OPPO Reno8 Series 5G ต่อยอดแนวคิด “The Portrait Expert” มาพร้อมพลังการถ่ายพอร์ตเทรตอันทรงพลัง ตอบโจทย์สายถ่ายภาพทุกสไตล์ เปิดตัวมา 3 รุ่น ได้แก่ OPPO Reno8 Z 5G, OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G พร้อมให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เน้นการถ่ายพอร์ตเทรตแบบจัดเต็ม บนสมาร์ตโฟนทรงประสิทธิภาพ พร้อมดีไซน์สีใหม่ สวยสะกดทุกสายตา แถมมีช่วงเวลาทองในการสั่งจองสุดเอ็กซ์คลูซีฟ แค่เกริ่นเบาๆ อาจยังไม่เห็นภาพ ถ้าอย่างนั้นเราไปเจาะลึกกันเลยว่า 8 เหตุผลที่ไม่ควรพลาด! ช่วงพรีออเดอร์ OPPO Reno8 Series 5G มีอะไรกันบ้าง
1. ดีไซน์ขอบเหลี่ยมสุดหรู กับการอัปเกรดใหม่ สวยสะกดตา
ความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์บน OPPO Reno8 Series 5G ยังคงสะกดทุกสายตาได้เป็นอย่างดี และยิ่งได้สัมผัสก็พบกับความพิเศษของตัวเครื่อง ด้วยการอัปเกรดวัสดุที่นำมาใช้ บวกกับสีใหม่ที่สวยละมุนยิ่งขึ้น ยังคงดีไซน์ขอบเหลี่ยมที่ดูเรียบหรู บางเบา จับใช้งานสะดวกสบาย มาพร้อม OPPO Glow Design ระยิบระยับอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ไม่ทำให้เกิดรอยนิ้วมือหรือรอยเปื้อนง่าย โดยใน OPPO Reno8 Z 5G มากับสีใหม่ "สีทอง Dawnlight Gold" ตัวเครื่องบางเพียง 7.66 มม. และมีน้ำหนัก 181 กรัม มาพร้อมฝาหลังแบบกระจก anti-glare 0.5 มม. ซึ่งเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟน OPPO ที่ใช้ฝาหลังแบบนี้ ช่วยให้ผิวสัมผัสมีความแมทมากขึ้น และการสะท้อนกับแสงตกกระทบดูนุ่นนวลละมุนตา
ส่วนในรุ่น OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อม Streamlined Unibody Design ดีไซน์ขอบเหลี่ยมที่หลายคนประทับใจ เพราะทำให้ตัวเครื่องมีความหรูหรายิ่งขึ้น บวกกับดีไซน์ไร้รอยต่อที่นำมาจากสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิปด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เครื่องนั้นดูสวยงาม หรูหรา เทียบได้กับรุ่นเรอธงเลยทีเดียว
2. ต่อยอดแนวคิด “The Portrait Expert” พลังการถ่ายพอร์ตเทรตอันทรงพลัง
OPPO Reno8 Series 5G ยังคงชูจุดเด่นในเรื่องของกล้องถ่ายพอร์ตเทรตอันทรงพลัง นำทีมโดยน้องเล็ก OPPO Reno8 Z 5G ที่มากับฟีเจอร์ถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ไม่ธรรมดา ด้วยกล้อง AI Portrait ความละเอียดสูง 64MP ถ่ายภาพบุคคลได้สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ และยังเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ชัดเจน ทั้งยังจับจุดเด่น ปรับแต่ง พร้อมคงเอกลักษณ์ของตัวแบบไว้ได้อย่างเหมาะสมสวยงาม ด้วยฟีเจอร์ AI Portrait Retouching ที่ปรับแต่งโทนสีผิวและแต่งหน้าได้อย่างชาญฉลาด เติมเต็มความโดดเด่นของภาพให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นกับ Bokeh Flare Portrait ถ่ายพอร์ตเทรตหน้าชัดหลังเบลอ สร้างเอ็ฟเฟกต์ดวงไฟโบเก้ในพื้นหลังได้สวยเสมือนถ่ายด้วยกล้องระดับมืออาชีพ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีฟีเจอร์ Selfie HDR ที่จะช่วยเพิ่มช่วงไดนามิกของการถ่ายเซลฟี่ในการตั้งค่าการถ่ายย้อนแสง พร้อมคงรายละเอียดของใบหน้าและพื้นหลังได้อย่างแม่นยำ ภาพเซลฟี่ที่ออกมาจึงมีทั้งความสว่างชัดเจน และคงรายละเอียดต่างๆ ได้เป็นธรรมชาติ เรียกได้ว่า OPPO Reno8 Z 5G จัดเต็มด้านการถ่ายภาพพอร์ตเทรตมาแบบไม่มีห่วงของกันเลย
ต่อกันที่ OPPO Reno8 5G ที่ชูนวัตกรรมกล้องถ่ายภาพระดับแฟลกชิป ด้วยเซ็นเซอร์คู่ Sony IMX709 บนกล้องหลักความคมชัดสูง 50MP และ IMX709 บนกล้องหน้าความละเอียด 32MP ถ่ายคนสวยคมชัดในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะเป็นแสงจ้าในแดดจัด หรือแสงน้อยในตอนกลางคืน ทั้งในภาพนิ่งและวิดีโอ โดยเฉพาะฟีเจอร์ Ultra Night Video ที่จะช่วยให้คุณบันทึกวิดีโอพอร์ตเทรตที่คมชัด สว่าง สีสันสดใส แม้ถ่ายในเวลากลางคืน และ Night Portrait ที่เก็บภาพพอร์ตเทรตยามค่ำคืนให้ออกมาได้สวยงาม สว่างชัดเจนในทุกองค์ประกอบ ส่วนในรุ่นใหญ่อย่าง OPPO Reno8 Pro 5G ก็ได้พลังระดับแฟลกชิปจากชิปเซ็ต Marisilicon X ที่เข้ามาเสริมประสิทธิภาพของการถ่ายภาพโดยเฉพาะ ให้คุณเก็บภาพสวย ความละเอียดสูง ถ่ายคนสวยระดับมือโปรแบบง่ายๆ ด้วยมือถือ
3. ถ่ายคนสวยเป็นธรรมชาติ
ความสามารถของกล้องถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนสมัยนี้ นับว่ามีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า จนเกือบเทียบได้กับกล้อง DSLR ระดับมืออาชีพ แต่สิ่งที่กล้องโปรฯ ยังทำไม่ได้ ก็คือการปรับแต่งภาพบุคคล ณ ขณะนั้น ให้สวยงาม พร้อมอวดโฉมลงบนโซเชี่ยล และใน OPPO Reno8 Series 5G ทั้ง 3 รุ่น ก็มีคุณสมบัติพร้อมที่สายโซเชี่ยลต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกล้องความคมชัดสูง ฟีเจอร์การปรับแต่งภาพ AI Portrait Retouching ที่ปรับแต่งโทนสีผิวและแต่งหน้าได้อย่างสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติแบบฉบับเฉพาะตัว มีฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait ละลายดวงไฟโบเก้ที่พื้นหลังได้เสมือนถ่ายด้วยกล้อง DSLR และถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างคมชัด แม้อยู่ในมุมย้อนแสงกับฟีเจอร์ Selfie HDR นั่นเอง ทั้งหมดนี้ จะช่วยให้การถ่ายภาพพอร์ตเทรตของคุณกลายเป็นเรื่องง่าย เก็บภาพสวยๆ ได้ทุกสถานการณ์ ถ่ายคนสวยเป็นธรรมชาติ
4. ถ่ายคนสวยในทุกสภาพแสง
เพราะช่วงเวลาดีๆ ไม่ได้จำกัดเฉพาะเวลาที่มีแสง หลายครั้งที่เราอยากเก็บภาพความประทับใจเอาไว้ แต่ติดที่ว่าแสงไม่พอ สถานที่มืดไป หรือช่วงเวลานั้นเกิดขึ้นในตอนกลางคืน OPPO Reno8 Series 5G จึงอยากช่วยให้คุณได้เก็บช่วงเวลาดีๆ ไว้ ด้วย Ultra Night Video และ Night Portrait ที่จะช่วยให้คุณบันทึกวิดีโอพอร์ตเทรตที่สว่างคมชัด สีสันสดใส แม้ถ่ายในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นฟีเจอร์เด่นที่มีอยู่ใน OPPO Reno8 5G นั่นเอง
ส่วนใน OPPO Reno8 Pro 5G ก็สามารถทำได้เหนือกว่า จากประสิทธิภาพของชิป Marisilicon X ที่ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์อันทรงพลัง ช่วยให้บันทึกวิดีโอพอร์ตเทรต 4K Ultra Night Video ได้อย่างสวยงามคมชัด สว่างชัดแม้ตอนกลางคืน เก็บรายละเอียดบนใบหน้าของบุคคล รวมถึงแสงสี และองค์ประกอบอื่นๆ ของภาพได้อย่างสมบูรณ์มากขึ้น
5. SUPERVOOC ชาร์จไว ไวกว่าก็สนุกได้เร็วกว่า
OPPO Reno8 Series 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ ความจุ 4,500mAh ถือเป็นมาตรฐานของแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน มากับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว SUPERVOOC ซึ่งช่วยให้การชาร์จแบตฯมีความเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีความแตกต่างกันเรื่องของเวลา ดังนี้
- OPPO Reno8 Z 5G มีชาร์จไว 33W SUPERVOOC สามารถชาร์จ 0 - 100% ภายในเวลา 63 นาที
- OPPO Reno8 5G มีชาร์จไว 88W SUPERVOOC สามารถชาร์จ 0 - 100% ภายในเวลา 28 นาที
- OPPO Reno8 Pro 5G มีชาร์จไว 88W SUPERVOOC สามารถชาร์จ 0 - 100% ภายในเวลา 31 นาที
และไม่ต้องห่วงว่าชาร์จเร็วขนาดนี้เครื่องจะร้อนหรือแบตฯจะเสื่อมเร็วรึเปล่า เพราะมี Battery Health Engine ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ OPPO ที่สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตขนาดใหญ่ ด้วยการควบคุมกระแสไฟชาร์จและแรงดันไฟอัจฉริยะ ผ่านการทดสอบจาก Tüv Rheinland ว่าปลอดภัยแน่นอน
6. แกร่งด้วยขุมพลังที่เต็มประสิทธิภาพ
แม้ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟนสายกล้องพอร์ตเทรต แต่ OPPO Reno8 Series 5G ก็ไม่ทิ่งการใช้งานในด้านอื่นๆ ด้วยการใช้ชิปเซ็ตอันทรงพลัง มาขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการทำงานหนักเบาทุกรูปแบบ ประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังรองรับเทคโนโลยี 5G ให้คุณได้สัมผัสการเชื่อมต่อของยุคใหม่ที่ไม่มีสะดุด
โดยใน OPPO Reno8 Z 5G มาพร้อมชิป Qualcomm Snapdragon 695 5G ทำงานร่วมกับ RAM ขนาด 8GB และ ROM 128GB ส่วน OPPO Reno8 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1300 5G-integrated SoC และ RAM ขนาด 8GB และ ROM 256GB ทั้งคู่มีเทคโนโลยี RAM Expansion ที่สามารถเพิ่ม RAM เสมือนให้มากขึ้นที่ 2GB, 3GB และ 5GB ได้เท่ากัน สำหรับรุ่นโปรฯอย่าง OPPO Reno8 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง MediaTek Dimensity 8100-MAX มี RAM และ ROM ที่ความจุ 12GB + 256GB ซึ่งมากกว่า 2 รุ่นนั้น จึงสามารถเพิ่ม RAM Expansion ได้มากกว่าที่ 3GB, 5GB, 7GB ตามลำดับ
7. ColorOS 12.1 กับประสบการณ์การทำงานที่ไหลลื่น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
รันบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 12.1 บนพื้นฐาน Android 12 มอบประสบการณ์การทำงานที่ไหลลื่น ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ บนความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว หน้าตาของ UI มีความเรียบง่าย สวยงามสบายตา แต่แฝงไปด้วยความทันสมัย มีฟีเจอร์ที่หลากหลายให้เลือกใช้ สามารถปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์ของการใช้งานที่เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น
8. ความทนทานและบริการหลังการขาย
นอกจากความน่าสนใจของกล้อง สเปค และดีไซน์ของ OPPO Reno8 Series 5G แล้ว ในเรื่องของความแข็งแกร่งทนทานของตัวเครื่อง ทาง OPPO ก็ให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ด้วยขั้นตอนการทดสอบที่ได้ทีมควบคุมคุณภาพระดับมืออาชีพพร้อมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคหลายร้อยคนมาช่วยดูแล ซึ่งผลิตภัณฑ์จาก OPPO ทั้งหมดต้องผ่านการทดสอบหลัก 6 หมวดหมู่ จึงมั่นใจได้ว่า คุรจะได้รับสมาร์ตโฟนที่มีคุณภาพอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีบริการหลังการขายที่ครอบคลุม หากคุณสงสัยในเรื่องของการใช้งาน ก็สามารถรับคำแนะนำอย่างมืออาชีพ ผ่านทางช่องทางออนไลน์หรือศูนย์บริการ 2,500 แห่งของ OPPO ทั่วโลกได้อีกด้วย
ราคาวางจำหน่าย
- OPPO Reno8 Z 5G ราคา 12,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีทองใหม่ Dawnlight Gold และสีดำ Starlight Black,
- OPPO Reno8 5G ราคา 19,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีทอง Shimmer Gold และสีดำ Shimmer Black
- OPPO Reno8 Pro 5G ราคา 27,990 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีเขียว Glazed Green และสีดำ Glazed Black
สามารถสั่งจองเป็นเจ้าของได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ - 18 สิงหาคม เป็นต้นไป และพิเศษ! เป็นเจ้าของ OPPO Reno8 Series 5G ได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ราคาเริ่มต้นเพียง 4,490 บาท เท่านั้น
8 เหตุผลที่ไม่ควรพลาด! ช่วงพรีออเดอร์ OPPO Reno8 Series 5G สมาร์ตโฟน 5G ถ่ายภาพคนสวยเป็นธรรมชาติ - Siamphone
Read More
No comments:
Post a Comment