ในการเปิดตัว iPhone 14 Series ที่ผ่านมาก็มีทั้งหมด 4 รุ่นแต่รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการอย่าง iPhone 14 Plus แต่รุ่นนี้มาเป็นรุ่นล่าสุดไม่นานหลังจาก ทีนี้คำถามคือ มันดีจริงไหม และมันคุ้มค่าหรือไม่ มาติดตามรีวิวชุดเต็มกันดีกว่า
รายละเอียดสเปคของ iPhone 14 Plus
- ขนาดตัวเครื่อง 160.8 x 78.1 x 7.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 203 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ใช้หน้าจอ Super Retina XDR (OLED)
- ความละเอียดหน้าจอ : 1284 x 2778อัตราส่วน 19.5:9 รองรับการแสดงผล HDR10+ Dolby Vision True-Tone และ Wide Color Gamut ความสว่าง 1,300 nits
- กระจกหน้าจอ : Ceramic Shield
- มาตรฐานการกันน้ำ IP68 กันน้ำได้ลึกสุด 6 เมตร
- ชิปเซ็ต : Apple A15 Bionic | GPU : เป็นของ Apple เองเป็นแบบ 5 Core
- RAM: 6GB LPDDR4X
- ความจำในตัว :128 / 256 / 512GB
- เพิ่มความจำผ่าน iCloudStorage
- ระบบปฏิบัติการ : iOS 16
- การเชื่อมต่อWiFi 6 (AX), GPS, 5G, Bluetooth 5.3 NFC และรองรับ Lightning Port
- รองรับ eSIM และ Nano SIM
- ระบบเสียง
- ลำโพง Stereo ทั้งด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 2 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง 5 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Timelapse ทั้งกลางวันและกลางคืน sensor-shift OIS
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง 4 มุมมอง120 องศา
- กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus
- แบตเตอรี่ 4323 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ (20W) รองรับทั้ง ชาร์จไร้สาย (15W)
- ระบบความปลอดภัย สแกนหน้าแบบ Face ID
- สี : Midnight, Purple, Starlight, Blue, Red
รูปลักษณ์หน้าตาของ iPhone 14 Plus
เริ่มต้นจากหน้าจอของ iPhone 14 Plus จะมีขนาดหน้า 6.7 นิ้วและยังมี Notch แต่ความสว่างนั้นเท่ากับ iPhone 14 ส่วนความละเอียดที่มากขึ้น และยังคงใช้ Ceramic Shield เหมือนกัน ทางด้านบนก็มีติ่งเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างแต่อาจจะไม่เห็นคือกล้องหน้าของ iPhone 14 จะมีระบบ Auto Focus ซึ่งจะมาบอกเล่ากันต่อไปว่ามันแตกต่างกันแค่ไหน ส่วนล่างมีส่วนที่สามารถปัดเพื่อกลับหน้าแรกได้
รอบตัวเครื่องเป็นบอดี้แบบอลูมิเนียมผิวด้านทนรอยประมาณหนึ่ง ฝั่งซ่ายมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง, ปรับเปลี่ยน Profile ของระบบเสียง และ ถาดใส่ซิมการ์ด
อีกฝั่งจะมาพร้อมกับปุ่ม Power และสามารถกดเพื่อปลุก Siri ขึ้นมาได้
ส่วนบนไม่มีปุ่มอะไร และด้านล่างจะมาพร้อมกับลำโพงตัวเครื่อง, ช่องเสียบ Lightning และ ไมโครโฟนตัวเครื่อง
พลิกมาด้านหลังจะมาพร้อมกับกล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แต่สังเกตว่าถ้าดูด้านข้างแล้วความหนาของกล้อง iPhone 14 Plus แอบหนากว่าเล็กน้อยเท่านั้น
น้ำหนัก / การถือของมือถือรุ่นนี้
ด้วยความที่หน้าจอขนาดใหญ่มากขึ้นก็ทำให้เครื่องมีน้ำหนักค่อยข้างเยอะ แต่ว่าเมื่อถือสัมผัสแล้วพบว่า iPhone 14 Plus ไม่ได้หนักอะไรมากนัก เหลือที่ 203 กรัม กดถือว่าถนัดมือดี พิมพ์ได้ถนัดตามหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม สีสันของเครื่องก็จะมีให้เลือกทั้ง สีชมพู, สีเหลือง, สีฟ้า, สีแดง และ สีดำ
แต่สำหรับเรื่องต่อไปนี้เหมือนกับ iPhone 14 ทุกประการไม่ว่าจะเป็น
ประสิทธิภาพ / การทดลองเล่นเกม
จากคะแนนที่เห็นนั้นถือว่าใกล้เคียงกับ iPhone 13 Pro เพราะสเปกของเรียกได้ว่าใกล้เคียงทั้ง A15 Bionic + GPU ทั้งหมด 6 แกน และมาพร้อมกับ RAM 6GB แบบ LPDDR4X ดังนั้น ถ้าใครอยากกระโดดมาจาก iPhone 12 มารุ่นนี้ ยังคงคบหาได้อยู่ครับ แต่ถ้าใครมาจาก iPhone 13 อาจจะไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่
การเชื่อมต่อไร้สาย / การใช้นำทาง
การเชื่อมต่อไร้สายรองรับทั้ง Wi-Fi AX, 5G, 4G, Bluetooth 5.3 และยังรองรับ GPS, A-GPS ทำให้นำทางบอกได้ดี แต่อาจจะมีกระโดดบ้างต้องรออัปเดตแก้ปัญหากันต่อไป และตัวเครื่องรุ่นนี้มีฟีเจอร์ ขอความช่วยเหลือผ่านดาวเทียม แต่ยังไม่สามารถใช้งานกับประเทศไทยได้
เสริมอีกนิดกับเรื่องซิม ประเทศไทยยังรองรับซิมการ์ดเป็นใบ และ eSIM มาให้ด้วยใส่ eSIM ได้ทั้งหมด 5 ใบ แต่ใส่ได้พร้อมกันได้ 2 SIM ถ้าใส่ซิมการ์ดแบบปกติไปแล้วจะทำให้ eSIM ทำงานได้ 1 SIM ถ้าต้องการให้ eSIM ทำงานได้ 2 SIM จะต้องไม่ใส่ซิมการ์ดแบบปกติเท่านั้น
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
การแสดงผลของ iPhone 14 ยังมาพร้อมกับ Super Retina XDR แต่ว่า Refresh Rate 60Hz เท่านั้นอาจจะต้องทำใจเมื่อเทียบกับ รุ่น Pro ที่เปลี่ยนเยอะ แต่ถามว่าเพียงพอต่อการใช้งานไหม พอแล้วนะ
ส่วนระบบเสียงยังคงมาพร้อมกับจัดเต็ม ทั้งด้านบนและล่าง เหมือนเดิม
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ต่างๆ / ระบบความปลอดภัย
ระบบปฏิบัติการของ iPhone 14 ทุกรุ่นจะมาพร้อมกับ iOS 16 ที่อัปเกรดใหม่ล่าสุดอยู่เรื่อยๆ โดยเน้นเรื่องของการความเป็นส่วนรตัว และมีฟีเจอร์ Lock Screen แบบใหม่ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้มากพอสมควร ทั้งนี้ ภาพรวมของระบบปฏิบัติการก็จะมีฟีเจอร์ที่เห็นความแตกต่างชัดเจนเช่น
ส่วนฟีเจอร์อื่นๆ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ รวมถึงฟีเจอร์ลับก็อ่านได้ที่นี่ ส่วนระบบความปลอดภัยคือ Face ID ที่รองรับการใส่หน้ากากแล้วแต่ต้องเปิดฟีเจอร์ให้สามารถสแกนใบหน้าเมื่อใส่หน้ากากอนามัยได้นะ
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
สำหรับกล้องของ iPhone 14 นั้นแบ่งออกเป็นดังนี้
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 2 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง F1.5 มาพร้อมกับ LED Flash รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 24/30/60 FPS, Full HD 30/60/120/240, Timelapse ทั้งกลางวันและกลางคืน sensor-shift OIS
- ทำงานผ่านชิปประมวลผล Photonic Engine
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มีค่ารูรับแสง F2.4 มุมมอง120 องศา
- กล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus
ฟีเจอร์กล้องของ iPhone 14
ฟีเจอร์ของกล้องนั้นยังคงเหมือนกับรุ่น 13 ยังคงเก็บรายละเอียดได้ดี แต่จากที่ได้ทดลองในการถ่ายภาพบว่าการทำงานเร็วขึ้น ถ่ายภาพได้สนุกมากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย และสีสันที่ออกมาคมและเปลี่ยนแนวภาพได้ น่าเสียดายที่ยังไม่มี Macro Mode มาให้ จริงๆ ควรใส่ได้แล้วนะ
ส่วนวิดีโอด้านกล้องหลังยังมีฟีเจอร์ที่พัฒนาจากเดิมคือ การเพิ่ม Action Mode วิธีการทำงานคือการ Crop เลนส์มุมกว้างให้ภาพนั่นนิ่งขึ้น และทำงานร่วมกับ OIS นอกจากนี้ยังมี Cinematics มาให้แต่ไม่รองรับ ProRES เป็นต้น
ภาพตัวอย่าง iPhone 14 Plus
ภาพจากกล้องหน้าของ iPhone 14
สำหรับกล้องหน้าของ iPhone 14 Series รวมไปถึง iPhone 14 Pro / 14 Pro Max คือ 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับระบบ Auto Focus ทำให้การถ่ายภาพดีขึ้น ส่วนวิดีโอทำได้สูงสุด 4K 30 FPS
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ขนาด 4323 mAh ถือว่าใหญ่มากพอสมควรเลยครับ เมื่อใช้งานพบว่าอึดกว่า iPhone 14 Series ทั้งหมด ต่อให้ใช้งานหนักมากก็ยังคงต้องชาร์จไฟระหว่างวัน ส่วนชาร์จไฟของมือถือรุ่นนี้จะมาพร้อมกับเสียบสายกำลัง 20W และชาร์จไฟไร้สายแบบ MagSafe กำลังสูงสุด 15W
สรุปหลังจากทดลองใช้งาน iPhone 14 มาสักพักใหญ่ ประทับใจแค่ไหน
หลังจากที่ทีม Sanook Hitech ทดลองใช้งาน iPhone 14 Plus สักระยะ ต้องบอกว่าหากคุณมองว่า iPhone 14 สเปกดีและมาพร้อมกับขนาดที่เล็กเกินไปอย่าง iPhone 14 การมาเลือกรุ่นนี้ก็ถือว่าเหมาะสม แต่ว่าสิ่งที่เหลือไม่ได้เปลี่ยนแปลงจาก iPhone 14 ทำให้รู้สึกไม่ได้เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตามราคาของ iPhone 14 Plus มีให้เลือกดดังนี้
- 128GB =37,900 บาท
- 256GB = 41,900 บาท
- 512GB = 50,900 บาท
เมื่อเห็นราคาแล้วก็คงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงขายยาก เพราะราคานั้นสามารถลดไปเอา 14 ปกติก็ได้ขนาดเล็กพกพาง่ายและราคาดีกว่า หรือจะเพิ่มเป็นรุ่น Pro ก็ได้ ทำให้ราคาที่ตั้งมานั้นเป็นทางเลือกที่อยู่ตรงกลางแต่ยังไม่มีจุดเด่นที่พาไปหา ยกเว้นขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้หลายคนคิดเรื่องนี้อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม iPhone 14 Plus ไม่ใช่มือถือที่เลวร้าย แต่มันก็เป็นการสูบลมของ iPhone 14 ที่จะทำให้หลายคนประทับใจเมื่อได้จับตัวนี้ และถ้าใครอยากได้ iPhone 14 แบตฯทนสุด ก็คงหนีไม่พ้นรุ่นนี้ครับ
จุดเด่น
- หน้าจอใหญ่สะใจ
- สีสันให้เลือกเยอะ
- น้ำหนักเบากว่าที่คิด
- สเปกถือว่าตอบสนองลื่นไหล
- กล้องมีการเพิ่มชิปทำให้เก็บรายละเอียดได้ดี
- มีฟีเจอร์ Crash Detection มาให้แล้วและทำงานได้จริง
- การถ่ายวิดีโอ Action Mode นิ่งดีใช้ได้ (แต่ไม่มีระบบโฟกัสที่ไวนะ)
- กล้องหน้าใส่ Auto Focus ซะที!!!
- แบตเตอรี่ยังอึดเหมือนเดิม
ข้อสังเกต
- ราคาแพงเกินไปจนทำให้คนอาจจะไปซื้อรุ่นปกติ หรืออัปเป็นรุ่น Pro
- ไม่มีความแตกต่างจาก iPhone 14 ยกเว้นแบตเตอรี่
รีวิว iPhone 14 Plus การขยายร่างครั้งใหม่ของ iPhone รุ่นกลาง - Sanook
Read More
No comments:
Post a Comment