ทุกวันนี้ รถอเนกประสงค์เอสยูวี กลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ไปแล้ว ? Q8 ของ Audi เข้าสู่ตลาดรถ coupe-SUV มานานกว่า 5 ปี โดยภาพรวม นี่คือรถอเนกประสงค์คันโตที่มีหลังคาลาดเอียงไปยังส่วนท้ายแบบ Coupe SUV และมีน้ำหนักตัวกว่า 2.3 ตัน Q8 มักถูกมองในแง่ร้ายว่าสิ้นเปลืองและใหญ่โตคับถนน แต่รถยนต์ประเภทนี้ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง หลังจาก Audi เปิดตัว RS SUV ขนาดฟูลไซล์เป็นครั้งแรก ซึ่งก่อนหน้านั้น มี RS SUV เพียงแค่รุ่นเดียวของ Audi นั่นก็คือ RSQ3 Quattro ขนาดกะทัดรัดและขับได้ดี (แต่ก็ยังไม่ดุดันเท่ากับ RS3 Sportback) รถ RS เหล่านั้นอาจเป็นเพียงแค่ของเล่นในวันหยุด แต่การมาถึงของ RSQ8 ในปี ค.ศ. 2020 ถือเป็นรถที่ใช้งานได้อย่างจริงจังมากกว่าของเล่นที่เอาไว้สนุกในวันพักผ่อน...
ตัวเลขสมรรถนะของรถรุ่นนี้ บ่งบอกถึงศักยภาพในการเร่งความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ RSQ8 ของ Audi Thailland เริ่มต้นที่ 11,900,000 บาท มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 Bi Turbo กำลัง 600 แรงม้า พร้อมล้อลายใหม่ ขนาด 23 นิ้ว ถือเป็นชุดล้อที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรถยนต์ของ Audi ที่ผลิตออกขาย นอกจากนี้ยังใช้เชื้อเพลิงในปริมาณที่น่าทึ่ง (6.7 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อขับแบบย่องเบา) มีกรอบกระจังหน้าคาร์บอนไฟเบอร์กับชุดกระจัง RS สีดำเงาขนาดใหญ่ที่โดดเด่น องคาพยพของรถรวมเอาทุกองค์ประกอบขึ้นเป็นคลังแสงทางเทคนิคของ Audi Sport ตั้งแต่ระบบบังคับเลี้ยวที่ล้อหลังไปจนถึงชุดกันโคลงแบบแอ็กทีฟ และอื่นๆ อีกเพียบ
Audi Sport เป็นแผนกที่รับผิดชอบในการพัฒนาสัตว์ประหลาดที่มีรูปลักษณ์แบบ Coupe SUV ที่น่าประทับใจ รถคันนี้สามารถไปได้ไกลกว่าแค่ตัวเลขที่ระบุมาในเอกสารกำกับการซื้อ การเร่งความเร็วของ RS Q8 Quattro มอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าตื่นเต้นบวกกับความสะดวกสบาย ด้วยรูปแบบความอเนกประสงค์ที่แตกต่างไปจาก super-SUV เกือบทุกประเภท
ประสิทธิภาพและอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
RS Q8 Quattro ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังควบคุมซุปเปอร์คาร์พลัง 600 แรงม้า ซึ่งขับเคลื่อนรถ SUV คันโต ได้อย่างพอดิบพอดี
เครื่องยนต์ V8 Bi Turbo และกระปุกเกียร์ Trip Tronic 8 สปีด
การผสมผสานที่ยอดเยี่ยม เป็นระบบส่งกำลังที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกด้านของการใช้งาน
การขับขี่และการควบคุมรถ
ไม่มีใครจะเข้าใจผิดว่า RS Q8 เป็นรถเอสยูวี 5 ที่นั่ง แต่ความสามารถของมันนั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง หากคุณไม่ได้ดื่มด่ำเป็นพิเศษกับกระทิง Urus!
อัตราสิ้นเปลือง
6.7 กิโลเมตรต่อลิตร (ขับเรื่อยๆ) และค่าใช้จ่ายในการดูแล มากกว่ารถทั่วไป แต่ไม่มากเท่ากับ Lamborghini
ภายในและเทคโนโลยี
มันสุดยอดมากสำหรับคนที่ไม่ชอบความแพรวพราวของไฟ LED ที่ประดับประดาอยู่บนชิ้นงานตกแต่งภายใน พร้อมกับเรืองแสงออกมาในยามค่ำคืน แสงสีที่จัดจ้าน เหมือนกำลังลอกเลียนแบบบรรยากาศในศาลเจ้าพ่อเสือซึ่งบางคนก็ไม่ค่อยจะชอบ คุณภาพการผลิตและวัสดุไม่แพ้ X6M Competition หรือ AMG GLE63 Coup จริงๆ แล้ว Audi RS Q8 มีคุณค่าของงานประกอบและความหรูหราของวัสดุมากเกินพอที่จะให้ความรู้สึกแตกต่างจากรถเอสยูวีทั่วไป
การออกแบบ
นอกจากรูปลักษณ์ที่ดูโอ่อ่าแล้ว RS Q8 Quattro ยังเป็นรถ SUV แบบคูเป้ที่น่าซัดน่าอัดมากที่สุด ล้อ 23 นิ้ว ช่วงล่างถุงลม อาจจะใหญ่เกินและแพงเกินไป แต่ก็ช่วยทำให้รถคันโตรุ่นนี้วิ่งอยู่บนถนนได้ด้วยความเสถียรพร้อมความดุดันแบบครบถ้วน
แพลตฟอร์ม MLB Evo ของกลุ่ม Volkswagen เป็นรากฐานของรถ SUV หรูหราสมรรถนะสูงหลายรุ่น เช่น Audi RS Q8 / Bentley Bentayga / Lamborgini Urus และ Porsche Cayenne Turbo ล้วนใช้แพลตฟอร์มนี้ร่วมกันทั้งหมด แต่ละแบรนด์ วางเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ช่วงล่างถุงลมทำงานอัตโนมัติ ในรูปแบบการปรับจูนเฉพาะเวอร์ชันของตัวเอง เป็นเรื่องน่าทึ่งที่แต่ละแบรนด์มีรูปลักษณ์และประสบการณ์การขับขี่ที่แปลกแยกและแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง รถแต่ละคันล้วนมีคาแรกเตอร์ของตัวเอง แล้ว Audi RS Q8 มีดีที่ตรงไหน ถึงต้องควักกันเกือบ 12 ล้าน?
bi-turbo V8 เป็นเครื่องยนต์เบนซินแปดกระบอกสูบสุดไฮเทค ระบบควบคุมการทำงานของกระบอกสูบทั้ง 8 ตำแหน่ง (COD) จะหยุดการทำงานของกระบอกสูบทั้งสี่สูบลงชั่วคราว ในระหว่างการขับด้วยความเร็วเดินทางปกติ เพื่อลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ Twin-scroll สองตัว ลดแรงดันย้อนกลับและเพิ่มประสิทธิภาพการดึงไอดีเพื่อการเติมเข้าไปในห้องเผาไหม้ ตำแหน่งของฝาสูบ ตั้งอยู่ในมุม 90 องศา ฝาสูบรูปตัว V ทรงกระบอก วางเทอร์โบ Twin Scroll สองตัวคร่อมอยู่บนฝาสูบ ด้วยรูปแบบดังกล่าว ส่งผลให้ท่อทางเดินของไอดีหดสั้นลง เครื่องยนต์ตอบสนองได้ดีขึ้นที่รอบเครื่องต่ำ ในระบบไอเสีย แอคทูเอเตอร์ที่ควบคุมผ่านโหมดสองตัว ทำหน้าที่ปรับเสียงเครื่องแปดสูบ ยางแท่นเครื่องยนต์แบบแอ็กทีฟ ช่วยลดการส่งผ่านแรงสั่นสะเทือนไปยังตัวถังด้วยการสร้างแรงสั่นสะเทือนที่สวนทางกันเพื่อหักล้าง!
เกียร์อัตโนมัติทิปโทรนิค 8 สปีด และ Quattro AWD ถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์ 4.0 TFSI ลงบนพื้นถนน ส่วนประกอบแชสซีสไตล์สปอร์ต ระบบกันสะเทือนถุงลมแบบสปอร์ตพร้อมแดมเปอร์ควบคุมและระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ ที่ความเร็วต่ำ ล้อหลังจะหมุนล้อหลังได้มากถึง 5 องศาในทิศทางตรงกันข้าม ซึ่งเพิ่มความคล่องตัวและลดวงเลี้ยว ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. ล้อจะเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกันเล็กน้อยเพื่อให้ความเสถียรที่ดีขึ้นในย่านความเร็วสูงหรือระหว่างการเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว
ระบบกันสะเทือน Adaptive Air Suspension ประกอบด้วยโมดูลไฟฟ้าควบคุมการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูง ระบบป้องกันการสั่นไหวแบบแอ็กทีฟแบบกลไกไฟฟ้า (eAWS) เมื่อขับตรงไปข้างหน้า ระบบจะสั่งงานชุดกันโคลงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า มอบความสะดวกสบายของการขับขี่ในระดับสูง นอกจากนี้ ยังช่วยลดการพลิกคว่ำระหว่างการเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว แพ็กเกจนี้ยังรวมถึงเฟืองท้ายแบบสปอร์ตซึ่งจะเปลี่ยนแรงบิดระหว่างล้อหลังตามความจำเป็น ระหว่างการขับเข้าโค้งอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ที่ได้คือการควบคุมรถมีความคล่องตัวและแม่นยำยิ่งขึ้น แพลตฟอร์มแชสซีอิเล็กทรอนิกส์ (ECP) เป็นตัวควบคุมส่วนกลางที่เชื่อมต่อระบบแชสซีเข้าด้วยกัน พร้อมโหมดขับเคลื่อนที่หลากหลายและครอบคลุมการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น comfort, auto, dynamic, efficiency, allroad, offroad individual และ RS1 /RS2
เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งร่วมแพลตฟอร์มแล้ว Audi RS Q8 ปี 2023 (600 แรงม้า/800 นิวตันเมตร) จี้ติดคู่แข่งทุกคัน ด้วยเวลา 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 3.8 วินาที มีเพียง Bentley Bentayga S (542 แรงม้า/ 760 นิวตันเมตร) เท่านั้นที่เร่ง 0-100 ได้ช้ากว่านิดเดียว สำหรับ Lamborghini Urus (641 แรงม้า/ 850 นิวตันเมตร), Urus Performante (657 แรงม้า/ 850 นิวตันเมตร) และ Porsche Cayenne Turbo GT (631 แรงม้า/848 นิวตันเมตร) ทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 3.3-3.4 วินาที ในบรรดารถซุปเปอร์สปอร์ตเอสยูวีทั้งสี่ มีสองคันที่เร็วกว่า และมีน้ำหนักเบากว่า RS Q8 ประมาณ 226 กิโลกรัม (Urus Performante /Porsche Cayenne Turbo GT)
ราคาเริ่มต้น 11,900,000 บาท ในบริบทแห่งการเปรียบเทียบแล้ว RS Q8 มีค่าตัวค่อนข้างสมเหตุสมผล มันถูกกว่า Porsche Cayenne Coupe Turbo (15,200,000 บาท) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีคุณลักษณะทางกลไกคล้ายกัน แต่มีอุปกรณ์มาตรฐานน้อยกว่าและขาดองค์ประกอบของระบบ Mild Hybrid 48V ส่วนช่วงล่างถุงลมแบบแอ็กทีฟของ RS Q8 เทคโนโลยีระบบรองรับที่ปรับค่าการทำงานและระดับความสูง-ต่ำของรถแบบอัตโนมัตินั้นมีอยู่ใน Porsche แต่ต้องจ่ายเพิ่มในรูปแบบของออปชันเสริม X6 M Competition ของ BMW ทำให้ RS Q8 ดูสุภาพและหรูหราในแบบฉบับรถผู้บริหารระดับสูง แถมยังมีราคาที่ถูกกว่าอีกต่างหาก (X6M Competition ราคาประมาณ 4,000,000 บาท เป็นราคาในเยอรมันที่ยังไม่รวมอัตราภาษีนำเข้า 300% + +) สำหรับราคาของวัวป่าออฟโรด Urus Performante ทะลุไปถึง 25,490,000 บาท นั่นเป็นตัวเลขราคาเริ่มต้นกลมๆ ยังไม่รวมออปชันเสริม ซึ่งหากติ๊กเพลินๆ อาจทะลุไปถึง 30 ล้านบาท!
เมื่อมองตัวเลขราคาเพิ่มเติม Lamborghini Urus ซึ่งมีแชสซี เครื่องยนต์ และเทคโนโลยีภายในเหมือนกัน มีราคาค่อนข้างสูงอยู่ที่ 23,000,000 บาท ถึงแม้ว่าตราสัญลักษณ์ Lamborghini ซึ่งเป็นสิ่งล่อใจคนชอบซุปเปอร์คาร์จะโชว์หราอยู่รอบๆ บอดี้ของเจ้ากระทิงเปลี่ยว แต่ราคา 11.9 ล้านบาทของ RS Q8 นั้นถูกกว่ามาก กลายเป็นความแปรปรวนทางอารมณ์ของคนที่สนใจ Urus แต่ไม่อยากจ่ายแพงกว่าหลายเท่า
สถิติรอบสนาม Nürburgring ของ Audi RS Q8 Quattro ที่ 7 นาที 42.253 วินาที บ่งชี้ถึงศักยภาพของรถได้ดี เป็นข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจ หัวใจและจิตวิญญาณของความสำเร็จในครั้งนี้ก็คือเครื่องยนต์ของ RS Q8 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร เทแรงบิดล้นๆ ตั้งแต่ 2,200 ถึง 4,500 รอบต่อนาที การส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ของ RS Q8 ผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Tip Tronic
ในโลกแห่งความเป็นจริง ระบบขับเคลื่อนของ Audi ไม่ได้มีพฤติกรรมเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังโกรธ จากการเจาะลึกด้วยการขับทดสอบจากกรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดประจวบฯ RS Q8 ไม่ได้พุ่งออกตัวอย่างบ้าคลั่ง แต่ทะยานจากจุดหยุดนิ่งได้อย่างราบรื่นและมั่นคง แรงดึงอย่างแข็งแกร่งกวาดรอบเครื่องจนทะยานถึง Red Line ที่ 6,750 รอบต่อนาที ชุดส่งกำลัง Tip Tronic 8 Speed เปลี่ยนเกียร์อย่างไหลลื่นด้วยจังหวะและคาบเวลาที่เหมาะสม ง่ายมากที่จะขับจนเกินขีดจำกัดความเร็วที่ทางการกำหนด การปรับคันเร่งไฟฟ้าแบบรุดหน้าและท่อไอเสียที่มีประสิทธิภาพ ระบบส่งกำลัง RS Q8 ไม่เคยส่งเสียงดังสนั่น หรือกระชากอย่างรุนแรงเมื่อคนขับจมคันเร่ง ซึ่งจริงๆ แล้วผมอยากได้เสียงท่อที่ดังกว่านี้อีกสักหน่อย ในโหมดไดนามิกหรือแม้แต่โหมด RS1/RS2 มันก็ยังคงส่งเสียงครางทุ้มแน่นๆ แบบติดแนวสุภาพชนจนขาดอรรถรสที่ดีของซุปเปอร์เอสยูวี
เทคโนโลยีระบบไฮบริด 48 โวลต์ เชื่อมต่อกับระบบหยุดการทำงานของกระบอกสูบสี่ตำแหน่งเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิง COD (cylinder on demand) ระบบนี้จะตัดต่อการทำงานอย่างราบเรียบ ไม่มีอาการสะดุดหรือกระตุก เครื่องยนต์ V8 ทำงานบนกระบอกสูบบางส่วนหรือทั้งหมด จากความพยายามในการปรับแต่งเครื่องยนต์ เพื่อลดอัตราสิ้นเปลืองและลดมลพิษ สายพานสตาร์ตมอเตอร์อัลเทอร์เนเตอร์อยู่ระหว่างตำแหน่ง V ของเครื่องยนต์ เชื่อมต่อกับเพลาข้อเหวี่ยง เมื่อเหยียบเบรก ระบบจะกู้คืนพลังงานได้สูงสุดถึง 12 กิโลวัตต์ และป้อนอิเล็กตรอนไปยังชุดแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาดเล็ก เมื่อยกคันเร่ง COD ช่วยให้ RS Q8 สามารถ "เคลื่อนตัวแบบไหลไปได้เรื่อยๆ" โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองน้ำมันสักหยดระหว่าง 60 ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นาน 40 วินาที ในขณะที่คุณยกเท้าออกจากแป้นคันเร่ง ส่งผลให้มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 6.7 กิโลเมตรต่อลิตร ในด้านประสิทธิภาพ การควบคุมของ RS Q8 ถือเป็นคุณลักษณะที่น่าประทับใจ เพื่อทำให้รถเอสยูวีคันโตวิ่งได้อย่างมั่นคงด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro เฟืองท้ายอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบ torque-vectoring rear differential, ช่วงล่างถุงลมปรับ 5 ระดับความสูง-ต่ำ Adaptive air suspension, ระบบช่วยเลี้ยว all-wheel steering, ชุดกันโคลงแอ็กทีฟ active anti-roll bars และล้อลาย Y สีเงินสลับดำ ขนาด 23 นิ้ว ยางสปอร์ต 295/35ZR23 XL บอกตามตรงว่าการขับไม่ให้ล้อเกิดริ้วรอยบนถนนในประเทศไทยนั้นยากมาก
คาลิเปอร์ 10 ลูกสูบ ยึดกับโรเตอร์จานดิสเบรกขนาดมหึมา 440 มิลลิเมตร ที่ด้านหน้า และจานดิสหลังขนาด 370 มิลลิเมตร ที่ยังคงใหญ่โต พร้อมคาลิเปอร์ลูกสูบเดี่ยว การเหยียบแป้นเบรกลงเบาๆ อย่างนุ่มนวล ไม่ได้ทำให้พลังของการเบรกในช่วงแรกมากเกินไป การปรับตั้งระบบห้ามล้อที่ยอดเยี่ยมทำให้ผมสามารถใช้เบรกชะลอน้ำหนัก 2,300 กิโลกรัมได้อย่างราบรื่น แรงกดเบรกที่เพิ่มขึ้นเมื่อคุณต้องการพลังในการหยุดยั้ง ต้องเพิ่มน้ำหนักฝ่าเท้าลงไปที่แป้นเบรกอย่างเฉพาะเจาะจง อย่าลืมว่าจะต้องเผื่อระยะเบรกทุกครั้งที่ใช้โหมด RS1 แล้วขยี้คันเร่งของ RS Q8 อย่างเมามัน! มวลน้ำหนักรถที่มากกว่าซุปเปอร์คาร์ทั่วไปต้องการระยะเบรกที่เหมาะสมและผ่านการคำนวณอย่างแม่นยำด้วยตัวของคนขับเองทั้งหมด
ตามแบบฉบับของ Audi การเซตค่าระบบบังคับเลี้ยวที่เน้นให้มีน้ำหนักของพวงมาลัยที่เบาสบายมือ ถือเป็นจุดยึดโยงกับไดนามิกที่โดดเด่น ไม่มีข้อตำหนิหรือจุดบกพร่องที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองของพวงมาลัย แต่ไม่ได้หมายความว่าน้ำหนักพวงมาลัยที่เบานั้นมีประโยชน์ครอบคลุมไปซะทุกอย่าง เมื่อขับเร็ว พวงมาลัยไฟฟ้าจะแปรผันน้ำหนักของระบบให้หน่วงมือมากกว่าการขับในย่านความเร็วต่ำ การปรับตั้งระบบบังคับเลี้ยวเชื่อมโยงกับการทำงานของช่วงล่างแบบถุงลม Adaptive Air Suspension เมื่ออยู่ในโหมด Comfort สำหรับการขับเดินทางตามปกติ แดมเปอร์แบบปรับระดับได้ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน อาการกระแทกกระทั้น จากผิวถนนที่ไม่เรียบหรือไม่มีความสม่ำเสมอ นอกจากการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมแล้ว ยาง Continental ขนาดใหญ่ยังสมควรที่จะได้รับการยกย่อง เนื่องจากยาง 23 ขนาด 295/35ZR23 แทบจะไม่ส่งเสียงรบกวนในขณะที่หมุนด้วยความเร็วสูง บนผิวถนนที่หลากหลายของประเทศไทย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะราบเรียบเท่าที่ควร โดยเฉพาะเส้นทางขาเข้าในช่วงก่อสร้างทางยกระดับพระรามสอง
รถทดสอบ RS Q8 Quattro สีเทาสุดสวย Nardo grey solid (T3T3) พร้อมอุปกรณ์เสริมตกแต่งในสไตล์ RS เพิ่มแรงดึงดูดของสายตานักเลงรถแรง การเปลี่ยนแปลงของ RS เหนือรุ่นมาตรฐานไม่ได้แตกต่างจาก Q8 รุ่นมาตรฐานมากนัก กันชนหน้า RS ที่ดุดันมากขึ้น กระจังหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ ช่องรับอากาศแบบรังผึ้ง ปลายท่อไอเสียรมดำเงาทรงรี ล้อที่เรียบขึ้นเพื่อลดความฉูดฉาด เพิ่มการลดน้ำหนักด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ที่ชุดกระจังและชุดตกแต่งส่วนท้ายทั้งฝาท้ายและชิ้นงานคาร์บอนไฟเบอร์ที่ตกแต่งขอบล่างของกันชนหลังอย่างสวยงาม กระจังหน้า ฝาครอบกระจกมองข้าง ขอบประตูท้าย และชายล่างของกันชนหลัง รายละเอียดที่ปิดทึบ ทำให้ RS Q8 ดูเรียบง่าย แต่ยังคงบรรยากาศที่น่ากลัวของซุปเปอร์สปอร์ตเอสยูวีเอาไว้อย่างครบถ้วน
มิติตัวถังของ Audi RS Q8 Quattro มีขนาดความยาวรวม 5,012 มิลลิเมตร กว้าง 1,998 มิลลิเมตร สูง 1,694 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,998 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,692 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,696 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หน้า 994 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หลัง 1,020 มิลลิเมตร น้ำหนัก 2,300 กิโลกรัม ความจุถังเชื้อเพลิง 85 ลิตร
งานตกแต่งภายในของ RS Q8 ใช้ความเรียบง่ายและหรูหราในการนำเสนอ Audi ออกแบบให้อุปกรณ์ต่างๆ โดยเฉพาะแดชบอร์ดคอนโซลนั้นเรียบสนิทแทบจะปราศจากรอยต่อ ด้วยเส้นตรงจำนวนมากที่นำสายตาของคนขับไปสู่จอภาพสองจอที่อยู่กึ่งกลางแดชบอร์ด จอภาพมาตรวัดของคนขับขนาด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้สามรูปแบบ มีการออกแบบให้มาตรวัดสามารถอ่านค่าได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน เบาะนั่งด้านหน้ารองรับสรีระคนขับได้มาก การเย็บแบบรังผึ้งในสไตล์ของ RS ที่ส่วนเสริม เบาะมีฟังก์ชันนวดพร้อมรูปแบบการนวดถึง 7 แบบ ชอบแบบไหนก็ลองเลือกกันเอาเอง
คุณภาพงานประกอบของ Audi คันนี้ ถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ของรถเอสยูวีหรูหราราคาแพง วัสดุระดับไฮเอนด์จำนวนมาก ถูกจัดวางไว้ทั่วห้องโดยสาร เช่นหนังกลับ Alcantara ที่แผงบุหลังคา แผงประตู พวงมาลัยและคันเกียร์ แผงหน้าปัดคาร์บอนไฟเบอร์ด้าน พื้นผิวที่หุ้มด้วยหนังและเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายแดง สำหรับแผงคอนโซลกลางขนาดใหญ่ที่ติดตั้งจอภาพมอนิเตอร์สองจอวางเรียงซ้อนกันอย่างกลมกลืน แนวหลังคาแบบ Coupe ออกแบบให้เบาะหลังมีพื้นที่เหนือศีรษะมากพอที่จะไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด มีพื้นที่เพียงพอสำหรับผู้ใหญ่สี่คนบนเบาะแบบห้าที่นั่ง ซึ่งใช้งานจริงจังแล้วนั่งสี่คนจะเหมาะสมมากกว่า ห้องเก็บสัมภาระส่วนท้ายมีพื้นที่มากพอที่จะขนกระเป๋าใบใหญ่ได้ไม่ต่ำกว่าสี่ใบ พื้นที่เก็บสัมภาระ 605 จะขยายเป็น 1,755 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังราบลงกับพื้น
สื่อสาระบันเทิงหรืออินโฟเทนเมนต์ ใน RS Q8 คือ ระบบ MMI Touch Response ของ Audi ซึ่งเป็นตัวเอกในการควบคุมและตั้งค่าของระบบต่างๆ ทั้งระบบขับเคลื่อน การเชื่อมต่อกับโลกภายนอกแบบไร้สาย การตั้งค่าหน้าจอสัมผัสคู่ มีจอแสดงผลขนาด 8.6 นิ้วที่ด้านล่าง สำหรับควบคุมฟังก์ชันระบบปรับอากาศแบบสี่โซน ด้านบนของจอภาพระบบแอร์ เป็นจอแสดงผลมอนิเตอร์กลางขนาด 10.1 นิ้วสำหรับเป็นจอมอนิเตอร์ของระบบนำทางด้วยดาวเทียม ระบบความปลอดภัย การเชื่อมต่อต่างๆ การปรับตั้งค่าเครื่องเสียง Bang & Olufsen ที่มีลำโพง 17 ตัว ระบบนำทางด้วยแผนที่ของ Google Maps ฟังก์ชันโทรศัพท์และฮอตสปอต Wi-Fi ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่าย ตอบสนองต่อการสัมผัสเพื่อสั่งงานอย่างรวดเร็ว คอนโซลกลางที่สะอาดตามีการลดปุ่มและสวิตช์ต่างๆ ให้เหลือเท่าที่จำเป็นจริงๆ Audi ยังคงรักษาปุ่มปรับระดับเสียงแบบเดิมไว้ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก
เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับของ RS Q8 เช่น ระบบเตือนการชนด้านหน้าแบบมาตรฐานพร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบตรวจสอบจุดบอดรอบคัน ระบบแจ้งเตือนการจราจรด้านหลัง กล้อง 360 องศา ระบบไฟอัตโนมัติ Audi Matrix LED Headlight Technology
รถทดสอบ RS Q8 Quattro ที่วิ่งมาแค่ 590 กิโลเมตร กับราคาชวนสะดุ้ง 11.9 ล้านบาท ทำให้ผมเกิดความเครียดในการควบคุม เพื่อทำให้มันปราศจากริ้วรอยตลอดระยะเวลา 4 วันที่เอามาขับทดสอบ จำนวนรถบรรทุกที่วิ่งกันทุกช่องทางบนถนนที่ก่อสร้างอย่างไม่รู้จบสิ้นยิ่งต้องเพิ่มความระวังกับการแซงในช่องทางด้านขวาสุดที่รถบรรทุกล้อเยอะชอบวิ่งแช่ยาวๆ ความสามารถของ Adaptive Air Suspension มีส่วนช่วยทำให้รู้สึกสบายตัว จากการทำงานที่ส่งถ่ายความนุ่มหนึบของชุดแอร์สปริงอัตโนมัติ คันเร่งมีนำ้หนักที่เป็นเลิศ พวงมาลัยกับระบบเลี้ยวสี่ล้อ All-wheel steering ทำให้วงเลี้ยวของรถที่ยาว 5 เมตร สั้นกระฉับมากยิ่งขึ้น การขับด้วยความเร็วเดินทาง 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อยกคันเร่ง ระบบ COD ที่มีสตาร์ตเตอร์ / เจเนอเรเตอร์ ใน Mild Hybrid 48V จะตัดการทำงานของกระบอกสูบให้เหลือแค่สี่สูบ การตัดต่อจาก 4 สูบสลับไป 8 สูบแล้วกลับมาที่ 4 สูบอีกครั้งนั้นราบเรียบมาก บางครั้งที่ความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง COD ทำการดับเครื่องยนต์เพื่อประหยัดเชื้อเพลิง ทำให้ RS Q8 Quattro วิ่งอยู่ในสภาวะไหลไปเรื่อยๆ เมื่อเท้าแตะที่คันเร่งหรือเบรกอีกครั้ง เครื่องยนต์จะกลับมาอยู่ในรอบที่มีความสัมพันธ์กับความเร็วในขณะนั้น มันเรียบเนียนและไหลลื่นมาก หากไม่สังเกตที่มาตรวัดก็จะไม่รู้เลยว่า เมื่อยกคันเร่งแล้วระบบเริ่มการทำงาน เครื่องยนต์นั้นดับหรือติดกันแน่!
ระบบส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่โดยใช้ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ 8 สปีด ไปจนถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ที่ส่งแรงบิดไปยังล้อหลังได้ถึง 80% การขับปกติ Quattro จะปรับแรงบิดหน้า 40% และหลัง 60% เพื่อความเสถียร ในกรณีที่เกิดการลื่นไถล ระบบ Quattro AWD สามารถถ่ายโอนแรงบิดไปยังล้อหน้าได้สูงสุดถึง 70 เปอร์เซ็นต์ หรือเทไปยังล้อหลังได้สูงสุดถึง 85 เปอร์เซ็นต์ การติดตั้งเฟืองท้าย active torque vectoring limited slip differential เพื่อเฉลี่ยแรงบิดและสร้างความสมดุล ทำให้รถเกาะกับโค้งราวกับตีนตุ๊กแกยักษ์ Audi Sport ปรับเปลี่ยนระบบกันสะเทือนใหม่ ทำงานบนแทร็กที่กว้างขึ้น (ด้านหน้า 10 มม. และด้านหลัง 5 มม.) อัตราแดมเปอร์ถุงลมที่ปรับปรุงสำหรับระบบกันสะเทือนถุงลมแบบปรับได้ แม้ว่าความกว้างของยาง 295 มม. จะเท่ากันโดยไม่คำนึงถึงเส้นผ่านศูนย์กลางล้อก็ตาม ระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อ สามารถหมุนล้อหลังได้สูงสุด 5 องศา ในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ในย่านความเร็วต่ำ และ 1.5 องศา ในทิศทางเดียวกัน ที่ความเร็วมากกว่า 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบบังคับเลี้ยวแบบสี่ล้อกลายเป็นตัวกำหนดมาตรฐานใหม่ของรถเอสยูวี Quattro ที่แสดงความสามารถในการควบคุมแรงบิดของเพลาหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อลดอาการอันเดอร์สเตียร์หรือหน้าดื้อโค้ง ช่วยให้ RS Q8 มีความคล่องตัวที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ สำหรับรถเอสยูวีที่มีขนาดและน้ำหนักมากกว่ารถทั่วไป (ยกเว้นรถเอสยูวีไฟฟ้าที่หนักกว่านี้เยอะ)
เมื่อเทอร์โบแฝดที่วางคร่อมฝาสูบทำงานผ่านย่าน 2,000 รอบต่อนาที เครื่อง V8 จะยิง RS Q8 ให้พุ่งออกไปตรงๆ พร้อมกับพลังงานที่ลึกล้ำแบบไม่หยุดยั้ง ในขณะที่ในโหมดไดนามิก เสียงบาริโทนอันละเอียดอ่อนของท่อไอเสียคู่จะถูกเสริมด้วยเสียงครางที่ไม่ค่อยจะกระหึ่มเท่าที่ควร การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับระบบขับเคลื่อน นั่นก็คือระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่ปรับอัตราทดอย่างเหมาะสมโหมด ในโหมดขับเคลื่อนที่ดุดันที่สุดอย่าง RS1/RS2
ในบรรดารถ SUV ขนาดกลางสมรรถนะสูงที่มีอยู่ในปัจจุบัน Audi RS Q8 มีความโดดเด่นหลายด้าน รูปลักษณ์ภายนอกแตกต่างจาก BMW X6 M, Mercedes-AMG GLE63 Coupe และ Porsche Cayenne Coupe หรือแม้แต่ Lamborghini Urus ซุปเปอร์สปอร์ตเอสยูวีของ Audi รุ่นนี้ มีการออกแบบห้องโดยสารที่ทันสมัย ด้วยเทคโนโลยีที่มากกว่า BMW, Mercedes และ Porsche อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของ Cayenne Turbo Coupe และ Urus นั้นยังคงเหนือชั้นกว่า RS Q8 อยู่นิดๆ
ท้ายที่สุดแล้ว RS Q8 เป็นตัวเลือกที่ดี ด้วยห้องโดยสารที่ยอดเยี่ยม เทคโนโลยีดีที่สุดเมื่อเทียบราคากับคู่แข่งในคลาสเดียวกัน มีพื้นที่และความสะดวกสบายสำหรับครอบครัวของคุณอย่างสมเหตุสมผล เป้าหมายหลักของ Audi RS ก็คือ การขับใช้งานได้ทุกวันเหมือนรถบ้าน พร้อมการควบคุมที่ท้าทายต่อกฎเกณฑ์ฟิสิกส์ ความสมดุลของพลังและความสะดวกสบาย การตั้งค่าที่ดุดันและเข้าถึงอารมณ์สปอร์ตมากที่สุดของ RS Q8 ก็คือ โหมด RS 2 เครื่องยนต์ V8 แรงบิด 800 นิวตันเมตร ที่ส่งเสียงครางเบาๆ ในย่านความถี่ต่ำ ไปจนถึง 7,000 รอบต่อนาที ระบบควบคุมการยึดเกาะถนนและเสถียรภาพในการเปลี่ยนทิศทาง การเฉลี่ยแรงบิดของ Quattro มุมทั้งสี่ของระบบกันสะเทือนถูกทำให้แน่นขึ้น เมื่อรวมทั้งหมดนี้เข้ากับแร็คพวงมาลัยที่มีอัตราทดเร็วเป็นพิเศษ และระบบบังคับเลี้ยวสี่ล้อ ทำให้ RS Q8 เป็นจักรกลเชื้อเพลิงสมรรถนะสูงยุคสุดท้าย ก่อนที่จะกลายเป็นรถเอสยูวีที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งให้อารมณ์การขับเหมือนขี่หุ่นยนต์ที่ปราศจากจิตวิญญาณ.... นั่นคงน่าเบื่อสิ้นดีสำหรับคนที่เสพติดกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงออกเทนสูง เสียงคำรามและแรงกระชากยามเปลี่ยนเกียร์.
Audi RS Q8 Technical data
RS Q8 quattro
แบบเครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน mild hybrid (MHEV) แบบ V8
พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection),
เทอร์โบชาร์จ
จำนวนวาล์ว 32
ปริมาตรกระบอกสูบ 3996 ซีซี.
แรงม้าสูงสุด 441 กิโลวัตต์ 600 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 800 นิวตันเมตร ที่ 2,200-4,500 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ tiptronic 8 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนสี่ล้อ
อัตราเร่ง 0-100 กม. / ชม. 3.8 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 250 กม. / ชม.
พวงมาลัย พวงมาลัยไฟฟ้า
เบรกหน้า ระบบเบรกแบบ RS พร้อมตกแต่งคาลิเปอร์เบรกด้วยสีแดง
เบรกหลัง ระบบเบรกแบบ RS พร้อมตกแต่งคาลิเปอร์เบรกด้วยสีแดง
พื้นที่เก็บสัมภาระ 605-1,755 ลิตร
ความจุถังน้ำมัน 85 ลิตร
ล้อ 23 นิ้ว ขนาด 10.5J x 23 พร้อมยาง ขนาด 295/35 R23
ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน
ระบบความปลอดภัย RS Q8 quattro
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย
ระบบเบรกมือไฟฟ้า
ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system)
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with stabilization function)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุแบบพื้นฐาน (Audi pre sense basic)
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุด้านหลัง (Audi pre sense rear)
ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตาเมื่อเปลี่ยนเลน (Lane change assist)
ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อจะเปิดประตูลงจากรถ
(Exit warning)
ระบบแจ้งเตือนสภาพแวดล้อมด้านข้างและด้านท้ายรถเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง (Rear cross-traffic assist)
ฟังก์ชันที่ฉีดน้ำกระจกบังลมหน้าติดตั้งบริเวณใบปัดน้ำฝน
เซนเซอร์หน้า-หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
ชุดปฐมพยาบาล
อุปกรณ์มาตรฐาน
ช่วงล่างระบบถุงลมแบบ Sports
ระบบท่อไอเสียแบบ RS sports
ระบบบังคับเลี้ยวทั้งสี่ล้อ (All-wheel steering)
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ (Audi drive select)
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ RS
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ Glossy Black RS พร้อมตกแต่ง Audi Ring
และชื่อรุ่นด้วยสี Glossy Black
ชุดตกแต่งภายในแบบ RS
หลังคาพาโนรามิคเลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ราวหลังคาตกแต่งด้วยสีดำ
ไฟหน้าแบบ HD Matrix LED
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า้ และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
กระจกมองข้างตัดแสงและปรับ-พับไฟฟ้า พร้อมฟังก์ชันบันทึกตำแหน่ง
ด้านบนของคอนโซลหน้า และแผงประตูชิ้นบนหุ้มหนัง Fine Nappa
คอนโซลตรงกลางหุ้มหนัง Fine Nappa/Alcantara
อุปกรณ์มาตรฐาน RS Q8 quattro
ด้านข้างของคอนโซลตรงกลางและพวงมาลัยหุ้ม Alcantara สีดำ
ตกแต่งด้วยด้ายสีแดงหรือเทา
ที่วางแขนข้างประตูหุ้มหนัง Fine Nappa ตกแต่งด้วยด้ายสีแดงหรือเทา
คันเกียร์หุ้ม Alcantara สีดำ
สายเข็มขัดนิรภัยสีดำตกแต่งขอบด้วยสีแดงหรือเทา
ตกแต่งห้องโดยสารภายในด้วยลาย Matte Carbon
พรมในห้องโดยสารด้า้นหน้าสีดำ ตกแต่งด้วยด้ายสีแดงหรือเทา
พร้อมสัญลักษณ์ RS
ความสะดวกสบาย
เบาะนั่งหุ้มหนัง Valcona ตกแต่งด้วยด้ายสีแดง, เทา หรือดำ
เบาะนั่งคู่หน้าแบบ RS Sports ตกแต่งแบบ honeycomb
ฟังก์ชันนวดเพื่อการผ่อนคลายสำหรับเบาะนั่งคู่หน้า
ฟังก์ชันเบาะอุ่นและระบายอากาศสำหรับเบาะนั่งคู่หน้า
เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมระบบปรับดันหลัง และฟังก์ชันบันทึกตำแหน่งเบาะนั่ง
เบาะผู้โดยสารด้านหลังพับได้
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระ 4 โซน
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน แบบสปอร์ตท้ายตัด พร้อมสัญลักษณ์ RS และ Paddle shift
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise control)
ม่านบังแดดประตูด้านหลังซ้าย-ขวา ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
ม่านบังแดดกระจกบังลมด้านหลัง
ระบบช่วยผ่อนแรงเมื่อปิดประตู
กุญแจแบบ Comfort key และระบบสัญญาณกันขโมย พร้อมระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายโดยไม่ต้องใช้มือ และแผ่นปิดสัมภาระท้ายรถแบบไฟฟ้า
ระบบข้อมูลและความบันเทิง
ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ
ระบบ MMI Navigation plus พร้อมหน้าจอแบบสมผัส (MMI touch) ขนาด 10.1 นิ้ว
ระบบ Audi smartphone interface
ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display)
จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว
รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth
ช่องเชื่อมต่อ USB
ไฟเรืองแสงในห้องโดยสารแบบปรับสีได้ (Contour/ambient lighting)
ของขวัญซานต้า ทดสอบ AUDI RS Q8 QUATTRO ร่างจำแลง LAMBORGHINI URUS - ไทยรัฐ
Read More
No comments:
Post a Comment