รีวิว ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition โน้ตบุ๊ครุ่นใหม่จาก ASUS ที่เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีที่ ASUS ได้ส่งโน้ตบุ๊กตัวแรก P6300 ขึ้นอวกาศสำหรับภารกิจที่สถานีอวกาศเมียร์ MIR ด้วยลวดลายสุดพิเศษสมกับความเป็น Space Edition อีกทั้งยังมีสเปคที่น่าสนใจตั้งแต่ หน้าจอ 14″ 4K OLED, ชิปเซ็ต Intel Core i7-12700H, PCIe 4.0 Performance SSD ตัวเครื่องบางเพียง 15.9 มม.เบาแค่ 1.4 กก.
ตัวจริงจะสวยแค่ไหน มีลูกเล่นอะไรที่พิเศษกว่ารุ่นปกติบ้าง วันนี้เรารีวิว ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ให้ชมกันชัด ๆ ที่นี่ ติดตามครับ!
สรุปสเปค ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition (UX5401ZAS)
- ขนาดตัวเครื่อง: 31.12 x 22.11 x 1.59 ซม.
- น้ำหนัก: 1.4 กก.
- หน้าจอ: 4K OLED 14″ ความละเอียด 3840 x 2400 พิกเซล DCI-P3 100% อัตราส่วน 16:10
- รองรับการแสดงผล 1.07 พันล้านสี VESA CERTIFIED Display HDR True Black 500, PANTONE Validated
- หน่วยประมวลผล: Intel Core i7-12700H 2.3 GHz (สูงสุด Intel Core i9-12900H 2.5GHz)
- กราฟิก: Intel Iris Xe
- RAM: 16GB (LPDDR5)
- SSD: 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 Performance SSD
- แบตเตอรี่: 63Wh
- กล้อง: Webcam 720P HD พร้อม Privacy shutter
- ระบบเสียง : Harman/Kardon
- พอร์ตการเชื่อมต่อ
- USB-A 3.2 Gen2 x 1
- Thunderbolt 4 x 2 (รองรับการเชื่อมต่อข้อมูล, ชาร์จไฟ และ DisplayPort)
- HDMI 2.0b x 1
- พอร์ตหูฟังและไมโครโฟนขนาด 3.5 มม. แจ็ค 2-in-1 x 1
- micro-SD Card Reader x 1
- เซ็นเซอร์: เซ็นเซอร์วัดแสง, เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ
- การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6E(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth 5.2
- ระบบปฏิบัติการ: Windows 11 Home
- Microsoft Office : รวม Office Home และ Student 2021
- สี: Zero-G Titanium
แกะกล่อง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition
ก่อนจะไปดูความงามของตัวเครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition เราขอมาแกะกล่องเช็กของกันก่อนบอกเลยว่ารุ่นนี้ไม่ได้พิเศษแค่ตัวเครื่องเพราะจัดเต็มมาด้วยแพ็กเกจสุดอลังการเลยทีเดียวครับ ตัวกล่องนอกก็ดูเหมือนเป็นกล่องโน้ตบุ๊คทั่วไปที่เป็นสีดำมาตรฐาน แต่เราจะเห็นลวดลายพิเศษที่ด้านหน้าที่เป็นสถานีอวกาศ MIR พร้อมคำว่า Space Edition อยู่ด้วยนะ
ตัวหูหิ้วก็จะเป็นผ้าที่มีพิมพ์คำว่า Space Edtion ไว้ด้วยเช่นกัน อะ…เริ่มเห็นถึงความพิเศษแล้วล่ะสิ
เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับกล่องแพ็กเกจอีก 2 ชิ้นที่ดูพิเศษและแปลกตาไปจากกล่องโน้ตบุ๊คทั่วไปพอสมควรเลย กล่องแรกคือกล่องที่ใส่ตัวเครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition อยู่มาในทรง 8 เหลี่ยมพร้อมระบุชื่อรุ่นชัดเจนที่ด้านหน้านะ แง้มกล่องออกมาเราก็จะเจอกับตัวเครื่องนะ แต่เดี๋ยวไว้ดูอีกที
เมื่อเรายกตัวเครื่องออกมาจากกล่องแล้ว ภายในก็จะมีซองเล็ก ๆ ที่ใส่การ์ดต้อนรับและแผ่นสติกเกอร์ของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ไว้ด้วย
อีกกล่องข้าง ๆ จะเป็นกล่องของอุปกรณ์เสริมอย่างอะแดปเตอร์ชาร์จและสายแปลง USB-C to LAN ซึ่งตัวกล่องก็ไม่ธรรมดาออกแบบมาในสีรุ้ง ๆ เหมือนกล่องตัวเครื่องมีโลโก้ Space Edition อยู่ที่ด้านหน้าเหมือนเดิม
และความพิเศษของตัวกล่องก็ไม่ใช่แค่มีสีและลวดลายพิเศษเท่านั้น เพราะกล่องนี้ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์เป็นแท่นวางตัวเครื่อง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ได้ด้วย เพียงแค่พับกลับด้านไป อ๊ะ…คิดมาแล้ว ไม่ธรรมดาจริง ๆ นะ
แค่นี้ก็เหมือนจะพิเศษมาก ๆ แล้วใช่ไหมล่ะ แต่เท่านี้ยังไม่พอเพราะเมื่อเรายกตัวกล่องสีดำขึ้นมาเราจะเจอกับซองใส่ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ที่ออกแบบมาพิเศษด้วยสีเงินตัดกับสีส้มที่ให้อารมณ์เหมือนชุดนักบินอวกาศที่พร้อมจะขับยาน (ZenBook 14X OLED Space Edition) นี้ไปอย่างเต็มที่แล้ว
นอกจากนี้ภายในชั้นล่างสุดนี้ยังมีที่เก็บกล่องปากกา ASUS Pen 2.0 ไว้ด้วย เรียกว่าให้มาพร้อมใช้งานจริง ๆ แม้ตัวกล่อง Stylus นี้จะเป็นเวอร์ชั่นปกติแต่ก็ดูลงตัวกับอุปกรณ์อื่นได้ดีไม่น้อยเหมือนกันครับ
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ก็เรียกว่าให้มาพิเศษมาก ๆ เพราะทั้งอุปกรณ์เสริม ซอง หรือของแถมที่ให้มาจัดว่าสมกับความเป็นชุดพิเศษที่เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีที่ ASUS ได้ส่งโน้ตบุ๊กตัวแรก P6300 ขึ้นอวกาศสำหรับภารกิจที่สถานีอวกาศเมียร์ MIR จริง ๆ ครับ
ดีไซน์ชั้นยอด พิถีพิถันขั้นสุด
ได้เวลานำตัวเครื่องออกจากกล่องจริง ๆ สักที มาดูดีไซน์กันแบบชัด ๆ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มาพร้อมดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากสถานีอวกาศ ตัวเครื่องทำจากอลูมิเนียมอัลลอย และเคลือบด้วยสี Zero-G Titanium เป็นสีทองที่สะท้อนให้เห็นว่าไททาเนียมมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการก่อสร้างยานอวกาศ เฉดสีที่สร้างแรงบันดาลใจนี้แสดงถึงคำมั่นสัญญาที่น่าตื่นเต้นของการค้นพบการเดินทางในอวกาศ และเป็นสีที่สมบูรณ์แบบสำหรับโน้ตบุ๊คที่ไม่เหมือนใครเครื่องนี้อีกด้วย
ที่ฝาเครื่องยังมีลวดลายพร้อมด้วยดีไซน์รหัสมอร์ส โดยลายเส้นบนฝาเครื่องเป็นสัญลักษณ์ของแคปซูลอวกาศ รวมถึงลายรหัสมอร์สในภาษาละติน ‘Per aspera ad astra’ มีความหมายว่า ‘ผ่านความยากลำบากสู่ดวงดาว’ อีกด้วย
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ยังมีหน้าจอเสริมที่ฝาเครื่อง ตรงนี้ ASUS เรียกว่า ZenVision คือจอแสดงผลขาวดำ OLED ขนาด 3.5 นิ้ว มีโหมด Space Theme จะแสดงธีมเคลื่อนไหว ในขณะที่ Smart Notifications สามารถแสดงเวลา วันที่ หรือสถานะแบตเตอรี่ได้ด้วย เพิ่มความเป็นยานอวกาศเข้ามาอีกหน่อยไม่ใช่แค่ฝาเครื่องเรียบ ๆ นะนั่น
หน้าจอ 4K OLED ที่สุดของสีสัน
เปิดฝามาดูที่หน้าจอกันบ้าง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มาพร้อมจอ 4K OLED (3840 x 2400 พิกเซล) แบบ Touchscreen ขนาด 14″ อัตราส่วน 16:10 จะเห็นว่าการแสดงผลนั้นเต็มตาเอามาก ๆ เราแทบไม่เห็นขอบหน้าจอหนา ๆ มากวนใจเลย
ในส่วนของการแสดงผลหน้าจอ 4K OLED ของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ยังมอบขอบเขตสี DCI-P3 100% ระดับโรงภาพยนตร์และความแม่นยำของสี PANTONE Validated ที่สดใสและแม่นยำเป็นพิเศษ และการรับรอง DisplayHDR True Black 500 ช่วยให้สีดำนั้นดำสนิท นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก TÜV สำหรับการปล่อยแสงสีฟ้าต่ำ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นมิตรกับสายตาเวลาใช้งานนาน ๆ อีกด้วย
ลวดลายพิเศษที่แฝงอยู่ด้านในและการทำลวดลายพิเศษบนปุ่มเฉพาะ
มองลงมาที่แป้นคีย์บอร์ดเราจะเห็นดีไซน์ที่คงความเป็นอวกาศไว้ได้มาก ไม่ต่างจากฝาเครื่อง สีสันจะเป็น Zero-G Titanium เหมือนกัน ที่ปุ่มคีย์บอร์ดก็จะใช้สีเนียนไปกับบอดี้เกือบทั้งหมด จะมีปุ่ม Space Bar และปุ่ม Power ที่มีการเพิ่มสีทองแดงเข้าไปเพื่อให้โดดเด่นขึ้น และยังมีไอคอนรูปดวงดาวแทรกอยู่ด้วยครับ
บริเวณที่พักมือข้าง Touch Pad เราจะเห็นว่ามีลวดลายและรหัสมอร์สที่สำคัญของตัวเครื่อง เรียงจากซ้ายมาขวาประกอบด้วย MIR Station, 1998 MIR P6300, Cockpit และ 2011 ASUS Zenbook
TouchPad ขนาดใหญ่ พร้อมลูกเล่น NumberPad 2.0
ส่วน TouchPad ของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ก็มีขนาดใหญ่ดีมากเหมือนเดิม มีพื้นที่ให้เราปาดนิ้วเพียงพอ รองรับฟีเจอร์ Gesture ต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน พร้อมกับมีฟีเจอร์ NumberPad 2.0 ที่เพิ่มปุ่มตัวเลขเข้ามาตรงกลาง Touch Pad ได้อีกด้วย
กลไก ErgoLift ยกตัวเครื่องยังมีเหมือนเดิม
กลไกการยกเครื่องหรือ ErgoLift เมื่อกางหน้าจอขึ้นมาก็ยังมีให้เห็นบน ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition เหมือนเดิม ทำให้เวลาเราพิมพ์งานนั้นสะดวกขึ้น เพราะองศาจะตั้งขึ้นราว ๆ 3º ช่วยให้วางมือได้อย่างถนัดขึ้นอีกหน่อยครับ
พอร์ตการเชื่อมต่อครบครัน
ต่อมาเรามาดูพอร์ตการเชื่อมต่อกันบ้าง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ให้พอร์ตมาครบครันพร้อมใช้งานมาก ที่ฝั่งซ้ายจะมีพอร์ต HDMI 2.0 ที่ให้เราต่อออกจอหรือโปรเจคเตอร์ได้อย่างสะดวก, พอร์ต Thunderbolt 4 USB-C อีก 2 พอร์ต
ส่วนฝั่งขวาจะมีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 แบบ USB-A มาให้หนึ่งพอร์ตเผื่อต้องเชื่อมต่อกับแฟลชไดรฟ์หรือเม้าส์ ถัดไปจะมีช่องหูฟังและไมโครโฟนแบบ 3.5 มม. และถัดไปสุดหลังตัวช่องระบายอากาศก็จะเป็นช่อง micro-SD Card Reader สะดวกใช้ได้เลยแบบนี้
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องก็ยังมีช่องระบายความร้อนเหมือนเดิม แต่ความพิเศษก็ยังมีให้สมกับเป็นรุ่นพิเศษ มีพิมพ์คำว่า Space Edition อยู่ที่ด้านล่างนี้พร้อม ตราของสถานีอวกาศ MIR และปีของทั้งสถานีอวกาศและ Zenbook รุ่นแรกถือกำเนิดอีกด้วยครับ
ขนาดน้ำหนักที่กะทัดรัด
อ๊ะ…เกือบลืมบอกเรื่องขนาดและน้ำหนักของ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ก็ยังทำได้ยอดเยี่ยมสมกับเป็นซีรีส์ Zenbook เพราะมาพร้อมความบางเพียง 15.9 มม. และน้ำหนักที่เบาแค่ 1.4 กก.เท่านั้น เหมาะกับการพกพาและใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างมากเลยทีเดียวครับ
ทนทานระดับอวกาศ
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ได้รับการออกแบบมาให้ทนทานต่อความต้องการในการเดินทางในอวกาศ เป็นไปตามโปรโตคอลการทดสอบ SMC-S-016A ของ US Space Systems Command Standard ที่ทนทานเป็นพิเศษ ปกป้องการกระเทือนตั้งแต่ระดับ 20 ถึง 2,000 Hz และอุณหภูมิตั้งแต่ –24 ถึง 61 เซลเซียส ทำให้เรามั่นใจทุกการใช้งานมากขึ้นไปอีก
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ก็ต้องยอมรับว่า ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ออกแบบมาได้พิเศษสมชื่อจริง ๆ ทั้งรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างลวดลายบนตัวเครื่อง หรือการเพิ่มหน้าจอที่ 2 มาที่ฝาเครื่องก็เพิ่มมิติของความแปลกใหม่เข้ามาอีก อีกทั้งหน้าจอที่เป็น 4K OLED ก็ยกระดับความเป็นโน้ตบุ๊คไฮเอนด์ให้สมกับเป็นรุ่น Space Edition อีกต่างหาก แค่เห็นดีไซน์ก็คงหลงรักแล้วจริง ๆ ครับรุ่นนี้
ประสิทธิภาพสูงด้วยชิป Intel Core 12th Gen
มาเข้าเรื่องสเปคและประสิทธิภาพกันบ้าง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition รุ่นที่วางจำหน่ายในไทยมีให้เลือก 2 โมเดลคือ ชิป Intel Core i7 และ Intel Core i9 ซึ่งรุ่นที่เราได้มารีวิวนั้นคือ Intel Core i7-12700H หรือตัวแรงของเจน 12 นั่นเอง ทำงานร่วมกับกราฟิก Intel Iris Xᵉ, RAM 12GB (LPDDR5), หน่วยเก็บข้อมูลสูงสุด 1TB M.2 NVMe PCIe 4.0 Performance SSD
เรียกว่าสเปคระดับนี้คือแรงสะใจอยู่แล้วครับ พร้อมทำงานหนัก ๆ ได้อย่างเต็มที่ทั้งงานกราฟิก งานตัดต่อ หรืองานทั่วไปที่ต้องการพลังงานหนักได้อย่างไม่ติดขัด
ได้ Windows 11 Home ติดมาตั้งแต่แกะกล่อง
ถ้าพูดถึงเรื่องซอฟต์แวร์ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition จะได้ระบบปฏิบัติการ Windows 11 Home มาให้เลยตั้งแต่แกะกล่อง ทั้งในเรื่องความลื่นไหลและการใช้งานเรียกว่าตอบโจทย์กับสเปคที่ให้มาของรุ่นนี้อย่างมาก
มี Microsoft Office Home & Student แถมมาให้เลยด้วย
สำหรับสายงานที่ต้องใช้ Microsoft Office ก็ไม่ต้องกังวลเลย ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดมาให้ในเครื่องเช่นเดียวกัน ทำให้เราสามารถใช้งานได้แบบถาวรไม่ต้องซื้อหรือสมัครสมาชิกเพิ่มเติมใด ๆ ทั้งสิ้น
MyASUS ผู้ช่วยสำหรับการทำงานที่ไร้รอยต่อมากขึ้น
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มาพร้อมโปรแกรมพิเศษ MyASUS ที่ช่วยจัดการระบบของตัวเครื่อง รวมถึงการปรับแต่งต่าง ๆ เพิ่มเติมได้มากมาย หรือจะเป็นการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS เข้ากับโน้ตบุ๊คได้อย่างไร้รอยต่ออีกด้วย เรียกว่าเป็นตัวช่วยให้เราใช้งานอุปกรณ์หลาย ๆ ชิ้นได้คล่องตัวขึ้นไปอีกจริง ๆ ครับ
รวมถึงการปรับแต่งหน้าจอ ZenVision หรือหน้าจอที่ 2 ที่ฝาเครื่อง เพราะอย่างที่บอกไปว่าหน้าจอตรงนี้จะสามารถแสดงผลข้อมูลหรือกราฟิกเท่ ๆ ขึ้นมาได้ขณะที่เราใช้งาน ในค่าเริ่มต้นจะมีตัวเลือกอนิเมชั่นมาให้ 2 แบบ แต่เราก็สามารถเลือกสร้างขึ้นมาได้อีก จะเป็นตัว Text แสดงข้อความต่าง ๆ ก็เลือกปรับแต่งได้ตามในแอป MyASUS เลยครับ
เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนด้วย AI
ขอพูดถึงเรื่องระบบเสียงกันบ้าง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มาพร้อมไมโครโฟนคุณภาพสูงและ AI Noise-Canceling ที่ช่วยจัดการเสียงรบกวนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ในยุคที่หลายคนอาจต้องประชุมออนไลน์ เรียนออนไลน์แล้วไม่ต้องการเสียงรบกวน บนรุ่นนี้มีฟีเจอร์ ClearVoice Mic ที่ช่วยให้เสียงพูดของเราชัดใส ตอบโจทย์การทำงานในยุคนี้อย่างมากเลยครับ
ส่วนเรื่องเสียงจากลำโพง ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ก็ยังให้เสียงที่ยอดเยี่ยมมีลำโพงแบบ Stereo พร้อมจูนเสียงด้วย Harman/Kardon อีกต่างหาก มั่นใจได้เลยว่าเวลาเราดูหนัง หรือฟังเพลงเสียงที่ได้จะกระหึ่มถูกใจแน่นอนครับ
แบตเตอรี่ใช้งานได้ยอดเยี่ยมพร้อมรองรับชาร์จไว 100W
ปิดท้ายด้วยเรื่องแบตเตอรี่ ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ให้แบตเตอรี่มา 63Wh รองรับการใช้งานได้เป็นอย่างดี เวลาพกไปใช้แบบไม่พกที่ชาร์จก็ยังสบายใจว่าสามารถใช้งานได้จนจบงานครับ ส่วนระบบชาร์จรุ่นนี้รองรับมากถึง 100W และด้วยความเป็นพอร์ต USB-C แบบนี้ ถ้ามีที่ชาร์จ PD ที่ความเร็วสูงก็สามารถใช้งานได้ด้วย ทำให้คล่องตัวมากขึ้นไปอีกครับ
ราคาเริ่มต้น 53,900 บาท มีให้เลือก 2 รุ่น
ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition มีให้เลือก 2 รุ่นคือ รุ่น Core i7 คู่กับ RAM 16GB และ Core i9 คู่กับ RAM 32GB มีราคาต่างกันดังนี้ครับ
- รุ่น Core i7-12700H | RAM 16GB | SSD 1TB | ราคา 53,990 บาท
- รุ่น Core i9-12900H | RAM 32GB | SSD 1TB | ราคา 63,990 บาท
ทั้ง 2 รุ่นเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเรียบร้อย ที่ร้านค้าที่ร่วมรายการหรือช่องทางออนไลน์ของ ASUS รายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ครับ
สรุปแล้ว “นี่คือโน้ตบุ๊ครุ่นพิเศษที่จัดเต็มทั้งดีไซน์สุดพิถีพิถันและสเปคเหนือระดับ”
สรุปแล้ว ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ก็ถือว่าเป็นรุ่นพิเศษที่ออกมาตอบโจทย์ใครที่ชอบความพิเศษอย่างแท้จริง เพราะนอกจากดีไซน์ที่แตกต่าง แรงบันดาลใจจากสถานีอวกาศโทน Zero-G Titanium สุดเท่ที่เรียกว่าเห็นแล้วต้องยอมในความแปลกใหม่นี้ อีกทั้งแพ็กเกจที่ให้มาในกล่องก็ยังส่งเสริมความเป็น Space Edition ที่เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปีที่ ASUS ได้ส่งโน้ตบุ๊กตัวแรก P6300 ขึ้นอวกาศสำหรับภารกิจที่สถานีอวกาศเมียร์ MIR อย่างครบเครื่อง รวมไปถึงสเปคภายในที่จัดเต็มมาอย่างเหนือระดับทั้ง หน้าจอ 4K OLED ชิปเซ็ต Intel Core 12th Gen รหัส H มี RAM เริ่มต้น 16GB พร้อม SSD 1TB อีก เรียกว่าโดดเด่นทั้งภายนอกและภายในจริง ๆ ใครที่กำลังมองหาความแตกต่างแบบที่ใช้งานได้จริง เราว่า ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด ณ ตอนนี้เลยก็ว่าได้ครับ
รีวิว ASUS Zenbook 14X OLED Space Edition ดีไซน์พิเศษแรงบันดาลใจจากสถานีอวกาศ พร้อมสเปคเหนือระดับ Intel Core i7-12700H จอ 4K OLED และน้ำหนักเบาแค่ 1.4 กก. - iphone-droid.net
Read More
No comments:
Post a Comment