หลังจากที่มีช่าวว่า vivo มีแผนที่จะเปิดตัว vivo V23 Series สมาร์ตโฟนกล้องเซลฟี่คู่ 50MP ที่ประเทศอินเดียในเดือมมกราคมนี้นั้น ล่าสุดบริษัทได้ปล่อยทีเซอร์เผยวันเปิดตัวของสมาร์ตโฟนดังกล่าวออกมาให้ทราบกันแล้ว
บัญชี Twitter อย่างเป็นทางการของ vivo Indiaได้ทวีตภาพทีเซอร์เตรียมเปิดตัว vivo V23 Series อย่างเป็นทางการที่ประเทศอินเดียในวันที่ 5 มกราคม 2022 เวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งตรงกับบ้านเราเวลา 13.30 น.
นอกจากนี้ vivo V23 Series จะเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นแรกของอินเดียที่เปลี่ยนสีได้ โดยฝาหลังของ vivo V23 Series จะทำจากกระจกที่เปลี่ยนสีจากสีทองเป็นสีเขียวได้เมื่อโดนแสงแดดหรือแหล่งกำเนิดรังสียูวีอื่นๆ ซึ่งจะมีเฉพาะ V23 และ V23 Pro สี Sunshine Gold เท่านั้นที่รองรับคุณสมบัตินี้ ส่วนสี Gray/Black จะไม่รองรับคุณสมบัตินี้
อย่างไรก็ตาม ในส่วนสเปกอื่นๆ ของ vivo V23 Series ยังไม่มีข้อมูลเผยออกมาในตอนนี้ มีเพียงสเปกกล้องที่มีการยืนยันแล้วว่า V23 จะมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ขณะที่ V23 Pro จะมาพร้อมจอขอบโค้ง และกล้องหลัง 3 ตัวความละเอียด 108 ล้านพิกเซล
ตามข้อมูลจากการทวีตของ Dohyun Kim ได้หยอดคำใบ้ว่า Samsung กำลังเตรียมที่จะบอกลา Android เพื่อไปใช้งาน Fuchsia OS ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะใช้เวลาราว “2-3 ปี” ดังนั้นจะยังไม่เห็นกันในเร็วๆ นี้
สำหรับ Fuchsia OS เป็นระบบปฏิบัติการของ Google ที่ทำมาเพื่อพัฒนาและทดสอบคุณสมบัติซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 2016 ซึ่งได้มีการเปิดตัวกับ Google Nest Hub ไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าทาง Google จะแสดงท่าทีชัดเจนว่า Fuchsia OS จะไม่เข้ามาแทนที่ Android แต่ในทางกลับกันก็มีโอกาสที่ฝั่งผู้ผลิตอย่าง Samsung และคนอื่นๆ จะนำระบบปฏิบัติการใหม่มาใช้ ซึ่งทางแหล่งข่าวไม่ได้เปิดเผยว่า Samsung มีแผนจะเชื่อมโยง One UI เข้ากับระบบปฏิบัติการตัวนี้ด้วยหรือไม่ ซึ่งปัจจุบัน Samsung ยังคงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา One UI สำหรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ขณะที่ One UI 4 ในปัจจุบันก็มีการหยุดและรีสตาร์ทการอัพเดตให้กับอุปกรณ์เนื่องจากติดปัญหาที่ Google Play Store
รีบจับจองคอลเลคชั่นพิเศษ Instax Mini 11 BTS Butter Version ได้แล้ววันนี้ที่ Wonder Photo Shop, Big Camera และ B2S ทุกสาขาทั่วประเทศไทย หรือชอปผ่านช่องทางออนไลน์
แล็ปท็อป Lenovo 100e Chromebook Gen 2 มีขนาดกระทัดรัด กับหน้าจอขนาด 11.6 นิ้ว ตัวเครื่องนอกเหนือจากความแข็งแรง ทนทาน ยังมาพร้อมแอปพลิเคชั่นอย่าง Google Classroom, G Suite for Education และซอฟต์แวร์อื่นๆ อีกมากมายในราคาที่เป็นมิตร
หน้าจอแบบลดแสงสะท้อนช่วยลดความล้าที่เกิดจากการใช้สายตามองหน้าจอ หน่วยประมวลผล AMD ที่มากับเครื่องช่วยให้แอปพลิเคชั่นที่ได้ดาวน์โหลดได้จาก Google Play และ Chrome Web Store ใช้งานได้อย่างไม่มีสะดุด ทั้งยังมีแอปเพื่อการศึกษาแบบ interactive และกล้องแว็บแคมความละเอียด 720p แบบ HD ที่ช่วยให้การเรียนรู้มีความน่าสนใจเหมือนอยู่ในชั้นเรียนจริงเมื่อต้องเรียนแบบออนไลน์
ตัวเครื่อง 100e Chromebook Gen 2 มาพร้อมความทนทานกับคีย์บอร์ดที่กันน้ำ วัสดุข้อต่อเครื่องมีความทนทาน รับแรงกระแทกจากการทดสอบการหล่นได้ที่ความสูง 75 เซนติเมตร
ทำงานเชื่อมต่อกับซอฟท์แวร์เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ทางดิจิทัลอย่าง Absoluteเพื่อติดตาม ตรวจสอบ และจัดการอุปกรณ์ ทางด้าน SentinelOne ได้นำประสิทธิภาพของ AI มาใช้ด้านความปลอดภัย ได้ในแบบเรียลไทม์เพื่อป้องกันไวรัส
ส่วนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลหรือ Digital Transformation คือการทำความเข้าใจความต้องการและอุปสรรคของทั้งผู้เรียนและผู้สอน เลอโนโวมาพร้อมโซลูชั่น robust IT and instructional software solutions เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้
LanSchool Air ช่วยเชื่อมต่อผู้สอนเข้ากับนักเรียนบนพื้นที่ดิจิทัล เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ออนไลน์ที่มีความหมายทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน
นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของวงการเกม เมื่อ Nintendo ค่ายเกมยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศเปิดตัวเว็บไซต์ภาษาไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าลุยตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบเต็มตัว
Nintendo เริ่มส่งสัญญาณเตรียมรุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยการเปิดเว็บไซต์ทางการสำหรับประเทศสิงคโปร์ พร้อมเปิดช่อง YouTube: Nintendo Official Channel (Southeast Asia) ตามมาด้วยการเปิดแฟนเพจ Nintendo (Southeast Asia) ในเดือนพฤศจิกายน และในที่สุดก็ได้ฤกษ์เปิดเว็บไซต์ภาษาไทยอย่างเป็นทางการเสียที
ภายในเว็บไซต์ https://www.nintendo.com/th/ ประกอบด้วยข้อมูลผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Nintendo ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเกมคอนโซลล่าสุดอย่าง Nintendo Switch อุปกรณ์เสริมอย่าง Joy-Con, เคส, อแดปเตอร์, Amiibo ฯลฯ รวมถึงซอฟต์แวร์เกมทั้งที่วางจำหน่ายแล้ว และกำลังจะวางจำหน่ายในอนาคต ซึ่งทุกหน้าได้รับการแปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทยที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่ได้ใช้ระบบแปลอัตโนมัติแน่นอน
อีกหนึ่งข้อมูลสำคัญที่มีการเปิดเผยในเว็บไซต์คือสิทธิ์ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ https://www.nintendo.com/th/dealer/ โดย JD CENTRAL จะเป็นตัวแทนจำหน่ายผ่านร้านค้าออนไลน์ Jaymart จะเป็นตัวแทนจำหน่ายผ่านร้านค้าปลีก ส่วน MM Soft (หรือ MAXSOFT) จะเป็นตัวแทนจำหน่ายหลักของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในกรณีที่เครื่องคอนโซล Nintendo Switch ประสบปัญหาการใช้งาน สามารถส่งซ่อมที่ Nintendo Service Center ผ่านศูนย์บริการของ JD CENTRAL (https://www.nintendo.com/th/support/repair/)
ถือเป็นเรื่องดีที่ Nintendo เริ่มความสำคัญกับตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงประเทศไทย ซึ่งหากได้รับการสนับสนุนมากพอ ไม่แน่ว่าอนาคตอาจจะมี Nintendo eShop โซนไทย หรือเกม Nintendo แปลไทยก็เป็นได้