iPad รุ่นที่ 10 และ iPad Pro ชิป M2 เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเรียบร้อย ทีมงาน iPhone-Droid.net ก็ได้เครื่องมารีวิวเช่นกัน วันนี้เราก็ไม่พลาดมาแกะกล่องพรีวิวให้ชมกันอีกเช่นเคย หลังจากที่เราได้แกะกล่อง iPad รุ่นที่ 10 ไปแล้ว วันนี้ก็ถึงคิวพี่ใหญ่ iPad Pro ชิป M2 กันบ้าง หลายคนเห็นจากข่าวเปิดตัวแล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยแตกต่างจากรุ่นก่อนสักเท่าไหร่เลย แล้วจริง ๆ มันแตกต่างจากเดิมไหมล่ะ !? วันนี้เราพาชมดีไซน์ตัวเครื่องแบบเต็ม ๆ พร้อมแล้วติดตามครับ!
แกะกล่อง iPad Pro 12.9″ ชิป M2
สำหรับ iPad Pro ชิป M2 ที่เราได้มาเป็นรุ่น 12.9″ ตัวกล่องก็เลยมีความใหญ่อลังการอย่างที่เห็นครับ ที่หน้ากล่องจะโชว์ภาพดีไซน์ด้านหน้าพร้อม Wallpaper ใหม่เหมือนเคย สีที่เราได้มาเป็นสี Space Gray ตัว Wallpaper เลยเป็นสีม่วงแบบนี้เลยครับ
กล่องของ iPad Pro M2 รอบนี้จะไม่มีพลาสติกหุ้มมาแล้วนะครับ มีเพียงสติกเกอร์ให้เราได้ฉีกออกเหมือน iPhone รุ่นใหม่ ๆ เลยล่ะ
เปิดกล่องออกมาเราจะเจอกับตัวเครื่อง iPad Pro M2 นอนอยู่ในซองอย่างดี ขนาดจอ 12.9″ นี้ก็เต็มกล่องใช้ได้ทีเดียวล่ะครับ
ถัดลงไปจะเจอกับอุปกรณ์เสริมทั้ง กล่องเอกสารคู่มือที่มีสติกเกอร์ Apple มาให้ 2 ชิ้น และอะแดปเตอร์ชาร์จ 20W กับสายชาร์จ USB-C to C ด้วยครับ
ซึ่งสายชาร์จในรอบนี้ก็มีการเปลี่ยนรูปแบบใหม่เป็นสายถักคล้ายกับของ MacBook Air ชิป M2 หรือ MacBook Pro 14″ กับ 16″ แล้วครับ ดูหรูหรามากขึ้นนะ
เบ็ดเสร็จแล้วอุปกรณ์ในกล่องของ iPad Pro M2 ก็มีมาให้ 5 อย่างดังนี้เลยครับ
- ตัวเครื่อง iPad Pro 12.9″ ชิป M2
- เอกสารคู่มือ
- อะแดปเตอร์ชาร์จ 20W
- สายชาร์จ USB-C to C
- สติกเกอร์ Apple
หน้าตาเหมือนเดิม จริง ๆ เหรอ!?
ได้เวลายลโฉม iPad Pro M2 แบบชัด ๆ กันแล้วครับ จากข้อมูลหรือรูปทางการที่ออกมา เราแทบหาความแตกต่างของหน้าจอ iPad Pro M1 กับ iPad Pro M2 ไม่ออกเลยจริง ๆ ซึ่งเมื่อได้มาแกะกล่องดูจริง ๆ แล้วก็บอกเลยว่า ดีไซน์ด้านหน้าของ iPad Pro M2 นั้นไม่ต่างจากเดิมเลยจริง ๆ เหมือนเดิมทุกประการ ถ้าไม่เห็น Wallpaper ชุดใหม่ที่ให้มาก็คงแยกไม่ออกแน่นอนครับ
หน้าจอ MiniLED ขนาดใหญ่ 12.9″
แต่ความเหมือนเดิมนี้ก็คือมาพร้อมเทคโนโลยีจอภาพ Liquid Retina XDR ที่เป็นจอ MiniLED เหมือนเดิม มีความคมชัดสูงและแสดงสีดำได้อย่างดำสนิท ตรงนี้เราชอบนะ แถมพอยู่บนหน้าจอขนาด 12.9″ ก็ยังแสดงความอลังการได้เต็มที่เหมือนเดิมเลยจริง ๆ ครับ
และแน่นอนว่าจอของ iPad Pro M2 ก็ยังรองรับ ProMotion ที่มี Refresh rate สูงสุด 120Hz มอบความลื่นไหลในการใช้งานอย่างมากเลยทีเดียวครับ
ตำแหน่งกล้องหน้าก็เหมือนเดิม อยู่ด้านบน
บน iPad Pro M2 ยังคงวางตำแหน่งกล้องหน้าพร้อมเซ็นเซอร์ Face ID ไว้ที่ด้านบนเหมือนเดิม ตรงนี้เราก็แอบขัดใจนิดหน่อยเพราะบน iPad รุ่นที่ 10 นั้นมีการย้ายตำแหน่งไปไว้แนวนอนแล้ว แต่บนรุ่น Pro ก็ยังวางไว้แบบแนวตั้งเหมือนเดิม ใช้งาน FaceTime หรือ VDO Call ต่าง ๆ ก็คงเจอปัญหาสายตาไม่มองตรงกลางเหมือนเดิม
สี Space Gray โทนใหม่ อ่อนกว่าเดิม
พลิกกลับมาดูที่ด้านหลังตัวเครื่องกันบ้าง ฝาหลังยังใช้วัสดุเป็นอลูมิเนียมผิวด้านเหมือนเดิม มอบสัมผัสที่เนียนมือเวลาจับถือได้เป็นอย่างดี มอบภายนอกรวมถึงถือใช้งานแล้วก็แอบไม่ต่างจากเดิมอีกแล้วล่ะ
แต่..ถ้าลองดูรายละเอียดจริง ๆ จะพบว่าสีสันของสี Space Gray นั้นแอบรู้สึกว่าเทาในรอบนี้มีความอ่อนลงกว่าเดิม ใกล้เคียงกับ Silver มาก ต่างจากรุ่นก่อนที่จะมีความคมเข้มกว่าอย่างเห็นได้ชัด ตรงนี้น่าจะเป็นจุดที่แตกต่างหนึ่งของรุ่น M2 กับ M1 เลยล่ะ
ตัวกล้องหลังก็ยังให้มาเป็นกล้องคู่ 12MP + 10MP (Wide + Ultra Wide) พร้อม LiDAR Scanner เหมือนเดิม ตรงนี้ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงครับ
ที่ด้านของเครื่องมุมล่างจะมีโลโก้ของ iPad ที่รอบนี้เพิ่มความว่า “Pro” เข้ามาแล้ว เหมือนแบ่งแยกรุ่นชัดเจนขึ้น และนี่ก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งจุดต่างของ iPad Pro M2 กับ M1 ด้วยนะ ส่วนล่างโลโก้ก็เป็นช่อง Smart Connector แบบ 3 PIN เหมือนเดิมเนาะ
รอบ ๆ เครื่องดีไซน์เหลี่ยม ตำแหน่งเดิมเป๊ะ
รอบ ๆ ตัวเครื่องก็ยังใช้ดีไซน์แบบเหลี่ยมเหมือนเดิม ที่ด้านบนมีปุ่ม Power และด้านขวามือมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงครับ
และถัดลงมาจากปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอีกหน่อยจะเจอกับแถบเชื่อมต่อกับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ซึ่งเราสามารถวางแปะเพื่อเชื่อมต่อหรือชาร์จได้จากตรงนี้เหมือนเคย
พอร์ต Thunderbolt พร้อมลำโพง Stereo 4 ตัว
พอร์ตการเชื่อมต่อของ iPad Pro M2 ก็ยังวางไว้ที่ด้านล่างเหมือนเดิมเป็นพอร์ต Thunderbolt/USB 4 ด้วยความเร็วสูงสุด 40Gb/s กันเลย และก็ยังมีลำโพงที่ใช้งานร่วมกับด้านบนรวมเป็น 4 ตัวให้เสียง Stereo ขั้นสุดเหมือนเดิมครับ
โดยรวมในเรื่องดีไซน์ถ้าจะบอกว่าเหมือนเดิมเลยก็คงไม่ผิดหนัก เพราะมีรายละเอียดเล็กน้อยอย่างสีที่อ่อนลงของ Space Gray และโลโก้ iPad ด้านหลังที่เพิ่มคำว่า Pro เข้ามาเท่านั้น นอกนั้นถ้าไม่ได้ลงลึกขนาดนี้ก็คงไม่รู้สึกถึงความแตกต่างแน่นอน ใครที่คาดหวังการมาของดีไซน์แบบใหม่หมด คงต้องแสดงความเสียใจด้วย
อุปกรณ์เสริมชุดเดิมใช้ได้หมด
และด้วยความที่ดีไซน์เหมือนเดิมแทบทั้งหมด แน่นอนว่าอุปกรณ์เสริมชุดเดิมก็ใช้งานได้หมด ตั้งแต่ Magic Keyboard เคสคีย์บอร์ดแบบยกลอยที่ใครมีอยู่แล้วก็ใช้งานต่อได้เลยครับ
รวมถึง Apple Pencil รุ่นที่ 2 ก็สามารถแปะที่ด้านข้างเครื่องเพื่อเชื่อมต่อได้เหมือนเดิม ไม่ต้องไปหาอะแดปเตอร์อะไรมาแปลงเนาะ ซึ่งบน iPad Pro M2 ก็มีความสามารถอย่าง Pencil Hover ที่เราแค่เอาหัว Pencil ไปจ่อ (ยังไม่แตะ) ใกล้ ๆ ก็จะมี Preview ขึ้นมาก่อนแตะด้วย อาทิ เราเอาไปจ่อที่ไอคอนแอปก็จะนูนเด่นขึ้นมา หรือเห็นตำแหน่งของปากกาก่อนเราขีดเขียน เป็นต้นครับ
ชิปใหม่ M2 ไฮไลท์อยู่ตรงนี้!
ภายนอกแม้จะแตกต่างจากรุ่นก่อนน้อยมาก แต่ภายในนี่อัปเกรดชุดใหญ่ด้วยชิป M2 ตัวเดียวกับ MacBook Air รุ่นใหม่มี CPU 8-Core, GPU 10-Core และ NPU 16-Core ตรงนี้ Apple เคลมว่า CPU เร็วขึ้น 15% GPU แรงกว่าเดิม 35% และ Neural Engine (AI) ทำงานได้ดีขึ้นกว่า 40% อีกด้วย
สรุปสเปค iPad Pro 12.9″ ชิป M2
- หน้าจอ Super Retina XDR (MiniLED) ขนาด 12.9″
- ความละเอียด 2732 x 2048 พิกเซล
- Refresh rate 120Hz ProMotion
- ชิปเซ็ต Apple M2
- RAM 8GB/16GB
- ความจุ 128GB/256GB/512GB/1TB/2TB
- กล้องหน้า 12MP f/2.4
- กล้องหลัง 2 ตัว
- กล้องหลัก 12MP f/1.8
- กล้อง Ultra Wide 10MP f/2.4 มุมกว้าง 125º
- ระบบปฏิบัติการ iPadOS 16
- การเชื่อมต่อ Wi‑Fi 6 (802.11ax), 2.4GHz และ 5GHz, ความเร็วสูงสุด 1.2 Gbps
- พอร์ต Thunderbolt/USB 4
- รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2
- รองรับ Magic Keyboard
ทั้งหมดนี้ก็เป็นพรีวิวคร่าว ๆ ของ iPad Pro M2 กับความรู้สึกแรกเท่านั้นครับ ในเรื่องดีไซน์เราว่าไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก ซึ่งก็มีข้อดีคือความคุ้นเคยในการใช้งาน รวมถึงอุปกรณ์เสริมทุกอย่างที่รองรับเหมือนเดิมหมด จุดที่แตกต่างจริง ๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องชิปที่อัปเกรดมาเป็น M2 ซึ่งเราคงต้องใช้เวลาในการทดสอบที่มากกว่านี้เนาะ ก่อนจากกันเราขอสรุปราคาค่าตัวของ iPad Pro M2 ให้อีกสักรอบละกันครับ
ราคา iPad Pro ชิป M2
รุ่นจอ 11″
- ความจุ 128GB ราคา 32,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 36,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 44,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 60,900 บาท
- ความจุ 2TB ราคา 76,900 บาท
รุ่นจอ 12.9″
- ความจุ 128GB ราคา 44,900 บาท
- ความจุ 256GB ราคา 48,900 บาท
- ความจุ 512GB ราคา 56,900 บาท
- ความจุ 1TB ราคา 72,900 บาท
- ความจุ 2TB ราคา 88,900 บาท
ส่วนราคาอุปกรณ์เสริมที่ใช้คู่กันทั้ง Apple Pencil รุ่นที่ 2 และ Magic Keyboard ก็ตามนี้เลยครับ
- Apple Pencil รุ่นที่ 2 ราคา 4,990 บาท
- Magic Keyboard (สำหรับรุ่น 11″) ราคา 11,990 บาท
- Magic Keyboard (สำหรับรุ่น 12.9″) ราคา 13,990 บาท
แกะกล่องพรีวิว iPad Pro 12.9" ชิป M2 มีอะไรเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมบ้างนะ !? - iphone-droid.net
Read More
No comments:
Post a Comment