกให้ Sony LinkBuds เป็นหูฟังไร้สายที่ใช้งานง่ายและสะดวกมากที่สุด
เริ่มตั้งแต่การจับคู่เพื่อเชื่อมต่อบลูทูธกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งปกติแล้วสามารถกดปุ่มที่ตัวเคสชาร์จเพื่อเข้าโหมดจับคู่ได้ จากนั้นก็ไปเข้าเมนูเชื่อมต่อบลูทูธของตัวอุปกรณ์ แต่ถ้าอุปกรณ์ Android ของเรารองรับคุณสมบัติ Fast Pair เหมือนกับ Sony LinkBuds การจับคู่เชื่อมต่อก็จะเป็นเรื่องง่าย ๆ เพราะอุปกรณ์มันจะค้นหากันเองและเมื่อมีหน้าต่าง pop-up ขึ้นมาก็แค่แตะเชื่อมต่อกันได้เลยง่าย ๆ
นอกจากนั้นยังสามารถค้นหาตำแหน่งที่เราวางหูฟังไว้ได้อย่างง่าย ๆ หรือตรวจสอบตำแหน่งที่ทราบล่าสุดในสมาร์ทโฟนของเราเอง รวมทั้งการแจ้งเตือนเมื่อแบตเตอรี่หูฟังใกล้หมด
ในกรณีที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 11 หรือ Windows 10 หูฟังรุ่นนี้ก็มีคุณสมบัติ Swift Pair ที่ช่วยให้เราสามารถจับคู่เชื่อมต่อได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าต่าง pop-up ในทำนองเดียวกับคุณสมบัติ Fast Pair ในอุปกรณ์ Android
Sony LinkBuds ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติ ‘Spotify Tap’ ให้เข้าถึงเพลงโปรดใน Spotify ได้อย่างรวดเร็วด้วยการเข้าใช้งานแบบด่วน ให้เราสามารถกำหนดค่า LinkBuds ให้เล่น Spotify ต่อได้ด้วยการแตะเพียงไม่กี่ครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องแตะหน้าจอสมาร์ทโฟนเลย
หูฟังไร้สายรุ่นนี้ยังมีระบบผู้ช่วยเสมือนอย่าง Google Assistant และ Amazon Alexa มาในตัวพร้อมรองรับระบบสั่งงานด้วยเสียงพูดหรือสอบถามข้อมูล ตลอดจนการแจ้งเตือนต่าง ๆ
ยังไม่หมดครับ Sony LinkBuds ยังรองรับแอปฯ Microsoft Soundscape ซึ่งเป็นการนำเสนอประสบการณ์เสียง 3 มิติ ทว่าตอนที่ผมจะลองใช้งานก็พบว่าแอปฯ ดังกล่าวในเวลานี้มันยังไม่รองรับในการใช้งานในประเทศไทยครับ
คุณภาพเสียง
หากว่ากันเรื่องของคุณภาพเสียง ก่อนอื่นต้องบอกว่า Sony LinkBuds สอบผ่านเรื่องพื้นฐานทั้งหมด ตัวหูฟังมีระบบไมโครโฟนดีมาก สามารถใช้คุยสนทนาได้จริงจัง
เมื่อใช้ Sony LinkBuds รับชมคอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอจากแหล่งสตรีมมิงต่าง ๆ หูฟังรุ่นนี้ก็ไม่มีปัญหาภาพและเสียงไม่ตรงกันครับ ซึ่งทั้ง 2 คุณสมบัตินี้โซนี่พัฒนามาได้ดีแล้วตั้งแต่ในรุ่น WF-1000XM4
ครั้งแรกที่ได้ฟังเสียงของ Sony LinkBuds ชัดเจนว่ามันแตกต่างจากเสียงที่ได้จาก Sony WF-1000XM4 รวมของ LinkBuds แม้ว่ามันจะมีเสียงทุ้ม กลาง แหลม รวมทั้งสมดุลเสียงที่ค่อนข้างดี เสียงกลางเด่นลอยและมีมวลเนื้อเสียง
แม้จะเด่นที่ย่านเสียงกลางและกลางแหลม หากเปิดฟังดังมากสมดุลเสียงจะเด่นที่เสียงกลางมากขึ้นตามลำดับ แต่ภาพรวมของเสียงก็ไม่ได้บอบบางหรือเจี๊ยวจ๊าว
ขณะเดียวกันมันก็ไม่ได้มีแบนด์วิดธ์ที่กว้างขวางโดยเฉพาะในย่านความถี่ต่ำเหมือนกับ Sony WF-1000XM4, Devialet Gemini, HUAWEI FreeBuds 4i, Xiaomi Buds 3T Pro, Apple AirPods Pro หรือแม้แต่ Apple AirPods Gen 2
หมายความว่าหูฟังรุ่นนี้อาจไม่มีเสียงทุ้มลึกหรือทุ้มแน่น ๆ กระแทกกระทั้นให้ฟังสนุกคึกคัก หรือว่าความตื่นเต้นเร้าใจแบบถึงพริกถึงขิงเวลาชมภาพยนตร์แอคชัน แต่มันก็แลกกลับมาด้วยเสียงที่เปิดเผย โปร่งโล่ง และเวทีเสียงที่กว้างขวาง ปราศจากความอุดอู้
เหมาะมากกับการฟังเพลงร้อง, เพลงที่มีเครื่องดนตรีน้อยชิ้น หรือเพลงประเภทแบคกราวด์มิวสิคสำหรับฟังเพื่อผ่อนคลาย หากเป็นแนวเพลงเหล่านี้ถือว่าเสียงของหูฟัง LinkBuds จัดว่าฟังได้เพลิน ๆ เลยครับ หรือจะเป็นการใช้ฟังรายการทอล์คโชว์/เกมโชว์ทั่วไป การฟังพอดแคสต์ หรือใช้ประชุมออนไลน์ก็ถือว่าเหมาะสมมากครับ
ที่น่าสนใจคือ เราสามารถทำกิจกรรมเหล่านั้นได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ ได้โดยที่ไม่รู้สึกเมื่อยล้าหรือระคายหูเหมือนหูฟังไร้สายทั่วไป ถือว่าเป็นอีกหนึ่งหูฟังไร้สายที่ผมได้ลองใช้งานแล้วรู้สึกอยากหยิบมาใช้งานบ่อย ๆ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ยังจำเป็นต้องสื่อสารหรือพูดคุยกับผู้คนรอบข้าง ไม่ได้กันหรือปลีกตัวเองออกจากโลกภายนอก
Sony LinkBuds เหมาะกับใคร ?
ด้วยคุณสมบัติทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมว่ามันชัดเจนมาก ๆ ว่า Sony ตั้งใจออกแบบ LinkBuds ให้เป็นหูฟังไร้สาย true wireless สำหรับคนที่ไม่ชอบใช้งานหูฟัง จะด้วยเพราะความไม่คุ้นเคยหรือยังไม่เจอหูฟังที่ถูกใจก็ตามที ผมว่า Sony LinkBuds อาจเป็นหูฟังรุ่นแรกที่คุณชอบและอยากใช้งานก็เป็นได้
สำหรับผมซึ่งคุ้นเคยกับการใช้งานหูฟังดีอยู่แล้ว ผมชอบดีไซน์ของหูฟังรุ่นนี้ เมื่อพิจารณาร่วมกับขนาดที่เล็กและน้ำหนักที่เบา นี่จึงเป็นหูฟังที่ออกแบบมาให้เราสามารถสวมใส่ใช้งานได้โดยที่ยังให้ความรู้สึกว่าเหมือนยังไม่ได้ใส่
และผมยินดีมากที่มี Sony LinkBuds เป็นหูฟังทางเลือกเอาไว้สลับสับเปลี่ยนกับหูฟังที่ผมใช้งานอยู่ประจำ โดยเฉพาะเวลาที่ผมยังต้องการสื่อสารกับคนรอบข้างหรือโลกภายนอกอยู่
รีวิว Sony : LinkBuds “หูฟังไร้สายเสียงดีที่ใช้แล้วเหมือนไม่ได้ใส่หูฟัง” - AV Tech Guide
Read More
No comments:
Post a Comment